พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1520 หนีไป

บทที่ 1520 หนีไป

มองดูเถาวัลย์ในมือของปัณฑาที่ส่องประกายระยิบระยับ เจ้าสำนักขมวดคิ้วเล็กน้อย เหมือนสังเกตเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติ ตะขอสีแดงในมือของเขาปรากฏขึ้น พุ่งไปยังรพีพงษ์

รพีพงษ์ขมวดคิ้ว รวบรวมสมาธิ ปรับมุม แล้วกระโดด เฉียดตะขอ แล้วมุ่งหน้าไปที่เจ้าสำนักอย่างรวดเร็ว

“เจ้าหนุ่ม กล้าริเริ่มเข้ามาใกล้ รนหาที่ตาย!” เจ้าสำนักกล่าวอย่างโมโห ตัวล็อกเหล็กถูกดึงกลับทันที และมืออีกข้างหนึ่ง มีแสงอันดุเดือดรวมตัวอยู่ในมือของเขา มีหุ่นเชิดปรากฏขึ้นจำนวนนับไม่ถ้วน พร้อมด้วยควันดำกระโจนเข้าหารพีพงษ์

มองการโจมตีนี้ รพีพงษ์รู้ว่าเขาหลีกเลี่ยงไม่ได้ ถือกระบี่สยบเซียนในมือแน่น รวมสมาธิลมปราณเข้าสู่ศูนย์กลางอย่างต่อเนื่อง พุ่งตรงไปที่กะโหลกศีรษะ

“ตาย!” เจ้าสำนักตะโกนด้วยน้ำเสียงเย็นชา กะโหลกนับไม่ถ้วนระเบิดขึ้น และควันดำหนึ่งห่อหุ้มรพีพงษ์ไว้

โดนโจมตีจากตัวเอง ถึงแม้ว่าจะแดนเทพขั้นกลางต่างก็ไม่แน่ว่าจะรอดได้ ยิ่งกว่านั้นเจ้าหนุ่มตรงหน้าก็เป็นแค่แดนเทพขั้นแรก

และขณะที่เจ้าสำนักกำลังได้ใจ ในควันดำ รพีพงษ์และปัณฑารีบพุ่งออกมา ทั่วร่างกายเปล่งประกายด้วยบาเรีย(โล่มหัศจรรย์)สีเหลืองอร่าม ร่างกายไม่ได้รับบาดแผลเลยแม้แต่น้อย

“เป็นไปได้อย่างไร!” เจ้าสำนักตกตะลึง การโจมตีของตนแม้แต่เสื้อผ้าของเจ้าหนุ่มก็ไม่สามารถทำอะไรแม้แต่น้อย บาเรีย(เกราะพลังงาน)นี้มีปัญหาแน่!

ยังไม่มีเวลาได้คิด เห็นรพีพงษ์เข้ามาใกล้ๆ เจ้าสำนักก็ดึงตัวล็อกเหล็กกลับ แต่กลับถูกดีดด้วยบาเรียสีเขียวรอบๆรพีพงษ์อีกครั้ง สิ่งนี้ก็ยืนยันแล้วว่า ปัญหาอยู่เหนือบาเรียนี้

“เจ้าเด็กเลว ฉันไม่เชื่อ ว่าโล่ของแกจะสามารถต้านทานการเคลื่อนไหวที่สามของฉันได้!”

พูดจบ เจ้าสำนักทิ้งตัวล็อกเหล็กไป มีดเล่มเล็กในมือของเขา เจาะไปที่แขนของตัวเองโดยตรง

และสิ่งที่ทำให้รพีพงษ์ประหลาดใจก็คือ เลือดที่ไหลออกมาจากบาดแผลผู้ชายคนนี้ไม่แดงเหมือนคนทั่วไป แต่ดูเหมือนมันจะเหนียวหนึบ ลักษณะเป็นของเหลวสีเขียวเข้ม!

“แกฝึกตนวิชาชั่วร้ายถึงระดับนี้จริงๆเหรอ มีคนบริสุทธิ์ตายในมือแกกี่คน! วันนี้ ฉันรพีพงษ์จะล้างแค้นกลับด้วยวิธีชั่วร้ายแบบเดียวกัน!” รพีพงษ์กล่าวอย่างคำราม

เมื่อได้ยินคำที่รพีพงษ์พูด ใบหน้าของเจ้าสำนักแสดงให้เห็นถึงความประหลาดใจ

รพีพงษ์เป็นเจ้านายแห่งกลุ่มสิงโต เป็นผู้ฝึกตนที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก เผชิญหน้ากับรพีพงษ์ ถึงแม้ว่าเขาเป็นเจ้าสำนักแห่งสำนักหิมะเย็นโดยธรรมชาติแล้วก็ไม่กล้าเข้าไปยุ่งนักหรอก

แต่พอคิดว่าเด็กคนนี้อยู่แค่แดนเทพขั้นกลาง เจ้าสำนักก็ละทิ้งความคิดนี้

“รุ่นเด็กไร้ยางอาย รพีพงษ์เป็นเจ้าสำนักผู้ยิ่งใหญ่แห่งกลุ่มสิงโต ให้แกมาดูถูกเหยียดหยามกันได้ที่ไหนกัน ตายเสียเถอะ!”

ของเหลวสีเขียวเข้มไหลออกจากแขนของเจ้าสำนัก ทันใดนั้นค่ายกลก่อตัวขึ้นกลางอากาศ หลังจากนั้น ควันดำจำนวนมากโผล่ออกมาจากค่ายกล หลั่งเข้าไปในร่างกายของเจ้าสำนัก

รพีพงษ์เห็นฉากนี้ ขมวดคิ้ว แม้เขาไม่รู้ว่านี่คืออะไร แต่กลยุทธ์นี้ทำให้รพีพงษ์รู้สึกถึงความอันตรายอย่างยิ่ง ไม่ว่าอย่างไร ต้องเป็นผู้ลงมือก่อน ก่อนที่ผู้เฒ่าคนนี้จะลงมือ และจัดการเขา!

คิดแล้ว รพีพงษ์เพิ่มความเร็วจนถึงขีดสุด กระบี่สยบเซียนในมือของเขาได้รวบรวมพลังลมปราณที่ใช้ได้เกือบทั้งหมด กระบี่เล่มนี้ ตัดสินผลแพ้ชนะ!

“ฟู่……”

กระบี่สยบเซียนแทงทะลุเข้าไปตรงหน้าอกของเจ้าสำนัก ของเหลวสีเขียวเข้มไหลลงกระบี่สยบเซียน

สาวกมองดูฉากนี้ ทุกคนต่างตกตะลึงอย่างมาก คิดไม่ถึงว่า สุดท้ายผลจะเป็นเช่นนี้!

และฝั่งรพีพงษ์ ตอนที่หมัดสุดท้ายของเจ้าสำนักเข้าใกล้พอดีกับการป้องกันสุดท้ายของเถาวัลย์ ในขณะนี้เถาวัลย์ได้กลายเป็นขี้เถ้า โล่ก็หายไป แต่โชคดีที่ดาบนี้แทงทะลุหน้าอกของเจ้าสำนักจากด้านหน้า ทุกอย่างได้รับการตัดสินแล้ว!

“เหอะๆ เจ้าหนุ่ม แกคิดว่าทุกอย่างจะจบแค่นี้เหรอ?”

จู่ๆก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น รพีพงษ์ตระหนักถึงอันตรายทันที ดึงกระบี่สยบเซียนออกมา พาปัณฑาหนีออกไปไกลกว่า 10 เมตรอย่างรวดเร็ว ดวงตาของเขาจับจ้องอยู่ที่เจ้าสำนัก

ในสายตาทุกคน เห็นบาดแผลบนหน้าอกของเจ้าสำนักฟื้นฟูทันที ไม่เหลือแม้แต่รอยแผล ความสามารถในการฟื้นฟูที่ทรงพลังเช่นนี้ ทำให้คนตกตะลึงอย่างมาก

เจ้าสำนักเงยหน้าขึ้น ดวงตากลายเป็นสีแดง ใบหน้าทั้งสองด้านถูกปกคลุมไปด้วยสิ่งที่คล้ายเกล็ด จนกระทั่งบนหน้าผากก็มีเขาเล็กๆงอกขึ้นมา คล้ายปีศาจในตำนานมาก!

รพีพงษ์เลียลิ้นแตะฟันบน โยนปัณฑาไปให้ไกล ทั้งสองมือถือกระบี่สยบเซียน และตะโกนเสียงดัง: “ให้ทุกคนออกไป ผู้เฒ่าคนนี้ฝึกฝนวิชาชั่วร้ายถึงขั้นมีพลังมหาศาล พวกคุณอยู่ที่นี่จะตกอยู่ในอันตราย ฉันจะขวางเขาไว้เอง!”

ได้ยินดังนั้น ปัณฑามองไปที่สาวกที่ทำอะไรไม่ถูกเหล่านี้ของเจ้าสำนัก จากนั้นก็มองไปยังรพีพงษ์และกล่าว : “รพีพงษ์ คนเหล่านี้วุ่นวายกันไปหมดแล้ว เราสองคนหนีออกไปได้ ขอแค่คุณฟื้นฟูกำลัง เราค่อยกลับมาทำร้ายสิ่งชั่วร้ายนี้ได้อีก”

รพีพงษ์ส่ายหัว คนใช้วิชาชั่วร้าย ฆ่าคนจนติดเป็นนิสัย ตนเองพาปัณฑาไปกลับว่าไม่ได้เป็นปัญหาใหญ่นัก

แต่เหล่าสาวกเหล่านี้ไม่เหมือนกันน่ะสิ!

ผู้ฝึกฝนเหล่านี้ส่วนใหญ่ต่างก็อยู่ภายใต้แดนดั่งเทพ อยู่ต่อหน้าเจ้าสำนักจอมคลั่งนี้ ไม่สามารถต่อต้านได้เลย ถ้าหากปล่อยทิ้งไว้เฉยๆ จะต้องเกิดการสังหารหมู่แน่!

“ไม่ได้ บาเรียป้องกันของเจ้าสำนักฉันมีวิธีทำลาย คุณกับสาวกเหล่านี้ไปกันก่อน ถึงแม้ว่าพวกเขาจะทำผิด แต่ก็ไม่ควรจะตายที่นี่”

เมื่อได้ยินแล้ว ปัณฑาใช้ลิ้นเลียฟันบน รู้ว่าตนไม่สามารถขวางรพีพงษ์ได้ หันหัวไปที่ประตูสำนักและวิ่งไป

เจ้าสำนักมองดูฝูงชนที่วุ่นวายด้านล่าง ยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ มองดูแขนทั้งสองข้างมีเกล็ดงอกขึ้นมา สัมผัสถึงพลังอันมากมายในร่างกาย พึงพอใจมาก

“เหอะๆ สมกับที่เป็น พลังเทพสังหาร! พลังแบบนี้ ขอเพียงแค่ฝึกตนจนถึงระดับถัดไป ฉันก็สามารถจัดการเจ้านายหลินได้แล้ว! เมื่อถึงวาระนั้น โลกทั้งใบก็จะอยู่ในกระเป๋าของฉัน

ได้ยินถ้อยคำของเจ้าสำนัก เหล่าสาวกต่างพากันหวั่นไหวในใจ แม้แต่ห้านักกระบี่ก็ตื่นกลัวอย่างยิ่ง

รพีพงษ์ขมวดคิ้ว ดูบาเรียป้องกันที่ครอบคลุมสำนักหิมะเย็นทั้งหมดบนเหนือศีรษะ อุดมไปด้วยพลังเทพ กระโดดขึ้นไปบนอากาศ กลืนยาเม็ดหนึ่ง มังกรทองเก้าตัวรวมตัวเป็นมังกรยักษ์ทันทีพุ่งเข้าหาบาเรียป้องกัน

ก่อนหน้านี้เป็นเพราะบาเรียที่ถูกโจมตีเข้าที่หน้าอกแล้วคลายออกชั่วขณะหนึ่ง ในตอนนี้ก็เปราะบางไม่น้อยเลย ถูกการโจมตีของรพีพงษ์ ก็กลายเป็นเศษเล็กเศษน้อยในทันที

เห็นบาเรียหายไป เหล่าสาวกต่างหนีออกไปนอกสำนัก ปัณฑาก็ถอนตัวออกจากสำนักหิมะเย็น ตั้งใจจะมุ่งหน้าไปยังกลุ่มสิงโตสำนักเทพยาเซียนเพื่อขอกำลังทหาร

เห็นบาเรียถูกทำลาย เหล่าสาวกหลบหนีไป เจ้าสำนักโกรธทันที วิญญาณชั่วร้ายที่ไม่มีที่สิ้นสุดพุ่งออกมาจากมือใหญ่

ที่ประตูสำนัก สาวกจำนวนมากมองเห็นอีกก้าวเดียวก็จะออกจากสำนักหิมะเย็นได้แล้ว ทันใดนั้นก็ถูกวิญญาณร้ายจากข้างหลังล็อกไว้แน่น และถูกลากกลับมา

มองเห็นฉากนี้ สาวกหลายคนว้าวุ่น ประตูสำนักเกิดความวุ่นวาย จนกระทั่งมีคนเริ่มพังกำแพงต้องห้ามรอบประตู

เจ้าสำนักมองไปที่ห้านักกระบี่รวมถึงสาวกคนอื่นๆที่ถูกจับตรงหน้า สายตาเย็นชา และกล่าวว่า: “เลี้ยงพวกแกมาตั้งกี่ปี ถึงเวลาที่ทำเพื่อฉันบ้างแล้ว!”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท