มองตึกสูงที่อยู่ตรงหน้า มองห้องโถงรับแขกที่อยู่ตรงหน้า ตึกนั้นกำลังถล่ม
สุสานกษัตริย์ฉิน กับร่างชัชพิสิฐ และศพที่เคยถูกชัชพิสิฐย้ายวิญญาณยึดครองไปได้จมลงไปใต้พื้นดิน
ขณะนี้ บาวันและคนอื่น ๆ ซึ่งยืนอยู่หน้าสุสานกษัตริย์ฉินรู้สึกเศร้าโศก
พวกเขาไม่ได้เป็นห่วงว่าสุสานกษัตริย์ฉินถูกกลืนเข้าไปหรือไม่ แต่สิ่งที่ทำให้พวกเขาเป็นห่วง คือความปลอดภัยของรพีพงษ์ที่ยังอยู่ในสุสาน
“ศิษย์พี่นิศมา รพีพงษ์คงจะไม่เป็นอะไรใช่ไหม” บาวันกล่าวถาม
นิศมากัดริมฝีปาก ตอนแรกเธอมีเชื่อมั่นในตัวรพีพงษ์ แต่ตอนนี้เมื่อเห็นรัศมีอันทรงพลังที่ระเบิดออกมาจากผู้แข็งแกร่งระดับแดนดั่งเทพแล้ว ทำให้เธอไม่แน่ใจว่ารพีพงษ์จะยังมีชีวิตอยู่หรือไม่
“ทุกคนฟังนะ ส่งคนสองคนกลับไปที่ที่พวกเราอาศัยอยู่ แล้วนำพลั่วที่แหลมคมหลายอันมา พวกเราจะขุดดินลงไปสามฟุต และจะต้องช่วยรพีพงษ์ให้ได้!”
นฤชัยผู้อ่อนแอกล่าว
“โอเค ฉันจะไปเดี๋ยวนี้”
บาวันหันหลังและกำลังจะเดินจากไป แต่ถูกศิษย์พี่สองคนขวางไว้ “ศิษย์น้องบาวันรออยู่ที่นี่เถอะ พวกเราสองคนไปเอง”
พูดจบ สองคนนั้นก็เดินไปอย่างรวดเร็ว
ขณะนี้ ใต้สุสานกษัตริย์ฉิน นภวัตแทงตนเองด้วยกริชเพื่อระเบิดตัวเอง
รพีพงษ์อยู่ใกล้เขามาก แทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะหลบเลี่ยงได้
ถ้าเป็นรพีพงษ์ก่อนหน้านั้น คราวนี้อาจจะรอดยาก แต่รพีพงษ์ในตอนนี้นอกจากพัฒนาระดับแล้ว เขายังได้ต่อสู้กับยอดฝีมือระดับแดนดั่งเทพหลายครั้ง และสิ่งที่เขาสั่งสมไว้มากที่สุดคือประสบการณ์การต่อสู้
การต่อสู้กับยอดฝีมือ ชัยชนะและความพ่ายแพ้มักเกิดขึ้นทันที ทำให้รพีพงษ์มีประสบการณ์มากพอที่จะใช้วิธีที่ปลอดภัยที่สุดเพื่อปกป้องตัวเองในช่วงเวลาที่อันตรายที่สุด
ช่วงเวลาเดียวกันที่ฝ่ายตรงข้ามระเบิดตัวเอง รพีพงษ์ก็ปล่อยพลังวิเศษเสนของตนเองทันที เพื่อเปลี่ยนเป็นเกราะป้องกันขนาดใหญ่ และเขาซ่อนตัวอยู่ภายใต้เกราะป้องกัน เพื่อต้านทานก้อนหินดินทรายที่ตกลงมาจากด้านบนอย่างต่อเนื่อง
และขณะนี้มังกรทองยักษ์ที่รพีพงษ์เรียกก็มาอยู่ตรงหน้าแล้ว
โดยไม่ชักช้า รพีพงษ์กระโดดขึ้นไปนั่งคร่อมอยู่บนตัวมังกรยักษ์ทันที
มังกรยักษ์คำรามเสียงดัง และพุ่งไปยังทิศทางที่ก้อนหินตกลงมา
รพีพงษ์ที่นั่งคร่อมอยู่บนตัวของมังกรทอง มือข้างหนึ่งถือกระบี่สยบเซียนไว้ และมืออีกข้างหนึ่งถือโล่ไว้แน่น
เขาขมวดคิ้ว และเคลื่อนตัวต้านลม เขาโบกสะบัดกระบี่สยบเซียนที่อยู่ในมือไปมาอย่างต่อเนื่อง แล้วก้อนหินขนาดใหญ่ก็ถูกผ่าครึ่งทันที
และมังกรยักษ์ตัวนี้ก็ดุร้ายยิ่งขึ้นไปอีก เปลวไฟที่โหมกระหน่ำออกมาจากปากของมันทำให้หินขนาดใหญ่ด้านบนละลายหายไป และกรงเล็บด้านหน้าขนาดใหญ่ก็ทุบหินเหล่านั้นให้ละเอียดทันที
โผล่มาจากพื้นดิน!
ขณะที่นิศมาและคนอื่น ๆ ที่อยู่ข้างนอกกำลังจะเริ่มใช้พลั่วแหลมในมือขุดดิน รพีพงษ์ก็ขี่มังกรทองทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า
นิศมาและคนอื่น ๆ วางเครื่องมือในมือลงอย่างเงียบ ๆ และมองขึ้นไปที่รพีพงษ์ ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความเลื่อมใสศรัทธา
นฤชัยถึงกับถอนหายใจ พวกเขาไม่สามารถเทียบความสามารถของรพีพงษ์ได้เลย ไม่น่าแปลกใจเลยที่ชัชพิสิฐเลือกรพีพงษ์เป็นเป้าหมายในการย้ายวิญญาณ
ด้วยการระเบิดตนเองของนภวัต ทำให้วิญญาณของตัวเขาเองสลายไป สิ่งนี้ยังบ่งชี้ว่า ในโลกนี้ผู้คุ้มกันคนสุดท้ายที่มีความเกี่ยวข้องกับชัชพิสิฐก็ถูกทำลายไปแล้ว ตั้งแต่นี้ต่อไป ชัชพิสิฐได้กลายเป็นอดีตไปแล้ว และจะไม่มีใครพูดถึงชื่อของเขาอีก
“รพีพงษ์!”
บาวันวิ่งนำไปก่อน และจับแขนของรพีพงษ์ไว้ แล้วกล่าวว่า “ฉันรู้ว่าคุณจะต้องไม่เป็นอะไร คุณไม่รู้ เมื่อสักครู่ศิษย์พี่นิศมาเป็นห่วงคุณมาก”
เมื่อนิศมาได้ยิน ใบหน้าของเธอก็เปลี่ยนเป็นสีแดงระรื่น นังหนูคนนี้ เห็นได้ชัดว่าเธอเองเป็นห่วงรพีพงษ์มาก แต่ยังแกล้งโบ้ยมาให้ตนเอง
นฤชัยมองนิศมาที่อยู่ด้านข้าง รู้สึกเศร้าใจเล็กน้อย
ทำไมเขาจะไม่อยากเป็นเหมือนฮีโร่ต่อหน้าผู้หญิงที่ตนเองรัก และปกป้องพวกเขา?
“แล้วคุณล่ะ คุณไม่เป็นห่วงหรือ?” รพีพงษ์กล่าวเบา ๆ
“ฉัน? ฉันเป็นห่วงแน่นอน อย่าลืมสิ คุณเป็นแฟนอย่างเป็นทางการของฉัน”
บาวันกล่าวด้วยรอยยิ้ม
รพีพงษ์หน้าดําคร่ำเครียด นังหนูคนนี้ พูดจาไม่มีแก่นสารเหมือนเดิม
เขาเดินไปอยู่ข้างนฤชัย และนฤชัยที่บาดเจ็บสาหัสอยากจะลุกขึ้น แต่ถูกรพีพงษ์หยุดไว้ “ลำบากคุณแล้ว ตอนนี้คุณรู้สึกดีขึ้นบ้างไหม”
นฤชัยส่ายศีรษะ และกล่าวด้วยรอยยิ้มขมขื่น “ไม่เป็นไร แค่นี้ไม่ตายหรอก”
รพีพงษ์มองไปที่ผู้คนและกล่าวว่า “คราวนี้ คนที่พวกเราควรขอบคุณมากที่สุดคือนฤชัย ถ้าเขาไม่ได้ต่อสู้อย่างหนักเพื่อถ่วงเวลานภวัตไว้ เกรงว่าพวกคุณคงจะไม่สามารถทนรอให้ผมมาช่วยชีวิตได้”
“ใช่ พี่นฤชัยก็น่าทึ่งเช่นกัน โดยเฉพาะกระบี่สุดท้ายที่แทงนั้นเท่มาก ถ้าไม่ใช่เพราะไอ้หมอนั้นเป็นวิญญาณ คุณก็จะชนะแล้ว”
บาวันกล่าว จนทำให้นฤชัยรู้สึกเก้อเขินเล็กน้อย
“ขอบคุณ” นิศมาย่อตัวลง แล้วกล่าวที่ข้างหูของนฤชัย
เมื่อมองหญิงสาวที่ตนเองรัก ใบหน้าซีดขาวเผือดของนฤชัยก็แดงขึ้น
ตนเองจีบนิศมามาเป็นเวลานาน แต่นิศมาไม่เคยใกล้ชิดหรือพูดคุยกับตนเองเหมือนวันนี้
“ไม่……ไม่เป็นไร ผมเป็นศิษย์พี่ของพวกคุณ ปกป้องพวกคุณเป็นสิ่งที่ผมควรทำอยู่แล้ว”
“อาการบาดเจ็บของคุณ…….ให้ฉันดูแลเองน่ะ”
นิศมากล่าวเบา ๆ และรู้สึกเก้อเขินเล็กน้อย “คุณอย่าคิดมาก ฉันแค่คิดว่าคุณได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการปกป้องพวกเรา ดังนั้นฉันคิดว่าควรจะทำอะไรสักอย่างเพื่อคุณ”
นฤชัยมองไปที่นิศมา ด้วยความรู้สึกเหม่อลอยเล็กน้อย
“ศิษย์พี่ใหญ่ คุณโชคดีจริง ๆ เทพธิดาของพวกเราดูแลคุณเป็นการส่วนตัว น่าอิจฉาจริง ๆ”
“ถ้ารู้แต่แรกผมก็อยากจะต่อสู้กับนภวัตด้วย สามารถทำให้ศิษย์พี่นิศมามาดูแลได้วันหนึ่งก็ยังดี”
“ถูกต้อง ศิษย์พี่นิศมา ดูสิพวกเราทุกคนก็ได้รับบาดเจ็บ หรือไม่ ศิษย์พี่มาดูแลพวกเราคนล่ะวัน?”
ทุกคนพูดติดตลก
“ไป ๆ ๆ อาการบาดเจ็บของพวกมันเทียบกับศิษย์พี่นฤชัยได้หรือ? หรือจะให้ฉันดูแลพวกคุณ?” บาวันกล่าวกับคนเหล่านี้ ทำให้คนเหล่านี้หัวเราะและโบกมือปฏิเสธ ซึ่งทำให้บาวันรู้สึกโกรธขึ้นมาทันที
“เอาล่ะ พวกคุณกล้าดูถูกฉัน สมควรถูกตี!”
ขณะพูด บาวันก็วิ่งไล่ตีพวกเขา……..
รพีพงษ์ยิ้มที่มุมปาก เมื่อมองดูการทะเลาะวิวาท เขาก็อดรู้สึกไม่ได้ พูดถึงเรื่องนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างคนเหล่านี้ดีมาก และคราวนี้พวกเขาสามารถมารวมตัวกัน ถือเป็นความดีความชอบของชัชพิสิฐ
ถ้าไม่ใช่เพราะความเห็นแก่ตัวของตนเอง ที่จะสรรหาคนที่มีความสามารถจากทั่วทุกมุมโลก คนเหล่านี้คงไม่รู้จักกัน
นี่ถือเป็นสิ่งที่ดี กลับช่วยรพีพงษ์ได้มาก ที่สำนักเทพยาเซียน ยังมียาเม็ดวิญญาณชี่สามสิบแปดที่รอให้คนเหล่านี้อยู่
ขณะนี้ รพีพงษ์รู้สึกได้ว่า ห่างจากที่นี่ประมาณสามกิโลเมตร มีเสียงฝีเท้าที่หนักแน่นมุ่งตรงมาทางนี้
“เกือบลืมพวกเขาไปเลย”
รพีพงษ์คิดอยู่ในใจ แล้วกวักมือให้ทุกคนที่ไล่ตีกันให้หยุด
“เป็นอะไรไป รพีพงษ์?”
นฤชัยกล่าวถาม
“พวกเราไปหาที่หลบซ่อนตัวกันก่อน บนเกาะแห่งนี้ มีแขกที่ไม่ได้รับเชิญมาหลายคน” รพีพงษ์กล่าวเบา ๆ
ทันทีที่คนเหล่านี้ได้ยิน สีหน้าของพวกเขาก็แสดงความกังวลทันที
ก่อนหน้านี้นภวัตทำให้สถานที่แห่งนี้โกลาหลอลหม่าน และตอนนี้ก็มีแขกที่ไม่ได้รับเชิญมาอีก หากพวกเขาเป็นเหมือนนภวัต ตนเองควรจะรับมืออย่างไรดี
รพีพงษ์มองออกว่าคนเหล่านี้คิดอะไรอยู่ เขายิ้มและกล่าวว่า “ไม่เป็นไร ในตอนนี้ จะมีสักกี่คนที่อยู่ในระดับแดนดั่งเทพชั้นยอด เป็นเพียงแค่โจรตัวเล็ก ๆ เท่านั้น ไม่ต้องใส่ใจ เมื่อพวกเขามา พวกเราจะจับให้หมด”
“เอาล่ะ ทำตามที่รพีพงษ์บอก พวกเราหลบซ่อนตัวก่อน”
นฤชัยกล่าว
ในขณะนี้ คนจำนวนเจ็ดแปดคนที่มาถึงเกาะด้วยเรือใหญ่กำลังเดินไปที่สุสานกษัตริย์ฉิน
“สมควรตาย ทำให้พวกเราเดินทางไกลมาก”
“ใช่ เกาะแห่งนี้รกร้างและแออัด แม่งฉิบหาย แทนที่กูจะเพลิดเพลินไปกับความมั่งคั่งในเมือง ทำไมต้องมาสถานที่ที่เหมือนผีสิงแห่งนี้ด้วย”
“พวกคุณเบาเสียงกันหน่อย เมื่อสักครู่พวกคุณไม่ได้ยินเสียงระเบิดหรือไม่? ไม่แน่ พี่ใหญ่อาจอยู่ที่นั่น”
หลังจากที่ผู้นำพูดจบ คนเหล่านี้ก็หยุดพูด
ปรากฏว่า หลังจากที่พวกเขาถึงบนเกาะ ไม่นานพวกเขาก็หลงทาง และวนไปรอบ ๆ ราวกับแมลงวันหัวขาด
เมื่อสักครู่พวกเขาได้ยินเสียงระเบิดรุนแรงที่นภวัตระเบิดตนเอง ดังนั้นพวกเขาจึงมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น
เพียงแต่ สิ่งที่พวกเขาไม่รู้ในตอนนี้คือรพีพงษ์ และศิษย์ของสำนักสยบเซียน กำลังรอให้พวกเขามาถึงอย่างเงียบๆ