พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1566 แก้ปัญหาที่ต้นเหตุ

บทที่ 1566 แก้ปัญหาที่ต้นเหตุ

“เปล่า ฉันไม่ได้คิดแบบนั้น จะว่าไปแล้ว ก็คงมีแต่คุณคนเดียวที่สามารถช่วยผลินได้ เอ้อ แล้วก็ช่วงนี้คนของนรเทพส่วนใหญ่ออกไปจากที่นี่แล้ว พวกมันไปไหนกันหมด ไปภูเขาสองกระบี่หรือเปล่า แล้วพวกคุณออกมาได้อย่างไร”

“อาจารย์ธิปให้พวกเราออกมา ผมคิดว่า อาจารย์ธิปกำลังช่วยพวกเราอยู่”

รพีพงษ์พูดไป ปัณฑาก็ขมวดคิ้ว แล้วก็มองรพีพงษ์อย่างจริงจัง แล้วก็ยิ้มอย่างโล่งใจว่า “จุดประสงค์ที่เรามาที่นี่ ได้บรรลุตามเป้าหมายแล้วใช่ไหม?”

รพีพงษ์หายใจเข้าลึกๆ รู้ว่าเธอหมายถึงอะไร พร้อมตอบไปว่า “คุณพูดถูกต้อง ตอนนี้พวกเรามีสองผลลัพธ์ ไม่ฆ่าไอ้หมอนั่นเสีย ก็ถูกไอ้หมอนั่นฆ่าตาย ผมคิดว่าน่าจะเป็นอย่างแรกมากกว่า”

ปัณฑาปีนมาข้างบนหัวใหล่ของรพีพงษ์ แล้วก็ตบไหล่ของเขาพูดว่า “วางใจเถอะ ไม่ว่าคุณจะทำอะไร ฉันก็จะอยู่ข้างๆ คุณเสมอ ผ่านเรื่องอะไรกันมามากมาย ก็แค่นรเทพคนเดียวไม่ใช่หรือ แถมยังมีตาแก่ธิปคอยช่วยอยู่ด้วย ใช่ไหมล่ะ?”

พอบวรวิทย์เห็นนันท์ธร นันท์ธรก็รู้สึกว่าบวรวิทย์ไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว จากนั้นก็พูดทักทายด้วยความเป็นห่วงอยู่ข้างหูบวรวิทย์ไม่หยุด เป็นห่วงยิ่งกว่าลูกแท้ๆ เสียอีก

บวรวิทย์เห็นเขาเป็นแบบนี้ ก็เบื่อๆ เขาไม่ใช่เด็กๆ แล้ว

ต่อหน้ารพีพงษ์ จะต้องมีศักดิ์ศรีหน่อยสิ

พวกเขาไม่ได้กลับไปยังภูเขาสองกระบี่เลย แต่พักอยู่ในโรงเตี๊ยมแถวนี้หนึ่งคืน ตามคำสั่งของนราธิป พอถึงกลางดึกก็ไม่ค่อยสงบสุขแล้ว

รพีพงษ์ยังไม่ได้หลับสนิท ก็ได้ยินดังมาจากข้างนอก “เอ็งแน่ใจใช่ไหมว่าไอ้หมอนั่นคือคุณชายของตระกูลภูสรีดาว?”

“แน่ใจสิ เดี๋ยวกูไปรายงานกับนายท่านก่อน ถ้าตระกูลพิมพ์สารของเราสามารถจับตัวพวกมันสองคนได้ พอไปอยู่ต่อหน้านรเทพ พวกเราจะได้พูดจามีน้ำหนักมากขึ้นไม่ใช่หรือไงล่ะ?”

ขณะที่พูดนั้น ก็เผยรอยยิ้มหยิ่งผยองออกมา

รพีพงษ์ขมวดคิ้วแล้วลุกขึ้น มองผ่านหน้าต่างเห็นสองคนนั้นกำลังพูดอยู่ภายใต้แสงจันทร์ เห็นเป็นเงาคนดำๆ

เขาผลักตัวของบวรวิทย์ บวรวิทย์หลับสนิทไปแล้ว ก็ถูกรพีพงษ์ปลุกให้ตื่น เขาเอามือขยี้ตา แล้วถามอย่างไม่พอใจว่า “เรื่องอะไร พรุ่งนี้ยังมีสงครามใหญ่ จะไม่ให้นอนหลับดีๆ กันเลยหรือไง?”

“ไม่ต้องนอนแล้ว คนของตระกูลพิมพ์สารจะลงมือแล้ว พวกเราชิงลงมือก่อนเลย ไม่งั้นคงนอนอยู่ที่นี่ไม่สงบสุขแน่”

“ตระกูลพิมพ์สารงั้นหรือ?”

พอได้ยินชื่อนี้ บวรวิทย์ก็รีบลุกขึ้นทันที ก่อนที่ยังไม่มีนรเทพมาถึง ตระกูลพิมพ์สาร ตระกูลภูสรีดาวและตระกูลเยอซอ ทั้งสามตระกูลก็ไม่ค่อยลงรอยกันอยู่แล้ว

ตอนนี้ตระกูลพิมพ์สารไปทำงานให้กับนรเทพ พอรู้ว่าตนเองอยู่ที่นี่ ตนเองคงจะมีจุดจบที่ไม่ดีแน่ๆ

รพีพงษ์และบวรวิทย์ก็ไปเรียกทุกคน จากที่บวรวิทย์อยู่ที่นี่ ก็รู้เรื่องราวของตระกูลพิมพ์สารบ้าง คุณชายของตระกูลพิมพ์สารเป็นคนเสเพล กินเหล้าเที่ยวผู้หญิงครบหมด

ตอนนี้คนของตระกูลพิมพ์สารที่พอจะออกมาเทียบกับคนอื่นได้ ก็มีแต่นายใหญ่ของตระกูลพิมพ์สาร

ตนเองร่วมมือกับรพีพงษ์ แล้วก็มีนันท์ธรอยู่ด้วย จะจัดการไอ้หมอนั่นก็ไม่ใช่เรื่องยาก

สองคนคิดเหมือนกัน แล้วก็พานันท์ธรและปัณฑาแอบไปยังตระกูลพิมพ์สารเงียบๆ

ไฟในห้องหนังสือของนายใหญ่ตระกูลพิมพ์สาร บวรวิทย์พูดว่า “ก่อนหน้านี้ความสัมพันธ์ของผมกับคุณชายตระกูลพิมพ์สารไม่ธรรมดา แต่ว่าตอนนั้นก็สมัยเด็กๆ แล้ว ผ่านไปหลายปีแล้ว ได้เกิดเรื่องขึ้นมากมาย ตระกูลภูสรีดาวและตระกูลพิมพ์สารก็ไม่ถูกกันแล้ว”

พวกเขาทั้งสี่คนอยู่บนหลังคาของตระกูลพิมพ์สาร พอเห็นห้องหนังสือของตระกูลพิมพ์สารยังมีไฟสว่างอยู่ ก็ชี้ไปพูดว่า “นั่นคือห้องหนังสือของนฤเบศร์ จะจัดการเรื่องอะไร ก็จะอยู่ที่ห้องนั้น ตอนนี้กลางคืนคนน้อย ข้างกายเขาต้องไม่มีใครคอยปกป้องแน่ พวกเราเข้าไป แล้วอย่าส่งเสียงดังไป”

พูดไป สองคนก็เข้าไปที่นั่นพร้อมกัน ปัณฑาพูดว่า “ไม่ได้ แบบนี้จะเป็นการเรียกให้คนมาเยอะ ไอ้หมอนั่นสองคนจะเข้าไปรายงาน พวกเรามาเร็วไป เดี๋ยวฉันกับนันท์ธรจะไปจัดการกับไอ้สองคนนั้นก่อน แบบนี้จะได้มีโอกาสชนะมากขึ้นหน่อย”

รพีพงษ์พยักหน้า ถ้าได้ข่าว เขาคงจะเรียกคนไปยังโรงเตี๊ยม ตอนนั้นก็จะเสียโอกาสทองไป

ทุกคนทำหน้าที่ของตนเองที่ได้รับมอบหมาย นฤเบศร์ก็กำลังเล่นไขมุกราตรีที่นรเทพให้เขาเป็นของขวัญ

บอกว่าได้มาจากทะเลลึก เจ้ามังกรแห่งมหาสมุทรจะเอาใจนรเทพก็เลยให้มา

ในขณะเดียวกันเขาก็คิดไปด้วย ว่าตนเองจะให้อะไรแก่นรเทพดี ถึงจะเหมาะสมกับที่นรเทพเชื่อใจตนเอง

คนรูปร่างประมาณบวรวิทย์เดินออกมา แล้วพูดอย่างไม่พอใจว่า “พ่อ พ่อไปร่วมมือกับนรเทพ มันไม่ใช่ความคิดที่ฉลาดเลยนะ ตอนนี้ไม่ว่าผมจะไปที่ไหน ก็มีแต่คนด่าส่งท้ายมาตลอดเวลา”

“ไอ้ลูกคนนี้ ไม่รู้อะไรบ้างเลย เอ็งไม่รู้หรือไงว่าที่พ่อทำลงไปทุกอย่างก็เพื่อเอ็ง ถ้าไม่ใช่เพราะทำเพื่อเอ็ง ป่านนี้พ่อนอนตีพุงสบายไปแล้ว”

“แต่ผมไม่ได้คิดแบบนั้น ผมกับบวรวิทย์รู้จักกันดีอยู่ แต่เป็นเพราะพ่อ ทำให้เราสองคนต้องห่างเหินกัน ตอนนี้เรื่องที่พ่อทำ ก็เพื่ออยากได้ความสนิทสนมกับนรเทพ เพื่อที่จะได้ตรงตามจุดประสงค์ของพ่อก็เท่านั้น พ่อคิดว่า ถ้านรเทพได้หนังสือกลยุทธ์ของตระกูลเยอซอ แล้วเขาจะให้พ่องั้นหรือ?”

“แน่นอนสิวะ กำลังของนรเทพ ไม่ใช่เราๆ จะสามารถคาดเดาได้ เขาไม่เห็นหนังสือกลยุทธ์เล่มนั้นอยู่ในสายตา ดังนั้นขอเพียงพวกเราทำให้นรเทพมีความสุข ของที่พ่อฝันอยากจะได้ก็จะมาอยู่ในมือของพ่อเอง”

บวรวิทย์เห็นจิรันดน์ ก็ดึงแขนของรพีพงษ์แล้วพูดว่า “ตอนที่พวกเราลงมือ ไม่ต้องลงมือกับจิรันดน์ได้ไหม?”

“ตัดหญ้าไม่ถอนโคน คุณรู้ผลลัพธ์มันใช่ไหม?”

“ผมรู้ว่าคุณหมายถึงอะไร แต่ว่าเชื่อผมเถอะ เขาไม่มีความสามารถอะไรหรอก ไม่มาหาเรื่องข่มขู่พวกเราได้หรอก”

เขายังคงคิดถึงสมัยเด็กๆ ความสัมพันธ์ที่ทุกคนอยู่เล่นด้วยกัน เรื่องที่พ่อของเขาทำลงไปทั้งหมด ไม่เกี่ยวข้องกับเขาเลย

ความสัมพันธ์ของพวกเขายังคงอยู่ รพีพงษ์ยิ้มเบาๆ บวรวิทย์นึกถึงความสัมพันธ์ในอดีตก็เป็นเรื่องดี เขาก็เลยตอบรับบวรวิทย์ไป

บวรวิทย์กล่าวว่า “พวกเราฆ่าพ่อของเขาได้ แต่ขอเพียงไม่ให้เขาเห็นว่าเป็นพวกเราก็พอ”

รพีพงษ์ก็เห็นด้วย

ดังนั้น ทั้งสองคนก็แกล้งทำเสียงดังขึ้นด้านนอก

ช่วงนี้ เดิมทีนฤเบศร์จะระวังตัวมาก พอได้ยินว่ามีเสียงอะไรดังขึ้นจากด้านนอก ก็รีบออกไปดูทันที

จิรันดน์ง่วง ก็เลยกลับไปนอนที่ห้องนอนของตนเองแล้ว

นฤเบศร์เดินตามเสียงไปยังสวนป่าในเขตบ้าน เขาขมวดคิ้ว แล้วถามว่า “ใครกัน ตั้งใจให้กูเดินมาที่นี่?”

“ผมเอง คุณลุงเบศร์ ช่วงนี้ตามหาผมยากลำบากไหมล่ะครับ?”

พอเห็นบวรวิทย์ นฤเบศร์ก็ตกใจ แล้วยิ้มเย็นๆ “เอ็งหาที่ซ่อนตัวไม่ได้แล้วหรือไงวะ? ลุงได้ยินว่านรเทพไปที่ภูเขาสองกระบี่แล้ว อาจารย์เอ็งก็ช่วยเอ็งไม่ได้ ไม่ใช่หรือไง?”

“ดังนั้นผมก็เลยมาหาคุณลุงเบศร์ไงล่ะ หวังว่าคุณลุงเบศร์จะให้ที่หลบซ่อนที่ปลอดภัยแก่พวกเราหน่อย ผมรู้ว่าลุงรู้จักกับนรเทพดี ถ้าลุงช่วยผม นรเทพก็คงไม่สงสัยอะไร”

นฤเบศร์ก็หัวเราะขึ้นมาหน้าบูดเบี้ยว เห็นแล้วคลื่นไส้

“เอ็งเอาอะไรมาคิดว่าลุงจะช่วยวะ?”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท