พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1521 หมดทางสู้

บทที่ 1521 หมดทางสู้

พอได้ยินดังนั้น รพีพงษ์ก็ผงะ

“หรือว่า ไอ้หมอนี่อยากจะดูดกลืนชีวิตของพี่น้องในสำนักงั้นหรือ?”

พอคิดถึงจุดนี้ รพีพงษ์สะบัดกระบี่ออกไปทางพลังเทพนั้นทันที แต่กลับถูกขวางไว้อย่างง่ายๆ เสียอย่างนั้น

สายตาของเจ้าสำนักมองมาที่รพีพงษ์ด้วยสีหน้าไม่พอใจ แล้วพูดว่า “ไอ้หนู รอกูกลืนกินไอ้พวกนี้ให้หมดเสียก่อน เดี๋ยวต่อจากนี้จะเป็นคิวของมึง”

เพิ่งสิ้นเสียง พวกลูกศิษย์ที่อยู่ต่อหน้าเจ้าสำนักก็รู้จักเจ็บปวดขึ้นมาอย่างมาก โลหิตภายในลำตัวก็ไหลออกมานอกร่างกายเอง และถูกเจ้าสำนักดูดไปอย่างไม่หยุด

เจ้าสำนักก็มีสีหน้าเสพสุข ร่างกายก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้น โดยไม่เหมือนก่อนหน้านี้ที่เป็นคนแก่ๆ ไร้เรี่ยวแรงเลย

ผู้อาวุโสใหญ่เห็นดังนั้น ก็ยิ้มออกมา หลังจากที่ได้พักผ่อนไปสักพักแล้ว ในที่สุดก็ลุกขึ้นยืนได้อีกครั้ง พร้อมกับมองไปยังเจ้าสำนัก แล้วพูดว่า “ไม่เสียแรงที่เป็นถึงเจ้าสำนัก มีพลังไม่ธรรมดาเลยทีเดียว เชื่อว่าอีกไม่นาน สำนักหิมะเย็นของพวกเราก็จะสามารถครอบครองทั้งทวีปการฝึกตนไว้ได้อย่างแน่นอน!”

ได้ยินดังนั้น เจ้าสำนักก็มองมาที่ตัวของผู้อาวุโสใหญ่ แล้วหัวเราะออกมา มือขวาก็คว้าเข้าให้ ผู้อาวุโสใหญ่ลอยขึ้นจากพื้นไปอยู่ตรงหน้าเจ้าสำนัก โดยขัดขืนอะไรไม่ได้เลย

“เจ้าสำนัก นี่จะทำอะไรครับ ผม…..ผมทำทุกอย่างเพื่อสำนักหิมะเย็นของเรามากที่สุดนะ!” ผู้อาวุโสใหญ่พูดอย่างหวาดกลัว เห็นจอมมารตรงหน้าแล้ว ในใจก็ยิ่งกลัวอย่างปิดกั้นไม่ได้

เจ้าสำนักยิ้มออกมา สีหน้าก็มองผู้อาวุโสใหญ่อย่างดูถูก แล้วพูดว่า “ก็แค่ไอ้กระจอกระดับแดนดั่งเทพเท่านั้นเอง ผีน้อยตัวหนึ่งก็รับมือไม่ได้ แถมยังทำให้กูต้องเปิดเผยตัวตนก่อนเวลาอันควร กูจะเอามึงไว้ทำไมกัน!”

“วันนี้เป็นทีของสำนักหิมะเย็น ต่อไปจะเป็นทีของทั้งดินแดนเย็นสะท้าน!กูจะกลืนกินสิ่งมีชีวิตทุกอย่างให้หมด ให้เหมือนกับพวกสัตว์เดรัจฉาที่ป่ามืดเย็นเลยคอยดู!”

พอได้ยินดังนั้น ผู้อาวุโสใหญ่ก็หน้าซีด แล้วเดินพลังทิพย์ในกายเพื่อจะต่อต้าน แต่ก็ไม่มีโอกาสเลย ได้แต่ยอมให้เลือดในตัวไหลออกมา แล้วถูกปีศาจตรงหน้าดูดกลืนไป

รพีพงษ์ก็ขมวดคิ้ว พอรับรู้ว่ามารปีศาจแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ก็รีบบุกเข้าไปทันที

ถ้ายังปล่อยให้มันดูดชีวิตคนอื่นไปแบบนี้เรื่อยๆ เกรงว่าอีกไม่นาน ลูกศิษย์ในสำนักหิมะเย็นทั้งหมดจะไม่มีใครรอดเลย และที่ยิ่งน่ากลัวกว่านั้นก็คือ พอดูดชีวิตไปมากแล้วนั้น พลังของปีศาจก็จะถึงระดับที่น่ากลัวเป็นอย่างมาก พอถึงตอนนั้น นอกจากตนจะฟื้นพลังกลับมาระดับขั้นพีค ไม่อย่างนั้นคงจะหยุดปีศาจตัวนี้ไว้ไม่ได้แน่

เจ้าสำนักก็มองรพีพงษ์ที่คอยเข้าขัดขวางตนเองตลอดเวลา ด้วยสีหน้าโมโห ในมือก็โยนร่างไร้วิญญาณที่ถูกดูดพลังจนแห้งลงพื้นไป บนร่างกายก็เกิดเป็นเกราะที่แข็งแกร่งมากออกมา

“ดีเลย ไอ้หนู ในเมื่อมึงอยากตายขนาดนี้ ตอนนี้ล่ะ ถึงทีของมึงแล้ว!”

พูดจบ เจ้าสำนักก็หายตัวไปจากที่เดิม แม้แต่รพีพงษ์เองก็ตอบสนองไม่ทน แล้วก็ถูกกำปั้นที่มองไม่เห็นต่อยจนลอยกระเด็นออกไป แล้วกระเด็นใส่เสาหินอย่างแรง เสาหินนั้นขาดครึ่ง ฝุ่นคละคลุ้งปกคลุมตัวรพีพงษ์ไปหมด

“เสียงคำราม!”

มังกรยักษ์สีทองบินออกมาจากกลุ่มฝุ่นนั้น แล้วบุกมาทางเจ้าสำนัก

เจ้าสำนักก็ยังหน้านิ่ง ในมือก็เรียกกระบี่ใหญ่สีเลือดออกมา สะบัดกระบี่ออกไป มังกรยักษ์สีทองก็แหลกเป็นเสี่ยงๆ ทันที โดยไม่สามารถทำอันตรายใดๆ ต่อเจ้าสำนักได้เลย

“เหอะๆ กระบวนท่านี้ของมึงน่าสนุกดี ถ้ากูยังเป็นฝีมือระดับแดนเทพขั้นกลางธรรมดาล่ะก็ ตอนนี้คงได้ตายในเงื้อมมือมึงไปแล้ว แต่น่าเสียดาย ตอนนี้กูได้กายเทพปีศาจมาครอบครองแล้ว!ไม่มีวันตาย!จะได้ครอบครองทั้งทวีปการฝึกตนในอีกไม่นาน ใครก็มาขวางกูไม่ได้!”

พอสิ้นเสียง รอบๆ ตัวเจ้าสำนักก็มีคลื่นพลังไร้รูปลักษณ์หมุนวนออกมา รพีพงษ์เห็นดังนั้น ก็รีบเรียกพลังทิพย์ออกมาเป็นเพราะป้องกัน เพื่อต่อต้านคลื่นพลังนั้น

อาศัยจังหวะที่เจ้าสำนักยังไม่ทันได้ลงมือโจมตีมาต่อนั้น รพีพงษ์ก็รีบลงมือออกไป มันรวดเร็วจนไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า กระบี่สยบเซียนได้พุ่งเข้าจะแทงที่ตำแหน่งหน้าอกของเจ้าสำนัก

เจ้าสำนักเห็นดังนั้น ก็หัวเราะออกมา โดยไม่ได้ปัดป้องใดๆ ยอมให้รพีพงษ์แทงเข้ามาที่หน้าอกตนเองอย่างไม่ได้เกรงกลัวใดๆ แถมยังมองยิ้มให้กับรพีพงษ์ด้วยเสียอีก

“เหอะๆ ก่อนหน้านี้มึงก็ได้เห็นแล้วใช่ไหม กายเทพปีศาจไม่ได้อ่อนแออย่างนั้นหรอก เชื่อว่าในโลกนี้คงจะมีแค่สองคนนั้นของกลุ่มสิงโตที่พอจะสู้กับกูได้”

รพีพงษ์ได้ยินดังนั้นก็ขมวดคิ้วแน่น เขารู้ดีว่าสองคนที่เจ้าสำนักพูดถึงนั้น ก็คือธัชธรรม และอีกคนก็คือ ตนเอง

น่าเสียดาย พลังของตนเองได้รับบาดเจ็บ ถ้าหากว่าไม่สามารถฆ่าปีศาจนี่ให้ตายล่ะก็ หลังจากนี้ธัชธรรมก็คงจะรับมือไอ้หมอนี่ได้ยาก

พอคิดเรียบร้อย รพีพงษ์ก็กำกระบี่สยบเซียนไว้แน่น ไม่ว่าอย่างไร ก็ต้องยื้อเวลาไว้ให้ได้ จนกว่าพวกลูกศิษย์ทั้งหลายจะหนีไปได้อย่างลอดภัย แล้วตนเองค่อยหาวิธีถอยหนี

ขอเพียงพักรักตัวให้หาย ฟื้นพลังแดนเทพขั้นพีคให้กลับมา แล้วค่อยจัดการกับปีศาจตัวนี้ก็ไม่เรื่องยาก

พอเห็นรพีพงษ์ยังไม่หยุด เจ้าสำนักก็มองนิ่งๆ กระบี่ยาวสีเลือดก็ฟันมาทางรพีพงษ์ไม่ยั้ง มีรัศมีกระบี่นับไม่ถ้วนพุ่งมาทางรพีพงษ์

รพีพงษ์กัดฟันแน่น กระบี่สยบเซียนก็แกว่งออกมาเหมือนกัน แต่ไม่เหมือนกับของเจ้าสำนัก รพีพงษ์จะต้องฟันออกไปสองครั้งถึงจะสามารถต้านทานพลังของเจ้าสำนักได้หนึ่งกระบี่ พอนานเข้า รพีพงษ์ก็คงจะต้านทานไว้ได้ไม่นาน

“เพล้ง!”

เสียงดังสนั่น ง่ามมือของรพีพงษ์เจ็บปวดขึ้นมา กระบี่สยบเซียนถูกรัศมีพลังกระบี่ของเจ้าสำนักโจมตีจนกระเด็นหลุดมือออกไป จนไปปักลงที่พื้น

ส่วนรพีพงษ์ก็หายใจเข้าเฮือกใหญ่ด้วยความเหนื่อย อ่อนแรงไปทั้งตัว แล้วพยายามบีบพลังทิพย์ออกมาเป็นเพราะป้องกันไว้ด้านหน้า ถึงสามารถต้านการโจมตีของเจ้าสำนักไปได้

พอเห็นว่ารพีพงษ์อ่อนแรง เจ้าสำนักก็เลยหยุดกระบวนท่ากระบี่ลง แล้วยิ้มออกมา มือขวาก็ใช้ไอพิฆาตบีบคอของรพีพงษ์ไว้ ทำให้เข้าหายใจได้อย่างยากลำบาก

“สู้สิ ทำไมไม่สู้แล้วล่ะ มึงเก่งนักไม่ใช่หรือไง? แค่นี้ยังจะกล้ามาบุกสำนักหิมะเย็นกู ทำแผนกูเสียหมด ยังจะกล้าวางมาดเป็นเจ้าสำนักของกลุ่มสิงโต รอให้กูดูดเลือดมึงก่อน ดูสิว่ามึงจะหนีไปได้อย่างไร”

พูดจบ เจ้าสำนักก็ใช้ความคิด แล้วก็มีแรงกดดันมหาศาลกดลงมาที่ตัวของรพีพงษ์

รพีพงษ์ที่ฝึกวิชากังฟูเสนส่วนท้ายแล้วนั้น ร่างกายก็มีเกราะป้องกันออกมาทันที

แต่ทว่า เนื่องจากตอนนี้ระดับพลังของรพีพงษ์ไม่ถึงขั้นพีค และแรงกดนั้นมันก็แข็งแกร่งมาก ทำให้ตัวของรพีพงษ์มีเลือดไหลออกมาไม่หยุด กลายเป็นละอองเลือดปลิวไปที่ตัวของเจ้าสำนัก แล้วถูกดูดกลืนไป

“ไอ้หนู!เลือดของมึงรสชาติดีกว่าที่กูคิดไว้เสียอีกนะ ดูดพลังมึง แล้วก็ไปดื่มน้ำอำมฤต ต่อให้เป็นคนระดับแดนเทพขั้นพีคกูก็ไม่กลัว!” เจ้าสำนักพูดอย่างดีใจ แล้วเร่งดูดเลือดของรพีพงษ์ให้เร็วขึ้น

รพีพงษ์มีสีหน้าเจ็บปวดมาก ความเจ็บปวดที่ถูกดูดพลังชีวิตไปแบบนี้แทบจะทำให้รพีพงษ์สลบ

ถ้ายังไม่มีทางอื่นล่ะก็ รพีพงษ์คงจะต้องตายอยู่ที่นี่แน่นอน!

และตอนที่สติของรพีพงษ์กำลังจะหมดไปนั้น ในส่วนลึกของวิญญาณ ก็มีเสียงหนึ่งดังออกมา

“เหอะๆ ข้าบอกแล้วไง ว่าให้เอาร่างกายของแกมาให้ข้า ข้าจะช่วยแกทุกอย่าง ไอ้เศษสวะตรงหน้านี้ ข้าจัดการได้ในกระบวนท่าเดียว!”

พอสิ้นเสียง รพีพงษ์ก็ลืมตาขึ้น ตนเองได้เห็นรพีพงษ์ตัวปลอมเหมือนกับที่เจอตอนอยู่ที่ทะเลอีกแล้ว

และในตอนที่รพีพงษ์กำลังสลบอยู่นั้น เงาของรพีพงษ์ตัวปลอมก็โผล่มาตรงหน้าของรพีพงษ์อีกครั้ง

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท