พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1339 พลังแห่งดาบ

บทที่ 1339 พลังแห่งดาบ

ธีรพัฒน์สามารถสัมผัสได้จากจิตวิญญาณเทพของเขาว่า พลังของธัชธรรมนั้น ได้เพิ่มขึ้นจากก่อนหน้านี้เป็นหลายเท่า

เดิมทีเขายังห่างไกลจากแดนเทพมาก แต่ในตอนนี้ หลังจากกินผลเทพลงไป ธัชธรรมก็ก้าวข้ามกำแพงที่ขวางกั้นเขามาตลอดและเข้าสู่แดนเทพในที่สุด

“รพีพงษ์ ขอบคุณนะครับ ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ ในชีวิตนี้ผมคงไม่มีโอกาสได้เข้าสู่แดนเทพจริงๆ แล้ว” ธัชธรรมพูด

รพีพงษ์ยิ้มจางๆ “ในวันที่ผมยังไม่รู้จักเน่ยจิ้ง วันที่ผมถูกอนันยชไล่ฆ่า ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ บางทีวันนี้อาจจะไม่มีรพีพงษ์คนนี้แล้ว”

ธัชธรรมพยักหน้าตอบ เขาไม่เพียงแต่ภาคภูมิใจในพรสวรรค์ของรพีพงษ์เท่านั้น นอกจากนี้ยังมีความหนักแน่นและความแน่วแน่ที่มีอยู่ในตัวของรพีพงษ์ แม้จะยืนอยู่จุดที่สูงกว่าคนทั่วไป แต่เขาไม่เคยคิดจะโอ้อวด

ซึ่งแน่นอนว่าชีวิตสามปีของการเป็นลูกเขยก็มีส่วนเกี่ยวข้องในการทำให้รพีพงษ์เติบโตจนเป็นผู้ใหญ่ในวันนี้ได้

“เอาล่ะ ทีนี้เราก็มีแดนเทพสามคนแล้ว”

รพีพงษ์พูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นและด้วยสายตาที่มั่นใจ

สำหรับประสิทธิภาพของผลเทพนี้ เขารู้สึกพึงพอใจมาก และในขณะเดียวกัน เขาก็พอใจมากที่ธัชธรรมได้ใช้ผลเทพนี้

ผู้ที่อยู่ในแดนเทพขั้นกลาง หลังจากกินผลเทพลงไปก็กลายเป็นแดนเทพในทันที แต่ถ้าให้เขาเป็นคนกินผลเทพ ผลลัพธ์อาจจะทำให้เขาอยู่ในจุดเดิมหรืออาจจะไปไม่ถึงแดนเทพขั้นกลางเลยก็เป็นไปได้ เพราะในความเป็นจริงแล้ว ยิ่งอยู่ในระดับที่สูงขึ้น การก้าวกระโดดในระดับก็จะยากขึ้นด้วยเช่นกัน แดนเทพสามคน สำหรับยอดฝีมือในกลุ่มสิงโตนั้น ไม่เคยมีใครคาดคิดเลยจริงๆ แต่ทุกอย่างมันก็เกิดขึ้นอยู่ตรงหน้าแล้ว และในขณะนี้ มนุษย์ที่เป็นเหมือนทวยเทพทั้งสามก็นั่งลงเพื่อซ่อมแซมผนึกที่กำลังถูกศัตรูโจมตีอยู่ ในบรรดาสามคนนี้ รพีพงษ์เป็นคนที่มีอายุน้อยที่สุด แต่กลับเป็นคนที่มีอิทธิพลมากที่สุด!

หลังจากเห็นแดนเทพทั้งสามคนนี้ ผู้คนที่ในกลุ่มสิงโตก็เต็มไปด้วยความมั่นใจในการฝึกฝนวิชาที่นี่!

เพียงแต่ว่าสถานการณ์ที่พวกเขาต้องกังวลในตอนนี้คือ หลังจากช่องทางถูกเปิดออก คนของทวีปโอชวินก็จะทะลักเข้ามายังโลก ถึงเวลานั้นคงเลี่ยงการนองเลือดไม่ได้อย่างแน่นอน

รพีพงษ์และผู้อาวุโสอีกสองคนใช้พลังจิตวิญญาณเทพอย่างมหาศาลในการซ่อมแซมช่องทางนี้ ซึ่งพลังการโจมตีผนึกของศัตรูนั้นแข็งแกร่งและรวดเร็วมาก แม้ทางฝั่งของรพีพงษ์ก็ไม่ได้ช้าแต่อย่างใด แต่ระหว่างสองฝ่ายนี้ยังไงก็มีช่องว่างที่แตกต่างกันอยู่ดี

เพราะท้ายที่สุดแล้ว คู่ต่อสู้ของพวกเขานั้นมีแดนเทพอยู่แปดคนเลย

รพีพงษ์กับธีรพัฒน์มองหน้ากัน ทั้งสามไม่ได้พูดอะไรมาก และในใจรู้ว่าขืนเป็นแบบนี้ต่อไป ไม่ช้าก็เร็วช่องทางจะถูกเปิดออกอย่างแน่นอน

“ท่านผู้อาวุโสทั้งสองท่านครับ วันนี้เราจะสู้กับพวกเขาอย่างเต็มที่ ให้มันวัดกันไปสักข้างเลยนะครับ!”

รพีพงษ์พูดด้วยดวงตาที่แน่วแน่

ธีรพัฒน์เข้าใจถึงความตั้งใจของรพีพงษ์ก่อน จากนั้นเขาพยักหน้าตอบโดยที่ไม่ลังเลใดๆ “ได้ ตามที่เจ้าพูดเลย วันนี้เราจะให้ทวีปโอชวินเห็นถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของพวกเรา!”

“ครับ”

รพีพงษ์พยักหน้า จากนั้นพูดอย่างเสียงดัง “ท่านผู้อาวุโสทั้งสองท่านครับ ท่านทั้งสองใช้จิตวิญญาณเทพพร้อมกันกับผม เราจะสู้กับพวกมันให้ถึงที่สุดนะครับ!”

จากนั้นรพีพงษ์ก็ระเบิดจิตวิญญาณเทพออกมาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เขาไม่ได้ใช้กับผนึกที่ถูกทำลาย แต่เขากลับจับการเคลื่อนไหวของจิตวิญญาณเทพของแดนเทพทั้งแปดในทวีปโอชวิน

“ท่านอาจารย์ครับ”

ธัชธรรมมองไปที่ธีรพัฒน์ และธีรพัฒน์ก็ยิ้มตอบ “ตาแก่อย่างเราสองคนจะแพ้ให้กับวัยรุ่นไม่ได้ มาเถอะ ให้ทุกคนได้เห็นถึงพลังที่แท้จริงของตาแก่อย่างพวกเรา!”

จากนั้นจิตวิญญาณเทพที่ทรงพลังของทั้งสองก็รวมเข้ากับจิตวิญญาณเทพของรพีพงษ์

นี่มันสงครามที่ไม่ต้องเผชิญหน้ากันชัดๆ!

ทั้งสองฝ่ายไม่ได้พบกันด้วยซ้ำ แต่จิตวิญญาณเทพกลับปะทะกันในช่องทางนี้

เนื่องจากจิตวิญญาณเทพของเหล่าแดนเทพทั้งแปดในทวีปโอชวินได้โจมตีเข้ามาที่ผนึกอย่างพร้อมเพรียงกัน ดังนั้นทางฝั่งของรพีพงษ์จึงง่ายที่จะจับทางจิตวิญญาณเทพของพวกเขาได้

เป็นการปะทะกันอย่างดุเดือด

ธีรพัฒน์ที่มีแดนเทพขั้นกลางได้ระเบิดพลังออกมาและปะทะกับพลังของศัตรูทันที ส่วนรพีพงษ์ก็ไม่ได้แพ้กัน ผู้ที่เกิดมาพร้อมกับจิตวิญญาณเทพ และในจิตวิญญาณเทพก็ยังมีพลังทิพย์อีกด้วย ดังนั้นพลังจิตวิญญาณของเขาไม่ได้แพ้ให้กับธีรพัฒน์เลย

ทวีปโอชวิน

จิรกิตติ์รู้สึกถึงการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติในช่องทางนี้อย่างรวดเร็ว

“เป็นไปได้ไง ทำไมมีแดนเทพถึงสามคนเลย?”

จิรกิตติ์รู้สึกไม่คาดคิดเลยว่าในช่วงเวลาสั้นๆ นี้ บนโลกก็มีแดนเทพเพิ่มมาอีกคน

ชาคริตและคนอื่นๆ ต่างก็ประหลาดใจด้วยเช่นกัน

เพราะจิตวิญญาณเทพทั้งสามของศัตรูนั้น เป็นที่ชัดเจนว่าจิตวิญญาณเทพสองในสามได้มาถึงแดนเทพขั้นกลางแล้ว

“ดูเหมือนว่าพวกเราจะประเมินความสามารถของพวกเขาต่ำไป”

ชลัชพูดอย่างเคร่งขรึม

“นี่มันก็แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของแหล่งพลังทิพย์ ซึ่งตอนนี้แหล่งพลังทิพย์สุดท้ายบนโลกอยู่ที่ประเทศจีน ดังนั้นจึงเป็นเหตุผลที่ประเทศจีนเท่านั้นถึงจะมีผู้ฝึกฝนวิชา แต่ไม่คิดเลยว่าด้วยแหล่งพลังทิพย์สุดท้ายนี้ ประเทศจีนยังมีแดนเทพถึงสามคนได้ มันช่างน่าทึ่งเลยจริงๆ!”

ชลิตพูด

ดวงตาของจิรกิตติ์แผ่ด้วยออร่าแห่งการสังหาร เขาเดินมาที่ชาคริตกับเมฆและพูดด้วยน้ำเสียงลึกล้ำว่า “วันนี้เราต้องทำให้พวกมันได้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของพวกเรา เราจะทะลุช่องทางนี้ไปให้ได้โดยที่ไม่รอช้าอีก เราจะต้องแย่งแหล่งพลังทิพย์สุดท้ายนี้ให้เร็วที่สุด!”

“ครับ เจ้าทวีป!”

ชาคริตและคนอื่นๆ ตอบอย่างพร้อมเพรียงกัน

หลังจากนั้น ทั้งแปดคนก็ระเบิดพลังที่น่าทึ่งออกมาอีกครั้ง

และในทันใดนั้น จิตวิญญาณเทพทั้งสามของทางฝั่งของรพีพงษ์ก็ถูกระงับทันที

“ให้ตายสิ ทำไมถึงแข็งแกร่งขาดนี้!”

รพีพงษ์กัดฟันพูด

ธีรพัฒน์สีหน้าเคร่งขรึมมาก ในฐานะผู้ฝึกวิชาที่อาวุโสที่สุดในประเทศจีน เขาจึงรู้ถึงความแข็งแกร่งของทวีปโอชวินอย่างลึกซึ้งที่สุด

เพียงแต่ว่า สองร้อยปีที่ผ่านมานี้ ไม่คิดเลยว่าทวีปโอชวินจะมีแดนเทพเพิ่มขึ้นมากมายเช่นนี้

ส่วนธัชธรรมที่เพิ่งเข้าสู่แดนเทพ แม้จิตวิญญาณเทพของเขาจะแข็งแกร่งกว่าที่ผ่านมา แต่เมื่อเทียบกับแดนเทพในระดับเดียวกัน พลังของเขาก็ยังคงอ่อนแอกว่าอยู่ดี

“ขืนเป็นแบบนี้ต่อไป พวกเราคงต้องเสียจิตวิญญาณเทพไปเปล่าๆ อย่างแน่นอน” ธีรพัฒน์

รพีพงษ์เข้าใจสถานการณ์ในตอนนี้ดี แต่คนที่มีนิสัยห้าวหาญตั้งแต่เกิดอย่างเขาจะยอมแพ้ไปง่ายๆ ได้อย่างไร

ในเมื่อสู้กันด้วยตาต่อตาฟันต่อฟันไม่ได้ งั้นขอเดิมพันกันสักครั้งก็แล้วกัน!

รพีพงษ์ตัดสินใจแล้วพูดกับธีรพัฒน์และคนอื่นๆ “ท่านทั้งสองใช้จิตวิญญาณเทพปกป้องผมทีครับ!”

“รพีพงษ์ เจ้าคิดจะทำอะไร?” ธีรพัฒน์ถามอย่างประหลาดใจ

รพีพงษ์เงยหน้าขึ้นมองช่องทางที่ลอยอยู่กลางอากาศและพูดอย่างหนักแน่นว่า “ผม……จะไปที่ทวีปโอชวิน!”

“ว่าไงนะ? จะไปที่ทวีปโอชวิน?”

ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างก็ต้องตกใจกันหมด

“ทุกคนไม่ต้องกังวลครับ ผมแค่ตั้งใจจะแผ่จิตวิญญาณเทพไปยังทวีปโอชวินเท่านั้น ผมไม่ได้คิดจะไปเองหรอกครับ”

รพีพงษ์อธิบายต่อ “ผมรู้ว่าพวกเขาแข็งแกร่งมาก แต่ผมจะทำให้พวกเขาได้รู้ว่าคนของเราก็สามารถไปถึงที่ของพวกเขาได้!”

“ไม่ เจ้าจะทำเช่นนั้นไม่ได้ ถ้าจิตวิญญาณเทพของเจ้าถูกพวกทวีปโอชวินจับได้ ทุกอย่างมันก็จะจบลง!”

ธีรพัฒน์พูดอย่างกังวล

“คิดอยากจับจิตวิญญาณเทพของผมเหรอ มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก”

รอยยิ้มเปล่งประกายในดวงตาของรพีพงษ์ จากนั้นดาบสีทองค่อยๆ ลอยขึ้นมาอย่างช้าๆ

รวมพลังจิตวิญญาณเทพ!

รพีพงษ์พูดอย่างเสียงดัง จากนั้นจิตวิญญาณเทพก็รวมเข้ากับกระบี่สยบเซียนอย่างรวดเร็ว

ในขณะนี้ ธีรพัฒน์กับธัชธรรมก็เข้าใจอย่างชัดเจน

รพีพงษ์เพียงต้องการจะรวมจิตวิญญาณเทพของเขาเข้ากับกระบี่สยบเซียนแล้วส่งไปยังทวีปโอชวิน

“ธัชธรรม เราช่วยรพีพงษ์กันก่อน!”

ธีรพัฒน์พูดอย่างเสียงดัง จิตวิญญาณเทพปะทุขึ้นอีกครั้ง และในเวลานี้ระลอกคลื่นของช่องทางก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง

จากนั้นธัชธรรมก็ทำตามธีรพัฒน์

ในขณะนี้ ทางฝั่งของทวีปโอชวิน ชาคริตกับคนอื่นๆ ก็รู้สึกสบายขึ้น

ซึ่งข้างๆ พวกเขามีนักกลั่นยายืนอยู่ และนักกลั่นยาทั้งสี่คนนี้ก็คือนักกลั่นยาที่มีฝีมือที่ดีที่สุดของทวีปโอชวิน และในขณะนี้พวกเขาทุกคนต่างก็มียาเม็ดระดับเทพเซียนอยู่ในมือ

ด้วยประสิทธิภาพของยาเม็ดของพวกเขา ทำให้ชาคริตกับคนอื่นๆ ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องการใช้พลังอีก

พวกเขาในขณะนี้ต่างก็คิดว่าคู่ต่อสู้เริ่มอ่อนแรงลง คงยื้อต่อไปไม่ได้อีกแล้ว

“ได้เวลาลงมือแล้ว”

เมฆพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น

ในขณะเดียวกัน จิตวิญญาณเทพของทั้งแปดก็โจมตีไปที่คู่ต่อสู้อย่างพร้อมเพรียงกันอีกครั้ง

และทันใดนั้น จิตวิญญาณเทพของพวกเขาที่อยู่ในช่องทางก็สัมผัสถึงแรงอันทรงพลังที่ขับเคลื่อนผ่านจิตวิญญาณเทพของพวกเขาด้วยความเร็วแสง

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท