พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1569 แผนยั่วโมโห

บทที่ 1569 แผนยั่วโมโห

เขารู้ว่านรเทพเป็นคนหยิ่ง ตนเองพูดไปแบบนี้ ต่อนรเทพทำหน้านิ่งสงบเพียงใด แต่ในใจก็คงรับไม่ได้อย่างมาก

จุดประสงค์ที่ต้องการก็คือแบบนี้พอดี นรเทพก็โกรธจนหน้าเขียว เขามองนราธิปตรงหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาตนเอง

ถึงแม้ก่อนหน้านี้นราธิปจะไม่ได้ไว้หน้าตนเองมากนัก แต่ก็ไม่เคยเป็นเหมือนวันนี้เลย

วันนี้อยู่ดีๆ มาทำแบบนี้กับตนเอง คงจะต้องมีความลับอะไรที่ไม่อยากให้ตนเองพบเข้าแน่ๆ

เขาให้ตนเองกลับออกไป แต่ตนเองจะไม่ฟังเสียอย่าง ถึงอย่างไรเขาก็ทำอะไรกับตนเองไม่ได้

ถ้าสู้กันขึ้นมาจริงๆ เขาก็อาจจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของตนเอง อีกอย่าง รอบกายตนเองยังมีลูกน้องอยู่ด้วย ไม่มีอะไรต้องกลัว

เขามองนราธิปนิ่ง แล้วพูดว่า “คุณอยากให้ผมกลับ แต่ผมไม่กลับหรอก คุณซ่อนอะไรไว้ในถ้ำหรือเปล่า ลองให้ผมไปดูหน่อยแล้วกัน”

“เอ๊ะคุณนี่ก็เป็นคนแปลกๆนะ ดีๆไม่ชอบ ชอบเจ็บตัว คุณอย่าคิดว่าผมจะดีกับคุณเหมือนก่อน แบบนี้ก็ถือว่าเกรงใจกันมากพอแล้ว ต่อให้ลูกศิษย์ผมจะอยู่ที่นั่นจริง ถ้าคุณจะไป ผมก็ไม่ยินยอมหรอก”

ผมในฐานะที่เป็นอาจารย์ มีหน้าที่ปกป้องลูกศิษย์ตนเองไม่ให้ถูกรังแก ถ้าคุณเป็นอาจารย์ล่ะก็ ก็คงไม่สนใจไยดีอะไร เพราะว่าคุณไม่เคยมีความเมตตา แต่ผมนั้นไม่เหมือนกัน

นราธิปพูดจบก็เดินไปทางปากถ้ำนั้น ตอนที่เดินไปก็พูดความตั้งมั่นของตนเองไปด้วย

เขาไม่มีทางให้พวกนั้นไปทำร้ายบวรวิทย์และรพีพงษ์ได้แน่ พอได้ยินเขาพูดแบบนั้น ก็ตัดสินใจว่าต้องเข้าไปดูเสียหน่อย เขาเองก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าในนั้นจะมีตัวอะไรอยู่กันแน่

“ชเนศ เอ็งเข้าไปแล้วไม่เจออะไรก็เป็นเรื่องปกติ ถ้ามีนราธิปอยู่ เอ็งไม่เจออะไรหรอก ตอนนี้กูไม่สนว่าข้างในมันจะเป็นอะไร หรือนราธิปจะอยู่ที่นั่นหรือเปล่า กูจะเข้าไปดูให้ได้”

เขาตัดสินใจแล้ว ถ้านราธิปมาขวางล่ะก็ ก็จะฆ่านราธิปทิ้งเสีย

เพราะไม่ชอบขี้หน้านราธิปมานานแล้ว

“นายท่านครับ เรื่องนี้มันแปลกๆ อยู่นะครับ ถ้าก่อนหน้านี้ซ่อนคนไว้ในนั้นจริงๆ ก็คงไม่ให้พวกเราอยู่ที่หรอก ตอนนี้ก็มาเร่งให้พวกเรากลับออกไป มันจะต้องมีอะไรสักอย่างแน่ๆ”

“สมองของมันไม่พอใช้หรอก จะคิดแผนอะไรออกมาได้ล่ะ กูกับนราธิปรู้จักกันมานาน เอ็งวางใจเถอะ ในใจมันคิดอะไร กูรู้ดีที่สุด”

สายตาของนรเทพจับจ้องไปยังปากถ้ำนั้น ส่วนนราธิปก็อยู่บริเวณถ้ำนั้น

จะต้องแกล้งทำเป็นใส่ใจมากๆ เข้าไว้ ขอเพียงนรเทพเข้ามา ปริตรก็จะได้ไม่เหนื่อยเปล่า

ตนเองก็จะได้ดูด้วยว่า ปริตรมีความสามารถขนาดไหน กลยุทธุ์วิทยาหารพวกนั้นมันจะโหดอย่างที่ว่าไหม

ถ้าถ้ำนี้จะพังทลายด้วยฝีมือของนรเทพก็ไม่มีอะไรต้องเสียดาย กลยุทธุ์วิทยาหารนี้จะสามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ก็ยอม

ปริตรเป็นอัจฉริยะตั้งแต่เด็ก คนของเมืองแฟรี่ให้ความสำคัญกับอาวุธมากเกินไป ดังนั้นก็เลยไม่ค่อยให้ความสำคัญอะไรกับความฉลาดในหัวแบบนี้

ตอนนี้กว่านราธิปจะพบตนเอง ก็คงจะสายไปแล้ว

วัยรุ่นที่มีความสามารถแบบนี้ควรจะมีพื้นที่พัฒนาตนเอง ไม่ใช่จะมาขลุกอยู่ในเมืองแฟรี่แบบนี้

ปริตรอยู่ในถ้ำ กลไกของเขาได้เตรียมไว้พร้อมแล้ว ด้านนอกเกิดอะไรขึ้น ตอนนี้เขาก็รับรู้ได้หมด

ขอเพียงเข้ามาในถ้ำให้หมด ทุกกิริยาของนรเทพก็จะไม่รอดพ้นสายตาของเขาไปได้

พวกนั้นล้วนเป็นคนชอบใช้กำลัง คงไม่สนใจของพวกนี้ และคงไม่รู้ว่า ของพวกนี้นี่แหละที่จะเอาชีวิตพวกเขาเอง

ปริตรก็มองอุปกรณ์กลไกต่างๆ ตรงหน้า แล้วก็ยิ้มเบาๆ ขอเพียงฆ่านรเทพได้ เขาก็จะได้กลับไปบอกกับครอบครัวได้แล้วว่าตนเองได้แก้แค้นให้พ่อแล้ว

ที่เมืองแฟรี่ ไม่มีใครดูถูกเขา เขาไม่เคยรู้สึกว่ามีอะไรเลย

แม้แต่กลยุทธุ์วิทยาหารเองก็ไม่คิดว่าจะเอามาทำร้ายคนได้ แต่นรเทพมาเจอจังหวะนี้พอดี

จะโทษตนเองไม่ได้ นรเทพมีจิตใจไม่เที่ยงตรงเอง คิดแต่จะทำร้ายคน ฆ่าเขาไปก็เท่ากับกำจัดภัยให้หมู่มนุษย์ ถ้าฆ่าเขาไม่ได้ ก็ถือว่าได้ทำเพื่อพวกพ้องอย่างเต็มที่แล้ว

ฝั่งรพีพงษ์และบวรวิทย์ก็กำลังมายังภูเขาสองกระบี่อย่างช้าๆ พวกเขาสามารถเดินทางเร็วได้ แต่จะให้คนอื่นพบเข้าไม่ได้ ต่อให้เร็วแค่ไหนก็ต้องช้าลงอยู่ดี

“ถ้าให้ฉันคิดนะ ภูเขาสองกระบี่ไม่สนุกเท่ากับเมืองแฟรี่เลย แต่เมืองแฟรี่ไม่สงบสุข ไม่งั้นก็มีทุกอย่างที่ต้องการ และคงไม่น่าเบื่อแบบนั้นหรอก”

ตั้งแต่ที่ตนเองเจอกับรพีพงษ์ ชีวิตของปัณฑาก็มีสีสันมากขึ้น เพราะตอนที่อยู่ในป่าหมอกก็ไม่ค่อยได้เห็นคนเป็นๆ สักเท่าไรนัก

แต่ตอนนี้ดี รอบๆ เต็มไปด้วยผู้คน ถ้าให้ตนเองจากไปล่ะก็ เธอก็คงไม่ยอมหรอก

มองไปที่ปัณฑาอย่างเอือมๆ แล้วพูดว่า “ถ้าคุณรู้สึกว่าที่เมืองแฟรี่สนุกล่ะก็ รอให้เรื่องนี้มันสงบลง เดี๋ยวผมซื้อบ้านให้ที่เมืองแฟรี่สักหลังหนึ่ง ให้คุณเที่ยวเล่นอยู่ที่นั่นตามสบายเลย ดีไหม?”

ปัณฑาเอามือลูบหัว แล้วก็ยิ้มแบบไม่เชื่อ “ถึงแม้คุณจะไม่ค่อยพูดก แต่ฉันรู้ ว่าที่คุณพูดมาเนี่ย คุณทำไม่ได้หรอก คุณคิดว่าที่นี่เป็นโลกมนุษย์หรือไง?”

เธอก็รู้สึกขึ้นได้ว่า ตอนนี้รพีพงษ์เริ่มไม่สนใจเรื่องราวบนโลกแล้ว

ถ้าหนูหลินกับอารียาไม่ได้อยู่ที่โลก สิ่งของอื่นๆ บนโลก เขาก็คงลืมไปหมดแล้วล่ะ

รพีพงษ์ก็ขี้เกียจเถียงด้วย พอมองท้องฟ้า แล้วนึกที่นราธิปบอกว่าให้กลับไปหลังจากตะวันตกดินแล้ว ตอนนี้ก็เดินมาช้าๆ เหมือนคนธรรมดา ก็มาถึงช่วงตะวันตกดินพอดี

รู้ว่านรเทพอยู่ที่ภูเขาสองกระบี่ ในใจของบวรวิทย์ก็เป็นห่วงอาจารย์และพ่อของตนเอง

พลังของนรเทพนั้นน่ากลัวมาก ถ้าเกิดการปะทะกันขึ้นมา พ่อของเขา และอาจารย์ของเขาจะทำอย่างไรกัน?

“อย่าหน้าบึ้งไปเลย อาจารย์ของคุณเก่งกว่าที่คิดนะ เชื่อผมสิ”

“ผมไม่ได้เป็นห่วงอาจารย์ ไม่ว่าจะเจอเรื่องอะไร เขาก็เอาตัวรอดได้ แต่ว่าพ่อผมมีนิสัยหัวดื้อ บางทีอาจจะไปสู้กับหมอนั่นเพื่อปกป้องผม รพีพงษ์พวกเรารีบกลับไปกันเถอะ”

พวกของรพีพงษ์เดินมาระหว่างทาง ก็เห็นรอยเท้าแปลกๆ มากมาย ตนเองได้หาเรื่องกับนฤเบศร์ นฤเบศร์คงจะส่งคนไปยังภูเขาสองกระบี่แน่นอน ภูเขาสองกระบี่ในตอนนี้คงจะวุ่นวายกว่าที่เขาคิดไว้

รพีพงษ์และบวรวิทย์คาดเดาได้ไม่ผิด คนของนฤเบศร์ได้ไปที่ภูเขาสองกระบี่แล้วหลายคน

นฤเบศร์ยังโมโหอยู่ในใจ จับพวกของรพีพงษ์ไว้ได้แล้วแท้ๆ แต่ให้มันหนีไปได้ ไปที่ภูเขาสองกระบี่ต่อให้ไม่เจอรพีพงษ์ ก็ยังสามารถแสดงความจงรักภักดีกับนรเทพได้ ให้นรเทพได้รู้ว่า ตนเองก็ลงแรงไปกับเรื่องนี้ด้วยไม่น้อยเหมือนกัน

นราธิปไม่ได้ไว้หน้าคนของนฤเบศร์ ส่งให้ลูกศิษย์ไล่ออกไปหมด

ตอนนี้สถานการณ์วุ่นวายมาก ให้พวกเขาออกไปก็ไม่ใช่เรื่องไม่ดี แต่ถ้าวุ่นวายกันขึ้นมาจริงๆ ก็จะลำบากคนที่ช่วยเหลือไปด้วย ตรรกะนี้น้อยคนนักที่จะรู้

คนของนฤเบศร์ก็ทำตามคำสั่ง ถือว่าเป็นพวกบริสุทธิ์

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท