พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่1347 เตรียมพร้อมทำงาน

บทที่1347 เตรียมพร้อมทำงาน

“ประมุขรพี พวกเราสามารถทำได้ทุกอย่างตามที่คุณต้องการ คุณวางใจได้ แม้ว่าปกติพวกเรามักจะทำความชั่วร้ายมากมาย แต่ถ้ามีคนจากโลกภายนอกบุกรุก พวกเราจะต่อสู้กับพวกเขาจนถึงที่สุด!”

“ใช่ จะต่อสู้กับพวกมันให้ถึงที่สุด และฆ่าพวกมันทุกคนซะ!”

คนเหล่านี้ต่างก็แสดงจุดยืน

ใบหน้าของรพีพงษ์นิ่งสงบ แม้ว่าคนกลุ่มนี้จะประพฤติมิชอบ และทุกคนล้วนเป็นคนชั่วที่มีเล่ห์เหลี่ยม แต่ว่าดังที่ว่าใช้คนพวกก็ต่อเมื่อจำเป็น

ถ้าคนพวกนี้คิดจะทำความชั่วแล้ว ไม่มีใครเทียบได้ และที่สำคัญกว่านั้น พวกเขาชอบวางอำนาจบาตรใหญ่ แต่โดยพื้นฐานแล้วทุกคนมีลักษณะนิสัยที่ไม่ย่อท้อ ใช้พวกเขาต่อสู้กับคนของทวีปโอชวินเหมาะสมที่สุดแล้ว

“ประมุขรพี ผมมีความคิดเห็นอย่างหนึ่ง” ชายคนที่ตาเหมือนหนูกล่าว

“คุณชื่ออะไร?” รพีพงษ์ถาม

ชายคนนั้นหัวเราะ “ผมชื่อธมกร ฉายาหนูตะกายฟ้า”

หงส์ที่ด้านข้างยิ้มเล็กน้อย ไอ้หมอนี้มีตาเหมือนหนูจริง ๆ

เพียงแต่ว่าหนูตัวนี้ เป็นคนที่มีความสามารถอยู่ในระดับแดนดั่งเทพแล้ว ซึ่งประมาทไม่ได้

“มีอะไร คุณพูดมาได้เลย”

รพีพงษ์กล่าว

“ครับ” ธมกรหรี่ตาแล้วกล่าวว่า “ผมคิดว่าตอนที่โลกภายนอกบุกมา พวกเราอาจเตรียมการซุ่มโจมตีก่อนที่พวกเขาจะมาถึง หาพวกกรดกำมะถัน และระเบิดต่าง ๆ ขอแค่พวกเขากล้ามา พวกเราก็จะทำให้พวกเขากลับไปไม่ได้!”

“ถูกต้อง ธมกรพูดถูก แล้วก็ซื้อปืนกลแล้วยิงใส่พวกมันด้วย ให้คนชั่วเหล่านั้นสูญเสียคนครึ่งหนึ่งก่อนที่พวกเขาจะได้เห็นหน้าพวกเรา!” อีกคนกล่าว

“ใช้ระเบิดทำให้พวกมันตาย!”

“ยิงระเบิดใส่พวกมัน เพื่อทำให้ทัพของพวกมันแตกกระจาย!”

……

คนเหล่านี้ คนนี้พูดประโยคหนึ่ง คนนั้นพูดประโยคหนึ่ง สามารถกล่าวได้ว่าความคิดของทุกคนเป็นนำเสนอแนวคิดใหม่ ๆ

แม้แต่พวกมังกรซึ่งเคยดูถูกคนเหล่านี้มาก่อน เมื่อได้ยินสิ่งที่พวกเขาพูดแล้วยังเกิดความสนใจ

ปรากฏรอยยิ้มอยู่ในดวงตาของรพีพงษ์ นี่คือสิ่งที่ทำให้คนเหล่าได้รับการเลือก

เขาจำคำแนะนำที่เป็นประโยชน์อย่างเงียบๆ แล้วกล่าวว่า “สิ่งที่พวกคุณพูด ผมได้จำไว้แล้ว ธมกร พวกคุณทั้งสิบสามคนให้คุณเป็นคนดูแล คุณคิดว่าอย่างไร”

“โอเค ประมุขรพี วางใจได้” ธมกรกล่าวด้วยรอยยิ้ม เขายืนอกผายไหล่ผึ่งขณะพูด ตอนนี้เขาทำราวกับว่าตนเองเป็นแม่ทัพในสนามรบ

“พวกคุณถอยออกไปเถอะ ช่วงนี้อยู่ในกลุ่มสิงโต ห้ามสร้างปัญหาเด็ดขาด ถ้าผมจับได้ว่าใครกล้าสร้างปัญหา ก็จะเป็นเหมือนของชิ้นนี้!”

ขณะที่พูด รพีพงษ์ยื่นมือข้างหนึ่งออกไป เขาปล่อยพลังจิตวิญญาณเทพอย่างรวดเร็ว ไปกระแทกกับเก้าอี้หินที่อยู่ในห้องโถงทันที ชั่วพริบตาเดียวเก้าอี้หินก็แตกเป็นเสี่ยง ๆ ทันที

เมื่อคนเหล่านี้เห็นความแข็งแกร่งที่ไม่ธรรมดาของรพีพงษ์ ทำให้พวกเขารู้สึกประหม่าและกล่าวอย่างรวดเร็วว่า “ประมุขรพีวางใจได้ พวกเราไม่กล้าสร้างปัญหาแน่นอน”

เมื่อพูดจบ คนทั้งสิบสามคนก็ถอยออกไป

“รพีพงษ์ คุณคิดว่าสิ่งที่พวกเสนอเขาเป็นไงบ้าง?”

ธีรพัฒน์ที่ด้านข้างถาม

“ปัญหาของโลกก็ต้องให้พวกเราชาวโลกเป็นคนแก้ไขปัญหา แต่ก็เป็นเรื่องไม่เลว ที่จะให้ผู้คนในโลกทวีปโอชวินต้องทนทุกข์ทรมานบ้าง” รพีพงษ์กล่าวเบา ๆ

ทวีปโอชวิน

นับตั้งแต่ฉันท์ชนกถามนีย์เกี่ยวกับกระบี่สยบเซียนก็ผ่านไปสิบวันแล้ว

ในช่วงสิบวันมานี้ จิรกิตติ์ก็มาที่ห้องของนีย์เพื่อถามเกี่ยวกับกระบี่สยบเซียน แต่นีย์บอกพ่อว่าตนเองไม่รู้เรื่องนี้เลย

ด้วยเหตุนี้ ทำให้จิรกิตติ์ระวังตัวเป็นอย่างมาก ถ้าไม่แน่ใจว่าจิตวิญญาณของจอมมารชูร่าสลายไปแล้ว เขาจะไม่เคลื่อนไหวมากนัก

อย่างไรก็ตาม แต่ก็มีการทำลายช่องทางเดินอยู่ทุกวัน แต่ระดับของการทำลายนั้นมีพลังน้อยกว่าครั้งก่อนมาก

“บัดซบ แหล่งกำเนิดพลังทิพย์อยู่ในป่าหมอก เกือบจะทำสำเร็จอยู่แล้ว แต่ดันมีกระบี่สยบเซียนปรากฏขึ้น!”

ภายในวัง จิรกิตติ์โกรธรจนตาแดงก่ำ

“เจ้าทวีปกิตติ์ ผมคิดว่าเราให้คนไปที่โลก เพื่อตรวจสอบว่าจิตวิญญาณของจอมมารชูร่าสลายไปจริงหรือไม่ เมื่อได้รับการยืนยันแล้ว เราจะบุกโลกทันที!” ฉันชนกกล่าว

“เขาพูดถูก พี่ใหญ่ คราวนี้ผมจะไปเอง แม่งฉิบหาย ถ้าจิตวิญญาณของจอมมารชูร่าสลายไปแล้วก็ดี แต่ถ้ายังไม่สลาย ผมจะสู้กับเขาสักตั้ง จะดูว่าใครเก่งกว่ากัน!” ธีภพกล่าวเสียงดัง

ในบรรดาสามพี่น้อง เขาเป็นคนที่อารมณ์ร้อนที่สุด

“คุณนั่งลง! พวกเรายังมีเรื่องต้องปรึกษากันอีกหลายเรื่อง ถ้าให้คุณไป ถ้าคุณเป็นอะไรขึ้นมาจะทำยังไงล่ะ?” จิรกิตติ์กล่าวอย่างเย็นชา

ธีภพขมวดคิ้ว “พี่ใหญ่ กลัวทำไม ช่วงหลายวันที่ผ่านมานี้ผมอุดอู้จนแทบเป็นบ้าแล้ว ว่าไปแล้วพวกเราทวีปโอชวินช่างน่าผิดหวังจริง ๆ ก็แค่กระบี่ห่วย ๆ ก็ทำให้พวกเรากลัวเช่นนี้ พี่ใหญ่ ผมคิดว่าพี่ยิ่งแก่ยิ่งใจเสาะ เมื่อก่อนพี่ไม่ได้เป็นเช่นนี้!”

“แกหุบปาก!”

จิรกิตติ์กล่าวอย่างโกรธจัด จากนั้นก็ยืนขึ้น ดวงตาทั้งสองมองไปที่ธีภพราวกับดาบที่แหลมคม

“จอมมารชูร่า หรือว่าคุณไม่รู้ว่าเขาน่ากลัวแค่ไหนหรือ?”

จากนั้น จิรกิตติ์ค่อย ๆ เปิดเสื้อของตนเอง และหลังจากที่เขาเปิดเสื้อแล้ว มีรอยแผลเป็นมากมายบนร่างกายและหลังของเขา

และรอยแผลเป็นที่ยาวที่สุดคือสี่สิบเซนติเมตร

“รอยแผลเป็นเหล่านี้ได้รับบาดเจ็บระหว่างการต่อสู้กับจอมมารชูร่า แต่ผมไม่สามารถฟันถูกเขาแม้แต่ครั้งเดียว ผมคิดว่ารอยแผลเป็นของพวกคุณน่าจะไม่น้อยไปกว่าของผมเท่าไหร่”

ธีภพก้มศีรษะลง เป็นเช่นนั้นจริง ในการต่อสู้ครั้งนั้น สามพี่น้องล้อมจอมมารชูร่าไว้ แต่ก็พ่ายแพ้

“พี่ใหญ่ ตอนนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อน พวกเราไม่ควรดูถูกตัวเองจนเกินไป สองร้อยปีผ่านไป พวกเราแข็งแกร่งกว่าเมื่อก่อนมาก ผมคิดว่าต่อให้เจอจอมมารชูร่า พวกเรารวมพลังต่อสู้พร้อมกันจะต้องชนะแน่นอน” ฉันชนกกล่าว

จิรกิตติ์กล่าวอย่างเคร่งขรึม “ถึงอย่างนั้น แต่พวกเรายังต้องระมัดระวัง”

พูดจบ เขามองไปที่คนอื่น ๆ ที่อยู่ในวัง คนเหล่านี้บางคนได้เคยเข้าร่วมต่อสู้กับจอมมารชูร่ามาแล้ว และยังมีคนที่ยังไม่เกิดในตอนนั้น

“พวกคุณทั้งหลาย มีใครเต็มใจที่จะไปตรวจสอบที่โลกหรือไม่?” จิรกิตติ์กล่าวถาม

คนเหล่านี้มองหน้ากันแต่ไม่กล้าพูด

คิดว่าเป็นเพราะรอยแผลเป็นบนร่างกายของจิรกิตติ์ที่ทำให้พวกเขาตกใจกลัว ตอนนี้จิรกิตติ์เป็นคนที่เก่งที่สุดในที่นี้แล้ว ถึงแม้ว่าจะเป็นสองร้อยปีก่อน แต่ความแข็งแกร่งของเขาได้มาถึงระดับแดนเทพขั้นกลางแล้ว

คนเช่นนี้ยังถูกจอมมารชูร่าทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส นับประสาอะไรกับพวกเขาล่ะ

“พวกคนไม่เอาไหน ทำเพื่อทวีปโอชวินมันยากนักหรือไง ปกติพวกคุณทุกคนมักเสพสุขกับประโยชน์ของพลังทิพย์ ในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดแต่กลับไม่สามารถใช้ประโยชน์อะไรได้” จิรกิตติ์กล่าวอย่างโกรธเคือง

เมฆและชาคริตมองหน้ากัน พวกเขาในฐานะที่อยู่ในระดับแดนเทพ คิดว่าเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเขาจะไปที่โลกเพื่อสืบหาความเป็นจริง

ขณะนี้เอง มีคนเดินมาจากด้านข้างของห้องโถง

ร่างกายของเธอดูไม่แข็งแรง แต่พลังของเธอค่อนข้างคงที่

“ในเมื่อไม่มีใครเต็มใจไป ก็ให้ฉันไปหาสืบหาที่ประเทศจีนเถอะ”

“นีย์ คุณมาที่นี่ได้อย่างไร?”

จิรกิตติ์มองเขาด้วยความประหลาดใจ คนที่ยืนอยู่ข้างหน้า คือลูกสาวคนเล็กของเขา ฐปนีย์!

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท