พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1474 หน้าไม่อายจริงๆ

บทที่ 1474 หน้าไม่อายจริงๆ

“ผมยอมจ่าย แค่พันหยวนเอง ผมจ่ายได้!”

ชายวัยกลางคนก็ควักเศษเงินออกมาจากหน้าอก มีทั้งธนบัตร50หยวน 20หยวน แล้วก็1หยวน แค่ดูก็รู้ว่าไปเอาเงินพวกนี้มาจากไหน ช่างเหมาะสมกับที่เป็นคนเก็บของเก่าจริงๆ

“คุณลองนับดู ว่าในนี้ครบพันหยวนไหม ถ้าไม่พอ เดี๋ยวผมจะกลับไปเก็บรวบรวมเพิ่ม ไม่ว่าอย่างไร นี่มันจะเป็นโอกาสที่เปลี่ยนแปลงชีวิตผมได้ ผมจะต้องคว้ามันไว้!” ชายวัยกลางคนพูดกับชายหนุ่ม แล้วก็เอาสองมือยื่นเงินให้กับฝั่งตรงข้าม

“ผมจับเงินไม่ได้ เอาไปใส่ไว้ในตู้ทำบุญข้างๆ แล้วกัน” ชายหนุ่มยิ้มพูด แล้วชี้ไปยังกล่องกระดาษสีแดงที่เตรียมไว้แล้ว

“พี่ชายขัดสนทางการเงิน ในเมื่อเป็นแบบนี้ ผมก็จะไม่นับเงินก็แล้วกัน”

ชายหนุ่มยิ้มพูด

หลังจากที่เอาธนบัตรต่างๆ ใส่ลงไปในกล่องทำบุญแล้วนั้น ชายหนุ่มก็เอาป้ายรูปดาวสีทองออกมาจากถุงผ้า

“เอาป้ายนี้ไปที่สำนักเทพยาเซียน เดี๋ยวจะมีคนคอยต้อนรับคุณเอง ถ้าคุณไม่วางใจล่ะก็ หลังจากวันนี้ก็ไปสำนักเทพยาเซียนพร้อมกับผมก็ได้” ชายหนุ่มกล่าว

“ขอบคุณมาก ขอบคุณศิษย์พี่” ชายวัยกลางคนโค้งคำนับชายหนุ่มอย่างนับถือ จากนั้นก็หันมามองทุกคน “ขอบคุณทุกคนมาก ไม่คิดเลยวันนี้ผมจะได้เจอเรื่องดีๆ แบบนี้ ผมไม่รู้เลยว่าในตัวคนเก็บขยะอย่างผมจะมีพรสวรรค์แบบนี้ ทุกท่านรักษาตัวแล้วกัน ผมจะไปกลั่นยาที่สำนักเทพยาเซียนแล้ว”

พูดจบ ชายวัยกลางคนก็เดินลงเวทีไป ทุกคนเห็นชายวัยกลางคนที่ดีใจอย่างบ้าคลั่ง สายตาก็จ้องมองจนเขาเดินออกจากห้างไป

“ทุกท่าน ยังมีใครที่อยากจะลองอีกไหม?” ชายหนุ่มยิ้มพูด

แสดงไปพอสมควรแล้ว ต่อไปจะเป็นของจริงแล้วล่ะ

ในใจทุกคนก็อยากจะลอง เมื่อครู่ชายคนนั้นเป็นเพียงคนเก็บของเก่า เป็นแค่คนที่ดูไม่ได้คนหนึ่ง แต่กลับมีพรสวรรค์ในการกลั่นยา

เขามีดี แล้วทำไมตนเองจะไม่มีบ้างล่ะ?

ในใจทุกคนก็เริ่มคิดแบบนี้ โดยไม่รู้เลยว่า ที่ชายหนุ่มบนเวทีต้องการ ก็คือผลลัพธ์ทางความคิดแบบนี้

“ผมขอลอง”

ด้านล่างเวที มีชายหนุ่มคนหนึ่งยกมือขึ้น “ช่วยผมตรวจดูหน่อยได้ไหม ว่าผมมีพรสวรรค์ในการกลั่นยาหรือเปล่า ถ้ามีจริงๆล่ะก็ มรดกเป็นล้านของตระกูลผมก็ไม่สืบทอดแล้ว ถ้าได้กลั่นยาจริงๆล่ะก็ ยาเม็ดเม็ดเดียวก็มากกว่ามรดกนับล้านของตระกูลแล้ว”

ชายหนุ่มยกมือคำนับพูดว่า “ในเมื่อเป็นแบบนี้ ก็เชิญพี่ชายท่านนี้ขึ้นเวทีมาเลยครับ ให้ผมได้จับดูโครงกระดูกของคุณหน่อย”

ชายหนุ่มด้านล่างก็ขึ้นเวทีไป แล้วยกมือคำนับพูดเหมือนกันว่า “ไม่ทราบว่าศิษย์พี่สำนักเทพยาเซียน มีชื่อแซ่ว่าอะไร ถ้าวันข้างหน้าได้เป็นศิษย์ร่วมสำนักกันจริงๆล่ะก็ จะได้เรียกอย่างถูกต้อง”

“กระผมมีชื่อว่า นทีนท” ชายหนุ่มยิ้มพูด “ในเมื่อพี่ชายจริงใจเช่นนี้ งั้นผมก็จะช่วยคุณจับโครงกระดูกให้คุณเอง”

พูดจบ เขาก็ทำเหมือนก่อนหน้านี้ เริ่มหลับตาแล้วลูบคลำโครงกระดูกคนนี้

ผู้คนด้านล่างเวทีก็มองขึ้นไป แต่ว่าครั้งนี้ ไม่เหมือนกับครั้งที่แล้ว ไอพลังสีขาวไม่ได้พลุ่งพล่านออกมา

หลังจากนั้นไม่กี่วินาที นทีนทก็ลืมตาขึ้น แล้วพูดกับคนฝั่งตรงข้ามว่า “ต้องขอโทษพี่ชายท่านนี้ด้วยนะครับ ในตัวของพี่ไม่มีชี่แท้ให้ผมได้รับรู้ได้เลย ดังนั้น คุณก็เลยไม่มีพรสวรรค์ในการกลั่นยาเลย เชิญกลับลงไปด้วยครับ”

“เป็นไปได้อย่างไรกัน?” ชายคนนั้นมองนทีนทอย่างแปลกใจ “ไอ้แก่นั่นยังมีพรสวรรค์เลย ทำไมผมถึงไม่มี?”

นทีนทแค่ยิ้มตอบ และไม่ได้พูดอะไร

“แม่ง ก็แค่พันหยวนเอง เดี๋ยวผมให้เพิ่มเป็นสิบเท่าเลย คุณลองอีกครั้งสิ!”

นทีนทส่ายหัว “ต่อให้ลองอีกสิบครั้งก็เหมือนเดิมครับ”

พูดถึงจุดนี้ สายตาของเขาก็มองไปยังทุกคน “คนที่มีพรสวรรค์ จ่ายพันหยวนก็พอ แต่ถ้าไม่มีพรสวรรค์ในการกลั่นยา ต่อให้ย้ายภูเขาทองคำมาให้ ผมก็ไม่มีทางรับไว้แน่ เพราะว่า คนที่ไม่มีพรสวรรค์ก็คือคนที่ไม่มีพรสวรรค์”

ทุกคนก็พยักหน้ารัวๆ ดูเหมือนว่าชายหนุ่มที่ชื่อนทีนทนี้ จะเป็นคนที่มีหลักการแน่วแน่จริงๆ

“เป็นคนของสำนักเทพยาเซียนจริงๆ ไม่ถูกความโลภเข้าครอบงำ”

“นั้นสิ งั้นพวกเราก็ไปลองกันหน่อยดีไหม ถ้ามีพรสวรรค์ก็ดีเลย ถ้าไม่มีพรสวรรค์ พวกเราก็ไม่ต้องจ่ายเงินอะไร”

ทุกคนเริ่มคุยกัน

บนเวที ชายหนุ่มคนนั้นเริ่มเก็บสีหน้าไว้ไม่ได้แล้ว

“เห้ย กูพูดมึงไม่ได้ยินหรือไง สำนักเทพยาเซียนแล้วไงวะ”

“พี่ชายท่านนี้ ผมขอบอกอีกครั้งนะครับ คุณไม่มีพรสวรรค์ เชิญลงไปจากเวทีด้วยครับ” นทีนทกล่าว

“กูไม่ลง” ชายคนนั้นพูดดื้อดัน

“ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นผมก็ต้องเสียมารยาทหน่อยแล้วล่ะ”

พูดจบ นทีนทก็ใช้สองมือยกขึ้น ชายหนุ่มที่มีน้ำหนัก50กว่ากิโลถูกเขาขึ้นอย่างง่ายดาย แล้วก็ถูกโยนลงเวทีไป

พอเห็นนทีนทเผยฝีมือออกมาแบบนี้ ครั้งนี้ ทุกคนก็เริ่มเชื่ออย่างสนิทใจ

“ผมขอลองหน่อย”

“ช่วยผมตรวจดูหน่อย”

“ผมได้เตรียมเงินไว้แล้วพันหยวน ตรวจให้ผมก่อน!”

ทุกคนเริ่มอยากทดลอง แล้วกรูกันเข้าไปบนเวที

“อย่ารีบร้อนครับ มาทีละคน” นทีนทยิ้มพูด

น่าจะมีประมาณ300กว่าคน ในใจของเขาได้วางแผนไว้หมดแล้ว ครึ่งหนึ่งบอกว่าไม่มีพรสวรรค์ อีกครึ่งหนึ่งบอกว่ามีพรสวรรค์

แบบนี้แค่ในหนึ่งชั่วโมง ก็จะมีรายได้หนึ่งแสนห้าหมื่นโดยประมาณ และวันนี้ตนเองได้ตกลงกับผู้จัดการห้างไว้แล้ว ว่าจะจัดเวทีที่นี่หนึ่งวัน ลองคิดดูแล้ว แค่วันเดียวก็จะได้เงินเป็นล้าน นี่มันไม่ใช่ความฝันเลยนะเนี่ย

ด้านล่างเวที พวกของรพีพงษ์ก็กำลังมองนทีนทด้วยสายตาเย็นๆ

“ไอ้หมอนี่ ดูเหมือนว่าจะเป็นนักฝึกวิชาเหมือนกัน” รพีพงษ์พูดเบาๆ

ไอพลังสีขาวนั่น ก็คือชี่แท้ในร่างกายเขาที่ปล่อยออกมา ส่วนที่ใช้มือยกชายหนัก50กว่านั้น สำหรับคนที่ฝึกวิชาแล้วนั้น มันไม่ใช่เรื่องยากอะไร

“นักฝึกวิชางั้นหรือ? งั้นคุณคิดว่า วิชาของหมอนั่นกับฉัน ใครสูงกว่ากัน?” ฝนสุดาถาม

“สู้คุณไม่ได้แน่นอน” รพีพงษ์ยิ้มตอบ

ฝั่งตรงข้ามมีระดับแค่แดนปรมาจารย์เท่านั้น แต่ตอนนี้ฝนสุดาอยู่ในระดับแดนดั่งเทพ

“งั้นก็ดี” ฝนสุดากล่าว สายตาก็เผยรอยยิ้มแปลกๆ ออกมา

“คุณคิดจะทำอะไร?”

“จะทำอะไรล่ะ?เหอะ ฉันก็จะไปจับโครงกระดูกหมอนั่นดูน่ะสิ。”

พูดจบ ฝนสุดาก็ปลายเท้าแตะพื้น แล้วกระโดดขึ้นไปบนเวที

คนด้านล่างเวทีก็แย่งกันขึ้นเวที ส่วนนทีนทก็ยุ่งกับการจับโครงกระดูกไป ยุ่งกับการรับเงินไปด้วย พวกเขาไม่ได้สังเกตเห็นเลยว่าฝนสุดาขึ้นเวทีมาได้อย่างไร

“รพีพงษ์ สุดาจะไม่เกิดเรื่องใช่ไหม” อารียาพูดอย่างเป็นกังวล

“เกิดเรื่องงั้นหรือ?” รพีพงษ์ยิ้มพูด “เกรงว่า ตอนนี้ควรจะกังวลกับความปลอดภัยของนทีนทหมอนั่นมากกว่า”

ทางนี้ หลังจากฝนสุดาขึ้นเวทีไป พลังจิตวิญญาณในกายก็เริ่มปล่อยออกมา ได้เปิดออกเป็นทางออกมาเลย

ด้วยความเร็วสิบกว่าวินาที นทีนทที่กำลังรีบจับโครงกระดูกให้ทุกคนอยู่นั้น ข้างหูของเขาก็ได้ยินเสียงที่อ่อนโยนของผู้หญฺงขึ้นมา

“ศิษย์พี่ท่านนี้ ช่วยฉันตรวจดูหน่อยสิ”

“รอเดี๋ยว ไม่เห็นหรือว่าผมกำลังยุ่งอยู่ คุณไปต่อแถวเลย!”

นทีนทพูดอย่างรีบร้อนไม่สนใจ แล้วก็เหลือบไปเห็น

แค่แวบเดียว นทีนทก็เหมือนกับถูกสกัดจุด ละสายตาไม่ได้อีก

เขามองสาวสวยอ่อนโยนข้างๆ เรือนร่างสวยสะพรั่ง อึ้งกันไปเลยทีเดียว

“ในเมื่อพี่ชายสุดหล่อพูดแบบนี้ งั้นฉันก็ไปต่อแถวแล้วนะ แต่ว่าฉันมีเวลาจับกัด เดี๋ยวก็จะต้องไปแล้ว ไม่รู้ว่าจะทันถึงคิวฉันหรือเปล่านี่สิ”

พูดไป ฝนสุดาก็ทำสีหน้าเศร้าๆ แล้วก้มหน้าหันหลังจะไปต่อท้ายแถว

“รอเดี๋ยว!”

นทีนทคนนี้ก็มีความกล้าไม่น้อย ใช้มือคว้าแขนของฝนสุดาไว้ทันที

การสัมผัสครั้งนี้ก็ไม่ธรรมดา นทีนทรู้สึกว่าผิวพรรณของฝั่งตรงข้ามเนียนเด้งมือมาก มันชุ่มชื้นจนแทบจะบีบน้ำออกมาได้

“ทำไมหรือคะ?” ฝนสุดาทำตาโต แล้วมองฝั่งตรงข้ามด้วยท่าทางน่าสงสาร

“ในเมื่อคุณผู้หญิงมีเรื่องที่จะต้องรีบไปจัดการ งั้นผมก็จะยกเว้นให้ จะตรวจดูให้คุณก่อนเลย” นทีนทใช้สายตามองไปทั้งเรือนร่างของสุดา ปากก็พูดไปด้วยพร้อมกัน

ด้านล่างเวที รพีพงษ์และอารียาก็เห็นทั้งหมดอย่างชัดเจน

การเย้ายวนคนของฝนสุดา รพีพงษ์เคยเห็นมากับตาแล้ว ต่อให้รพีพงษ์มีสมาธิหนักแน่น ก่อนหน้านี้ก็เกือบเสียสมาธิเหมือนกัน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงนทีนทบ้ากามคนนี้เลย

“เอ่อ มันจะดีหรือคะ? ”

“ผมบอกว่าได้ ก็ต้องได้สิ” นทีนทยิ้มมองใบหน้าน้อยๆ ของฝนสุดา “วางใจเถอะ คุณผู้หญิง เดี๋ยวผมจะต้องใจลูบคลำโครงกระดูกของคุณผู้หญิงอย่างละเอียดทุกซอกทุกมุมเลย”

“อืม ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นก็รบกวนด้วยนะคะ” ฝนสุดาพูดเสียงต่ำ

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท