พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1533 มาร้าย

บทที่ 1533 มาร้าย

“ไอ้หมอนี้มีความแข็งแกร่งมาก ทุกคนระวังตัวด้วย” ชายผิวดำกล่าวอย่างเคร่งขรึม

การโจมตีเมื่อสักครู่ แม้ว่าตนเองจะใช้พละกำลังไปเพียงแค่ครึ่ง แต่อีกฝ่ายดูเหมือนจะสบาย ๆ มากกว่าตนเอง

ถึงกระนั้น ถึงตอนนี้ง่ามมือระหว่างนิ้วโป้งและนิ้วชี้มือของตนเองก็ยังรู้สึกชาเล็กน้อย

“พวกเราบุกเข้าไปพร้อมกัน ให้การต่อสู้จบโดยเร็วที่สุด”

คนคนหนึ่งที่อยู่ข้างหลังกล่าว

วันนี้พ่อบ้านเตชิตพานักสู้จากตระกูลภูสรีดาวมาสิบห้าคน

จากนั้นคนเหล่านั้นก็พุ่งมาหารพีพงษ์

“คุณรพี ระวัง!”

ผลินตะโกนอย่างประหม่า

“ไม่ต้องห่วง เขาไม่เป็นไรหรอก”

ไม่รู้ว่าปัณฑาปรากฏตัวขึ้นข้างผลินตั้งแต่เมื่อใด เธอกล่าวด้วยรอยยิ้มพร้อมกับท่าทางที่ไม่ยี่หระ

“คุณ……คุณไม่กังวลเลยเหรอ?” ผลินกล่าวถาม

“แน่นอน ฉันรู้ความสามารถของรพีพงษ์ดี” ปัณฑากล่าว

รพีพงษ์ได้รวบรวมพลังจิตวิญญาณทั้งหมดไว้ที่หมัด

รพีพงษ์เห็นอาการการบาดเจ็บของจินตรา ทำให้เขารู้สึกโกรธสุดขีด!

ปล่อยหมัดออกไปด้วยความเร็ว

ภายใต้หมัดของรพีพงษ์ ยอดฝีมือระดับแดนดั่งเทพพวกนั้นล้มลงกับพื้นทีละคน และไม่สามารถลุกขึ้นได้อีก

รพีพงษ์ขมวดคิ้ว และจงใจลดพลังในร่างกายของตนเอง ถ้าเขาแสดงสถานะพลังทั้งหมด เพียงแค่แวบเดียว คนเหล่านั้นทั้งหมดจะถูกฆ่าตายอยู่ที่นี่ทันที

“จิตวิญญาณเทพรวมเป็นหนึ่งเดียว!”

เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ไม่ดี ชายผิวดำก็ตะโกนเสียงดัง

ชั่วพริบตา ตอนนี้เหลือเพียงเจ็ดแปดคนที่ยังยืนหยัดอยู่ พวกเขาได้ปล่อยพลังจิตวิญญาณในร่างกายออกมาทันที แล้วพลังจิตวิญญาณทั้งหมดก็ไปรวมอยู่ที่ชายผิวดำคนนั้นทันที

รพีพงษ์มองทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้า การที่สามารถรวมพลังจิตวิญญาณของทุกคนไว้ที่คนคนเดียว คิดว่านี่เป็นวิชาลับอีกวิธีหนึ่ง

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ตอนที่อยู่ในทวีปโอชวิน ฐปนีย์เคยรวบรวมพลังวิญญาณของชาคริตและเมฆ

แดนเทพขั้นพีค!

ชายผิวดําทะลวงไปถึงระดับนี้โดยตรงทันที

“ไอ้หนู ผมจะฆ่าคุณเดี๋ยวนี้!”

ชายผิวดำกล่าวอย่างเย็นชา

“คุณคิดว่า คุณแข็งแกร่งมากนักหรือ?”

รพีพงษ์ไม่ยี่หระ

ตอนนี้ตนเองอยู่ในแดนบุณระดับต้น เขานั้นก็แค่แดนเทพขั้นพีคเท่านั้น ยังห่างจากตนเองมาก

“ตายเสียเถอะ!”

เมื่ออีกฝ่ายขยับมือทั้งสองข้าง พลังจิตวิญญาณก็พุ่งเข้าใส่รพีพงษ์ทันที

พลังมหาศาลนี้ทำให้ผลินรู้สึกกังวลเป็นอย่างมาก

รพีพงษ์ยังยืนอยู่ที่เดิม โดยไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ

เขาแสดงรอยยิ้มแปลก ๆ หลังจากนั้น ก็ปล่อยพลังจิตอย่างลับ ๆ และมนุษย์เล็กทองคำที่ประกายแวววับก็ปรากฏอยู่ข้างรพีพงษ์

“นี่มัน……”

ชายผิวดำตกตะลึงจนตาค้าง

นับตั้งแต่ทะลวงสู่ระดับแดนบุณ รพีพงษ์ก็รู้สึกว่ามนุษย์เล็กทองคำในใจของตนเองบริสุทธิ์มากขึ้น

วันนี้ปล่อยออกมา ดูเหมือนว่ามนุษย์เล็กทองคำคนนี้จะสูงพอ ๆ กับตนเองแล้ว

มนุษย์เล็กทองคำไปอยู่ข้างรพีพงษ์ทันที

บูม!

แสงสีทองส่องประกาย แล้วพลังจิตวิญญาณของอีกฝ่ายก็โจมตีไปที่ร่างของมนุษย์เล็กทองคำทันที

แต่มนุษย์เล็กทองคำไม่สะทกสะท้าน ตรงกันข้าม หลังจากถูกพลังจิตวิญญาณของอีกฝ่ายโจมตี แสงสว่างบนตัวของมนุษย์เล็กทองคำก็ยิ่งสว่างขึ้นไปอีก!

รพีพงษ์มีเหตุผลที่จะตัดสินว่า ตอนนี้ความแข็งแกร่งของมนุษย์เล็กทองคำนั้นไม่น้อยไปกว่ายอดฝีมือระดับแดนเทพขั้นพีค!

“บุก!”

รพีพงษ์กล่าวเบา ๆ มนุษย์เล็กทองคำก็พุ่งเข้าไปพร้อมกับกระบี่สยบเซียน

“นี่มัน!”

อีกฝ่ายมองด้วยความประหลาดใจที่มนุษย์เล็กทองคำซึ่งคล้ายกับร่างแยกของรพีพงษ์พุ่งเข้ามาหาตนเอง พลังจิตวิญญาณที่ทรงพลังทำให้เขารู้สึกโดดเดี่ยวราวกับเรือลำเดียวในมหาสมุทรอันกว้างใหญ่

บูม!

เกราะป้องกันก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่กระบี่สยบเซียนที่อยู่ในมือของมนุษย์เล็กทองคำได้แทงทะลุเกราะป้องกันของอีกฝ่ายทันที!

เก้าทวารเชื่อมต่อกับหน้าผากแล้ว!

พลังทิพย์ได้เคลื่อนอยู่ในร่างของรพีพงษ์ และหลังจากนั้นดวงตาของรพีพงษ์ก็คมชัดมากยิ่งขึ้น

พริบตาเดียวรพีพงษ์ไปปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าอีกฝ่าย

ขณะนี้ ภายใต้การโจมตีที่รุนแรงของมนุษย์เล็กทองคำ ทำให้อีกฝ่ายไม่สามารถต้านทานได้อีกต่อไป

เมื่อเผชิญหน้ากับรพีพงษ์ที่มาอย่างกะทันหัน ทำให้ชายผิวดำไม่รู้จะทำอย่างไรดี

“ตายเสียเถอะ”

รพีพงษ์กล่าวเบา ๆ พลังทิพย์ที่หนาแน่นได้ไปรวมอยู่ที่นิ้วชี้

“ท่าเซียน!”

รพีพงษ์ตะโกนเสียงดัง

เดิมทีนี้เป็นวิชาที่ได้รับการถ่ายทอดจากจอมมารชูร่า แต่รพีพงษ์ปรับโดยอยู่บนพื้นฐานของจอมมารชูร่า

ตอนนี้ในร่างกายของรพีพงษ์ประกอบด้วย พลังจิตวิญญาณ พลังวิเศษเสน และพลังทิพย์ พลังทั้งสามชนิดนี้ เป็นที่อิจฉาของคนในโลก และยังสามารถรวมเข้าด้วยกันได้อย่างสมบูรณ์แบบ

รพีพงษ์ปล่อยพลังทั้งสามนี้ออกมาทันที กระแทกไปที่หน้าอกของอีกฝ่ายโดยตรง

“โอ๊ย!”

ชายผิวดำกรีดร้อง และในขณะเดียวกัน กระบี่สยบเซียนก็พุ่งเข้าใส่ใบหน้าของอีกฝ่าย

พริบตา รอยยาวสีแดงก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของชายผิวดำ

ชายผิวดำตกลงมาจากกลางอากาศพร้อมกับเงาดำ และล้มลงกับพื้นทันที

เงียบ เงียบเป็นพิเศษ

รพีพงษ์ลงมือครั้งแรกในเมืองแฟรี่ ฆ่าคนที่อยู่ในระดับแดนเทพขั้นพีคไปหนึ่งคน

และรพีพงษ์ก็รู้ดีว่า ในการโจมตีครั้งนี้ตนเองนั้นไม่ได้ใช้พละกำลังทั้งหมด

ผลินและจินตราตกตะลึงจนอ้าปากค้าง

“ลูก เขา……เขาเป็นเพื่อนของลูกจริง ๆ เหรอ?” จินตรากล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นๆ ขณะมองที่แผ่นหลังของรพีพงษ์

ผลินรู้สึกประหม่าจนพูดไม่ออก

รพีพงษ์ซึ่งปกติเป็นคนสง่า ไม่คาดคิดว่าเมื่อเขาลงมือ จะมีรังสีสังหารมากมายเช่นนี้!

เมื่อรู้สึกถึงรังสีสังหารที่อยู่บนตัวของรพีพงษ์ พวกเขารีบลุกขึ้นและเตรียมตัวจะหนี

“คิดจะหนี?”

รพีพงษ์ได้ตัดสินใจแล้วว่าวันนี้จะไม่ยอมปล่อยใครไปเด็ดขาด

ดังนั้นในขณะที่พวกเขากำลังลุกขึ้น รพีพงษ์ก็ได้สร้างแนวป้องกันไว้แล้ว

หกเจ็ดคนที่เหลือนั้นวิ่งไปชนกำแพง ทำให้ไม่สามารถวิ่งออกไปได้เลย

ในเมื่อทำแล้วก็ต้องทำให้ถึงที่สุด!

รพีพงษ์ตัดสินใจแล้ว เนื่องจากสถานการณ์นี้ ทำให้เขาไม่สามารถถ่อมตนได้อีก งั้นตนเองก็ไม่ถ่อมตนแล้ว!

และคอยดูว่าในเมืองแฟรี่นี้จะมีเรื่องมหัศจรรย์อะไรอีกบ้าง!

เมื่อเห็นรพีพงษ์เดินเข้ามาทีละก้าว พ่อบ้านเตชิตที่ไม่สามารถหลบเลี่ยงได้อีก ทำให้ร่างกายของเขาสั่นสะท้านโดยไม่ตั้งใจ

“คุณ……คุณอย่าเข้ามาน่ะ ผมเตือนคุณแล้ว ผมเป็นคนของตระกูลภูสรีดาว ถ้าคุณฆ่าผม เจ้านายของผมไม่ปล่อยคุณไปแน่นอน!” พ่อบ้านเตชิตกล่าว

“เจ้านายของคุณ?” รพีพงษ์หัวเราะเยาะที่มุมปาก “ดูเหมือนว่าผมพูดถูก คุณมันเป็นแค่สุนัขตัวหนึ่งจริง ๆ”

“คุณ!”

พ่อบ้านเตชิตด่าไปสองสามประโยค แต่ไม่รู้จะทำยังไง ความสามารถของตนเองนั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา

เขาปล่อยพลังจิต แค่ชั่วพริบตาเดียว ผู้คนที่เหลือหกเจ็ดคนที่อยู่ในระดับแดนดั่งเทพก็นอนจมกองเลือดทันที

“ตอนนี้เหลือแค่คุณคนเดียว คุณคิดว่าผมจะปล่อยคุณไปหรือ?”

รพีพงษ์มายืนอยู่ตรงหน้าพ่อบ้านเตชิต มองและกล่าวกับอีกฝ่าย

ขณะที่พูด แส้ยาวก็ปรากฏขึ้นในมือของรพีพงษ์

เพี๊ยะ!

แส้ฟาดไปที่ร่างกายของอีกฝ่าย

ไม่ช้าก็มีรอยแดงปรากฏบนผิวหนัง

“โอ๊ย เจ็บ!”

พ่อบ้านเตชิตตะโกนเสียงดัง

อย่างไรก็ตาม รพีพงษ์ไม่สนใจเสียงร้อนของอีกฝ่าย ยังคงใช้แส้ฟาดไปที่ร่างกายของอีกฝ่ายอย่างต่อเนื่อง

พ่อบ้านเตชิตกลิ้งไปทั่วพื้นด้วยความเจ็บปวด

พรึบ!

รพีพงษ์สะบัดแส้ และพันคอของอีกฝ่ายทันที

“เมื่อสักครู่ คุณทำกับจินตราอย่างนี้ใช่ไหม ตอนนี้ผมจะเอาคืนเป็นสิบเท่า!”

รพีพงษ์ตะโกนเสียงดัง ออกแรง แล้วร่างของอีกฝ่ายก็ล้มลงไปบนพื้นทันที

หลังจากนั้น แส้ยาวก็ลากร่างของอีกฝ่ายที่นอนอยู่บนพื้น

สีหน้าของพ่อบ้านเตชิตแดงก่ำ คอของเขาถูกรัดแน่นจนอึดอัด แต่ก็ไม่สามารถส่งเสียงได้ มันทรมานกว่าการฆ่าเขาเสียอีก

จินตราและผลินมองรพีพงษ์จนอ้าปากค้าง

“คุณรพี นี่เป็นการแก้แค้นให้ฉันหรือ?” จินตรากล่าวด้วยอารมณ์ซาบซึ้ง

ในแนวป้องกัน พ่อบ้านเตชิตที่อยู่บนพื้นนั้นตอนนี้ทั่วร่างกายเต็มไปด้วยเลือด และไร้ซึ่งเรี่ยวแรง

เมื่อรพีพงษ์เคลื่อนไหวพลังจิต แส้นั้นก็หายไป

“เลือดต้องล้างด้วยเลือด พ่อบ้านเตชิตคุณไม่เคยคิดหรือว่าสิ่งที่คุณเคยทำ มันจะต้องถูกลงโทษ?”

รพีพงษ์นั่งลง มองพ่อบ้านเตชิตที่หายใจรวยริน แล้วกล่าวอย่างเย็นชา

พ่อบ้านเตชิตมองรพีพงษ์ แล้วเกิดความสงสัยอยู่ในใจ คนที่ตนเองได้พบคนนี้เป็นคนแบบไหน ทำไมรู้สึกว่าเขาถึงได้ไม่กลัวฟ้าดิน?

ขณะที่รพีพงษ์กำลังจะฆ่าอีกฝ่าย ทันใดนั้นเขาก็ขมวดคิ้ว

“มีคนมา!”

รพีพงษ์ที่เพิ่งมีปฏิกิริยาตอบสนอง ได้ยินเสียงชายหนุ่มดังมาจากข้างหลัง

“พ่อบ้านเตชิต ที่แท้คุณอยู่ที่นี่เอง ผมตามหาคุณตั้งนาน”

รพีพงษ์หันหลัง เห็นเป็นชายหนุ่มสวมชุดจีนที่มีลักษณะเหมือนคุณชายกำลังยิ้มและมองมาที่ตนเอง

เมื่อมองท่าทางที่สงบของอีกฝ่าย รพีพงษ์คิดอยู่ในใจว่า คนนี้มาร้าย!

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท