รพีพงษ์พยักหน้าแสดงว่าเห็นด้วย ตอนนี้ปริตรเป็นแม่ทัพ และพวกเขาเป็นทหารภายใต้แม่ทัพคนนี้ ขอแค่ปฏิบัติตามที่วางแผนไว้ก็จะได้ผลลัพธ์ดีที่สุด
ตอนแรกตนเองไม่ค่อยเชื่อมากนัก แต่เมื่อเห็นเขาใช้ไหวพริบจนสามารถกักขังนรเทพได้ จึงทำให้เขาเชื่อ
และหลังจากการสู้รบคราวนี้ผ่านไปแล้ว ตนเองยังมีเรื่องที่จะรบกวนเขา
บวรวิทย์รู้สึกแปลก ๆ เขาเคยชินกับการเป็นผู้นำ แต่ตอนนี้เขาต้องเชื่อฟังการวางแผนของปริตร ทำให้เขารู้สึกคับข้องใจอย่างที่ไม่สามารถอธิบายได้
นี่เป็นนิสัยที่ถูกปลุกฝันมาตั้งแต่เด็ก และไม่มีใครสามารถแก้ได้
ธาตุทอง ธาตุไม้ ธาตุน้ำ ธาตุไฟและธาตุดิน ล้วนมีตำแหน่งที่แน่นอน ตำแหน่งของนรเทพอยู่ที่ศูนย์กลาง ตอนนี้นรเทพสามารถรับรู้ถึงลมหายใจของรพีพงษ์แล้ว
ตอนนี้เงียบสงบ ตราบใดที่เขาไม่เคลื่อนไหว ค่ายกลเหล่านั้นก็จะไม่สามารถโจมตีเขาได้
เขาหยิบขวดเล็ก ๆ ออกมา เขาได้วิญญาณลูกสาวของรพีพงษ์ ตอนที่เขาอยู่บนโลกและกำลังจะกลับเทวโลก
รพีพงษ์ไล่ตามตนเองมาถึงที่นี่ แล้วก็ฆ่ามังกรดำของตนเอง ถึงแม้ว่าตนเองจะตาย ก็จะไม่ยอมให้รพีพงษ์สมปรารถนา ตนเองจะต้องฆ่าลูกสาวของเขาเพื่อระบายความแค้น
การแก้แค้นคนคนหนึ่ง ไม่จำเป็นต้องฆ่าเขา แต่การทำให้เขาเสียใจ และมีชีวิตอยู่โดยรู้สึกผิดต่อครอบครัว นี่ถึงจะเป็นการแก้แค้นที่ดีที่สุด
ทันใดนั้นเขาก็หัวเราะเสียงดังขึ้นมา แล้วก็ท่องคาถาเพื่อทำให้รพีพงษ์สามารถเห็นวิญญาณในขวดได้
รพีพงษ์อยู่ในตำแหน่งธาตุน้ำ และบวรวิทย์อยู่ในตำแหน่งธาตุไฟ ประจวบเหมาะตรงตำแหน่งของรพีพงษ์สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน
วิญญาณในขวดหายใจรวยรินกำลังจะตาย รพีพงษ์สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน
“เจ้าหนู คุณมาที่นี่เพื่อสิ่งนี้มิใช่หรือ? ถ้าคุณเชื่อฟังผม ผมจะปล่อยเธอไป และให้คุณพาเธอกลับไป นับจากนี้เป็นต้นไปความแค้นระหว่างเราสองคนถือว่าจบสิ้นไป คุณว่าดีไหม?”
รพีพงษ์รู้สึกจำใจ ผู้ชายคนนี้คิดว่าตนเองเป็นเด็กอายุสามขวบหรือ? คิดว่าตนเองจะเชื่อในสิ่งที่เขาพูดหรือ?
แม้แต่คนโง่เขลาก็ยังรู้นิสัยของเขา ถึงแม้ว่าเขาจะออกไปจากที่นี่ได้ ไม่เพียงแต่เขาจะไม่ยอมปล่อยวิญญาณของหนูลิน แต่เขาจะฆ่าตนเองอีกด้วย
ปริตรมองไปที่ขวดด้วยความสงสัย แต่เห็นได้ชัดว่าตอนนี้รพีพงษ์ได้รับผลกระทบแล้ว
“รพีพงษ์ ตอนนี้ไม่ว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไร คุณต้องปฏิบัติราวกับว่าคุณไม่ได้ยินอะไร ถ้าจิตใจของคุณฟุ้งซ่าน จะทำให้คุณต้องตายอยู่ที่นี่เท่านั้น ผมก็ไม่สามารถช่วยคุณได้”
นรเทพไม่ได้ยินเสียงของปริตร แต่รพีพงษ์ได้ยินและส่ายศีรษะด้วยความยากลำบาก
จุดประสงค์ของนรเทพคือต้องการทำให้จิตใจของตนเองวุ่นวาย ถ้าหากตนเองหลงกลจริง ๆ ผลการฝึกตนหลายปีของตนเองก็จะถูกทำลาย
รพีพงษ์ยิ้มอย่างเย็นชา มองไปที่นรเทพแล้วกล่าวว่า “ถึงแม้ว่าตอนนี้คุณจะฆ่าลูกสาวของผม ผมก็จะไม่ปล่อยคุณไปเด็ดขาด คนอย่างคุณมีชีวิตอยู่เพื่อสร้างความหายนะให้กับโลกเท่านั้น”
นรเทพมองอย่างโกรธแค้นไปตามทิศทางของเสียง แต่เขาไม่สามารถมองเห็นคนได้
จากนั้นก็เล่นขวดที่อยู่ในมืออย่างสบายใจ และบอกว่ารพีพงษ์ไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นพ่อ
รพีพงษ์และบวรวิทย์ใช้กระบี่พุ่งไปที่นรเทพพร้อมกัน
ตอนนี้ในสายตาของนรเทพเห็นเงาของรพีพงษ์และบวรวิทย์มากมาย ทำให้เขาไม่รู้ว่าใครคือตัวจริงกันแน่
นราธิปกล่าวไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่า ร่างลวงตาจะไม่ได้รับอันตรายใด ๆ หากไม่สามารถหาร่างกายที่แท้จริงของพวกเขาได้ ไม่ว่าเขาจะใช้ความพยายามและใช้พลังมากแค่ไหนมันก็ไร้ประโยชน์
ตอนเข้ามาครั้งแรก ถ้ำนี้ถือว่าสมบูรณ์มาก แต่นรเทพไม่พบเป้าหมายจึงโจมตีทุกทิศทาง ทำให้ผนังถ้ำกลายเป็นหลุมเป็นบ่อ
พลังงานก็ถูกใช้ไปมากเช่นกัน และตอนนี้เขาไม่มีพลังงานมากพอที่จะรับมืออีกแล้ว
กระบี่ของรพีพงษ์และบวรวิทย์าฟันไปที่ร่างของนรเทพอย่างต่อเนื่อง แต่นรเทพก็สามารถหลบเลี่ยงได้ ไม่เคยคิดฝันว่าตนเองจะอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ได้
“นราธิป คุณกับผมอยู่ร่วมโลกเดียวกันไม่ได้อีกแล้ว”
ร่างกายของเขาไม่สามารถทนต่อการโจมตีได้นานอีกแล้ว เขาจึงเอาความแค้นทั้งหมดไปไว้ที่ตัวนราธิป
นราธิปไม่แยแสต่อการกล่าวหาของเขา รพีพงษ์ยิ้มเยาะเย้ยว่า “ตอนที่คุณทำความชั่ว ไม่ใช่ว่าอาจารย์ธิปบังคับให้คุณทำ คนเราต้องชดใช้ในสิ่งที่ตนเองทำ”
สายตาของรพีพงษ์จ้องมองขวดที่อยู่ในมือของนรเทพ เขารู้ว่าวิญญาณของหนูลินอยู่ในนั้น
ต้องไม่ทำร้ายหนูลิน นรเทพนั้นไม่สามารถฆ่าหนูลินได้ มิฉะนั้นสถานการณ์จะไม่เป็นเช่นนี้
บวรวิทย์รับรู้ได้ถึงความผิดปกติของรพีพงษ์ ถามด้วยความเป็นห่วงว่า “เป็นอย่างไรบ้าง ไม่เป็นไรใช่ไหม?”
“ไม่เป็นไร วิญญาณของลูกสาวผมอยู่ในกำมือของมัน”
บวรวิทย์ขมวดคิ้ว และอดไม่ได้ที่จะกังวลแทนรพีพงษ์ “ถ้าอย่างนั้น คุณคิดว่าพวกเราควรทำอย่างไรดี?”
“ฆ่าไอ้หมอนั้นให้เร็วที่สุด”
ปริตรควบคุมอยู่ด้านข้าง ตราบใดที่พวกเขาอยู่ในค่ายกลที่ตนเองสร้างขึ้นมา สิ่งมีชีวิตทั้งหมดก็จะเป็นหุ่นเชิดของตนเอง ไม่เว้นแม้แต่รพีพงษ์และบวรวิทย์
ตอนนี้พวกเขายังมีความรู้สึกอิสระเป็นตัวของตัวเอง แต่ถ้าปริตรทำกลอุบายเล็กน้อย ต้องการให้พวกเขาทำอะไร พวกเขาก็จะทำตามสิ่งที่ตนเองต้องการ
นรเทพมีวิญญาณหนูลินอยู่ในมือ เขารู้สึกมีความปลอดภัยที่จะต่อสู้กับรพีพงษ์และคนอื่น
ก่อนหน้านั้นไม่มีสิ่งมีชีวิตอยู่ในนั้น มีเพียงตนเองปรับอยู่ข้างใน แต่ตอนนี้มันต่างไปจากเดิม
ตราบใดที่ตนเองสามารถยืนหยัดได้ ตนเองก็ยังคงเป็นผู้ชนะ
ในเมืองแฟรี่ เมื่อนฤเบศร์รู้สถานการณ์ล่าสุดในภูเขาสองกระบี่ จึงรีบพาคนเดินทางมาที่ภูเขาสองกระบี่
ก่อนหน้านั้นผู้ชายห้าคนนั้นกลับมา และหนึ่งในห้านั้นได้รายงานถึงสถานการณ์ที่นี่ เขาจึงพาคนมาช่วยนรเทพที่ภูเขาสองกระบี่
เมื่อถึงภูเขาสองกระบี่ ไม่เห็นมีใครสักคน จึงเดินตรงไปที่ยอดเขา และเห็นบ้านสูงตระหง่าน
นั่นคือสถานที่ที่นราธิปพักอาศัยอยู่ เขาจึงเดินตรงเข้าไปทันที
มีคนเดินตามหลังนฤเบศร์หลายสิบคน ส่วนนราธิปมองดูสถานการณ์การต่อสู้ในกระจก และไม่สนใจสถานการณ์ภายนอก จากนั้นก็มีเด็กชายมารายงาน
เมื่อรู้ว่าคนของตระกูลพิมพ์สารมาแล้ว เทวเทพก็ขมวดคิ้วและกล่าวกับนราธิปว่า “ตอนนี้เขาเป็นคนของนรเทพแล้ว เกรงว่าคราวนี้เขาจะต้องมาร้ายแน่นอน”
ถูกต้อง เขามาร้ายแน่นอน นราธิปให้เทวเทพออกไปจัดการพวกเขา เพราะเขาไม่สามารถปล่อยให้ค่ายกลนี้ถูกทำลายได้
เทวเทพพานันท์ธร และปัณฑาออกไป และผลินก็อดไม่ได้ที่จะตามออกไปเช่นกัน
เมื่อเห็นนฤเบศร์ เทวเทพยิ้มเยาะเย้ยว่า “คุณเป็นคนของนรเทพ คุณไม่รู้หรือว่านรเทพกำลังจะตาย? และคุณจะเป็นรายต่อไป”
ความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลภูสรีดาวและตระกูลพิมพ์สารย่ำแย่เสมอมา เข้าทำนองว่าไม่ใช่คุณตาย ก็คือผมเป็น เป็นศัตรูที่ไม่อยากจะพบหน้ากัน
“ช่างคุยโวโอ้อวดอย่างไม่รู้สึกกระดากปาก นรเทพเป็นคนยังไง พวกคุณบอกว่าจะฆ่าก็จะสามารถฆ่าเขาได้หรือ? มิเช่นนั้นนรเทพจะสามารถอยู่ในตำแหน่งที่สูงได้นานขนาดนั้นหรือ? ถึงแม้ว่าพวกคุณคิดจะขู่เด็กก็ไม่มีประโยชน์หรอก”
นฤเบศร์เยาะเย้ยเทวเทพ ไม่คิดว่าเขาจะมาหลบภัยอยู่กับนราธิป ถ้าไม่ใช่เพราะนราธิป เกรงว่าพวกเขาคงตายไปแล้ว
เทวเทพไม่ต้องการพูดเรื่องไร้สาระกับเขา และแสดงเจตจำนงอย่างชัดเจนว่า เป็นไปไม่ได้ที่จะให้พวกเขาเข้าไปในถ้ำ หรือปล่อยพวกเขาเข้าไปในบ้านได้แม้แต่ก้าวเดียว
การต่อสู้ในถ้ำนั้นกำลังชุลมุนวุ่นวาย ส่วนเทวเทพก็กำลังต่อสู้กับนฤเบศร์ เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนฤเบศร์ และนฤเบศร์ก็ไม่จำเป็นต้องซ่อนพลังมารที่ตนเองฝึก อย่างไรเสียรพีพงษ์และคนอื่น ๆ ก็รู้แล้ว