พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1484 ฝึกเน่ยจิ้ง

บทที่ 1484 ฝึกเน่ยจิ้ง

“ฉัน……..ฉันสามารถรู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงภายในร่างกาย แต่ฉันไม่รู้จะอธิบายอย่างไร”

อารียาสำรวจร่างกายของตนเองด้วยความสงสัย แค่รู้สึกว่าการประสานกันของแขนขาของตนเองในขณะนี้ดีขึ้นกว่าเดิม

เมื่อได้ยินประโยคนี้ รพีพงษ์ก็วางมือขวาลงบนหลังของอารียา และกล่าวว่า “อารียา ตอนนี้คุณลองชกต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าคุณสิ”

อารียาตกใจเล็กน้อย มองกำปั้นของตนเอง จากนั้นก็มองไปที่ต้นไม้ใหญ่ ขมวดคิ้วเล็กน้อยและกล่าวว่า “ลำต้นของต้นไม้นี้ใหญ่จนฉันไม่สามารถโอบได้ แล้วฉันจะชกให้มันขยับได้อย่างไร”

“คุณลองดูสิ ยังมีผมอยู่ที่นี่ทั้งคน”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ อารียาลังเลอยู่นาน จากนั้นก็สูดหายใจเข้าลึกๆ กำหมัดขวาไว้แน่น แล้วกระแทกหมัดไปที่ลำตัวของต้นไม้ใหญ่สุดกำลัง แต่เธอก็ลดความเร็วลงก่อนที่หมัดจะกระแทกกับลำตัวไม่กี่เซนติเมตร แล้วหมัดของเธอก็กระแทกลำตัวของต้นไม้ใหญ่อย่างเบา ๆ และไม่มีอะไรเกิดขึ้น

รพีพงษ์ยิ้มอย่างขมขื่น แล้วใช้พลังลึกลับปกคลุมหมัดของอารียาไว้

“เอาล่ะ คุณลงมือได้อย่างเต็มที่ ผมได้สร้างเกาะป้องกันให้คุณไว้แล้ว คุณจะไม่ได้รับบาดเจ็บใด ๆ”

สีหน้าอารียาขมขื่น รู้ว่าตนเองไม่สามารถเลี่ยงได้ เธอกำหมัดไว้แน่น มองดูต้นไม้ใหญ่ที่ต้องใช้คนสองสามคนโอบ ตัดสินใจ หลับตาและกระแทกกำปั้นเต็มแรงไปที่ต้นไม้ใหญ่

“ปัง!”

เสียงดังก้องกังวานไปทั่วคฤหาสน์ ฝนสุดาและหงส์มาถึงที่ลานกว้างก่อน มองดูต้นไม้ใหญ่ที่หักโค่นลงมาด้วยความตื่นเต้น

“เกิดอะไรขึ้น? มีศัตรูบุกมาหรือ?”

หงส์กล่าวถามแล้วรีบไปปกป้องอยู่ด้านข้างรพีพงษ์

รพีพงษ์ส่ายศีรษะด้วยรอยยิ้ม และกล่าวว่า “อารียา คุณลืมตาได้แล้ว”

เมื่อได้ยินเสียงของรพีพงษ์ อารียาจึงค่อย ๆ ลืมตาขึ้น เดิมคิดว่ามือของตนเองจะได้รับบาดเจ็บจากการกระแทกกับต้นไม้ใหญ่ แต่ไม่คิดว่า มือของตนเองไม่รู้สึกอะไรเลยหลังจากการกระแทกต้นไม้ใหญ่ในครั้งนี้

ดูเหมือนกระแทกกับฟองน้ำชิ้นหนึ่งเท่านั้น

อารียาเห็นต้นไม้ใหญ่ที่หักโค่นอยู่ต่อหน้า เธอก็ตกใจเป็นอย่างมาก

“รพีพงษ์ นี่ นี่ฉันเป็นคนทำหรือ?”

รพีพงษ์พยักหน้า เขาเคลื่อนไหวพลังจิต แล้วพลังลึกลับที่เป็นเกาะปกป้องบนกำปั้นของอารียาก็หายไปทันที

“อย่าลืมจำความรู้สึกของพลังเน่ยจิ้งไว้ มันจะช่วยสำหรับการฝึกของคุณในอนาคตได้เป็นอย่างมาก”

อารียาพยักหน้าหลายครั้ง นี่เป็นครั้งแรกที่เธอสัมผัสได้ถึงความรู้สึกลึกลับ อารียาตื่นเต้นเป็นอย่างมาก ตอนนี้คิดดูแล้ว ดูเหมือนว่าการฝึกจะไม่ใช่เรื่องที่ยากมาก

รพีพงษ์ที่อยู่ด้านข้างมองอารียาที่กำลังตื่นเต้น แล้วยิ้มบาง ๆ

โดยปกติทั่วไปแล้ว ยอดฝีมือที่เพิ่งควบคุมพลังเน่ยเจิ้งได้ กระแทกหมัดเดียวแล้วจะไม่สามารถทำให้ต้นไม้ใหญ่หักเช่นนี้ได้

เหตุผลที่อารียาสามารถทำเช่นนี้ได้ ก็เพราะอาศัยความแข็งแกร่งที่ลึกลับของรพีพงษ์

อย่างไรก็ตาม อารียาก็ทำให้รพีพงษ์รู้สึกประหลาดใจไม่น้อย คนทั่วไปต้องการฝึกพลังเน่ยจิ้งไม่ใช่ว่าจะสำเร็จได้ในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ มีคนมากมายที่ฝึกพลังเน่ยจิ้งเป็นเวลาสิบปีหรือหลายสิบปีก็ยังไม่บรรลุ

อย่างเร็วสุด ก็ต้องใช้เวลาค่อนข้างนาน

ไม่คิดว่า อารียาสามารถเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงความแข็งแกร่งของพลังเน่ยจิ้ง หลังจากที่ตนเองบอกไปไม่กี่ประโยค

ดูเหมือนว่า อารียาจะมีพรสวรรค์ในการฝึกอยู่ไม่น้อย!

ซึ่งแน่นอนว่า ยังมีความดีความชอบของคัมภีร์หยินหยางอยู่ไม่น้อย

หงส์มองท่าทางที่ตื่นเต้นของอารียา จากนั้นก็มองไปที่รพีพงษ์ และเมื่อเธอเข้าใจถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ก็กล่าวว่า “ไม่คิดว่าอารียาจะเรียนพลังเน่ยจิ้งได้เร็วขนาดนี้ ดูเหมือนว่า ไม่นานคุณก็ตามฉันกับฝนสุดาทันแล้ว”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ อารียาก็รู้สึกเก้อเขินเล็กน้อย แล้วก็เดินเข้าไปหาฝนสุดาและหงส์ ผู้หญิงสามคนวิ่งเล่นอย่างสนุกสนานในลานกว้าง มันเป็นภาพที่งดงามชั่วระยะหนึ่ง และรพีพงษ์ที่ดูอยู่แล้วเหมือนรู้สึกได้รับการเยียวยา

“คุณพ่อ คุณพ่อ คุณแม่ก็กลายเป็นยอดมนุษย์ไปแล้วหรือ?” หนูลินดึงเสื้อของรพีพงษ์อยู่ข้างหลัง สีหน้าเต็มไปด้วยความคาดหวัง

รพีพงษ์ยิ้มและพยักหน้า อุ้มหนูลินขึ้นมา มองแรดโบราณ และกล่าวว่า “คุณกลับไปพักผ่อนก่อนเถอะ ถ้าผมมีความต้องการจะแจ้งคุณเอง”

แรดโบราณพยักหน้าอย่างช้า ๆ หันหลังแล้วเดินเข้าไปในป่าหมอก

แรดโบราณนั้นใหญ่เกินไป หากเขาคุณอาศัยอยู่รอบ ๆ คฤหาสน์ มันจะทำให้เกิดปัญหาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

หนูลินมองแรดโบราณที่เดินไกลออกไปเรื่อย ๆ เธออดไม่ได้ที่จะแสดงความผิดหวังออกมาทางดวงตา และกล่าวว่า “พ่อคุณ หนูไม่อยากให้แรดตัวใหญ่ไปเลย หนูอยากเล่นกับแรดตัวใหญ่”

รพีพงษ์มองหนูลินที่น้อยใจอยู่ในอ้อมแขนของตนเอง และกล่าวเบา ๆ “หนูลินวางใจเถอะ แรดตัวใหญ่มีบ้านของตัวเอง ขอแค่หนูสัญญากับพ่อ ตั้งใจเรียนหนังสือกับอาจารย์ทุกอาทิตย์ พ่อก็จะพาหนูไปเล่นกับแรดตัวใหญ่ทุกอาทิตย์เช่นกัน”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น หนูลินก็ยิ้มหน้าบาน พยักหน้าหลายครั้ง กอดคอของรพีพงษ์ และกล่าวว่า “คุณพ่อ พูดคำไหนคำนั้น ห้ามโกหกหนูน่ะ!”

รพีพงษ์รับปาก จับหัวเล็กของหนูลินแล้วจูบเบา ๆ

“ไป เรียกแม่ไปทานข้าวกันเถอะ วัตถุดิบที่นี่เทียบได้กับข้างนอกได้ไหม”

“ดีกว่ามากเลย คุณย่าสาได้เรียนรู้เมนูอาหารใหม่ ๆ มากมาย ดังนั้นอีกสักครู่อย่าทานจนจุเกินไปล่ะ”

“โอเค ไปทานข้าวกันเถอะ!” หนูลินหัวเราะอย่างมีความสุข เห็นได้ชัดว่าเธอพอใจกับชีวิตในป่าหมอกเป็นอย่างมาก

หลังจากที่ทุกคนเลือกห้องพักเรียบร้อยแล้ว

ที่ชั้นหนึ่ง รพีพงษ์ได้จัดห้องอาหารที่หรูหราไว้ เครื่องใช้บนโต๊ะอาหารที่ทำจากไม้ชั้นเยี่ยม ที่รักษาสิ่งแวดล้อม และที่นั่งนุ่มสบาย เห็นได้ชัดว่าหงส์ที่ย้ายเฟอร์นิเจอร์มาเป็นเวลานานสนุกเพลิดเพลินกับมันมาก

“เนื่องจากทุกคนเลือกที่จะมาฝึกร่วมกันที่ป่าหมอก ผมรพีพงษ์มีข้อกำหนดดังต่อไปนี้ ประการแรก อย่าออกจากคฤหาสน์ไกลมากเกินไป ประการที่สอง มีเรื่องสำคัญต้องแจ้งให้ผมทราบ ประการที่สาม ผมหวังว่า ทุกคนจะไม่มีภาระทางจิตใจ และทุกคนก็ไม่ใช่คนแปลหน้า ดังนั้นทุกคนสามารถเปิดใจ และก้าวหน้าไปพร้อมกัน”

รพีพงษ์กล่าวด้วยเสียงราบเรียบ หงส์ ฝนสุดา และธมกร ต่างก็เห็นด้วยอย่างจริงจัง

รพีพงษ์ไม่กังวลหงส์กับฝนสุดา แต่สำหรับธมกรนั้น

รพีพงษ์รู้ความคิดของธมกร ในฐานะที่นับถือกันเป็นพี่น้อง รพีพงษ์ต้องสนับสนุนและให้กำลังใจเขาอย่างแน่นอน แต่ดูเหมือนว่าหงส์จะไม่มีความรู้สึกดีกับธมกร รพีพงษ์กังวลว่านานเข้าธมกรอาจจะสะเทือนใจ

แต่รพีพงษ์ก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้ เมื่อเห็นทุกคนมาพร้อมหน้ากันแล้ว เขาโบกมือแล้วกล่าวว่า “พี่สา เสิร์ฟอาหารเถอะ”

ทันทีที่เขาพูดจบ ชนิสราก็เข็นรถที่ใส่อาหารออกมาจากห้องครัว

บนโต๊ะอาหาร มีปลาและเนื้อสัตว์ และแม้แต่พืชบางชนิดที่มีลักษณะเฉพาะของป่าหมอก ก็ถูกชนิสราปรุงเป็นเมนูพิเศษต่าง ๆ

ช่วงเวลาที่รถเข็นอาหารปรากฏขึ้น กลิ่นหอมทำให้ทุกคนเคลิบเคลิ้ม

แม้แต่ร้านอาหารชั้นนำข้างนอกก็ไม่สามารถทำอาหารที่หอมเช่นนี้ได้

ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อ อาหารที่อยู่บนจานดูดีเป็นอย่างมาก และทุกคนก็ต่างตั้งตารอชิมรสชาติของอาหารมากยิ่งขึ้นไปอีก

รพีพงษ์เดาปฏิกิริยาของคนพวกนี้ได้ จึงช่วยชนิสราวางจานลงบนโต๊ะ แล้วกล่าวว่า “พี่สา อย่าเห็นเป็นคนนอกเลย คุณยุ่งมาทั้งวันแล้ว นั่งลงทานอาหารด้วยกันเถอะ”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ชนิสรายิ้มและพยักหน้า แล้วถูกเรียกหนูลินเรียกให้นั่งข้างเธอ

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท