พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1586 ใช้พลังมากเกินไป

บทที่ 1586 ใช้พลังมากเกินไป

รพีพงษ์ไม่ใช่คนโง่เขลา เขาอาจจะยังเชื่อถ้าคำพูดนี้ออกจากปากของคนอื่น แต่ถ้าเชื่อคำพูดของนฤเบศร์ เขาก็เป็นคนโง่เขลาแล้ว

“ทำไมจะต้องเป็นคุณที่ให้ผมด้วย สิ่งที่ผมอยากได้ ผมจะเป็นคนเอามาเอง”

ก่อนที่รพีพงษ์จะมา นฤเบศร์ให้ผู้คนออกไปจากบริเวณที่หมดแล้ว เนื่องจากชายชราบางคนที่เขาเชิญที่งานเลี้ยงอาศัยอยู่ในบ้านของเขา เขาวางแผนที่จะลงมือ ดังนั้นจึงไม่สามารถให้พวกเขารับรู้ได้

ตอนนี้มีเขาเพียงคนเดียวที่ต่อสู้กับรพีพงษ์ ถ้าเขารู้ว่ารพีพงษ์มีกระบี่สยบเซียนอยู่ในมือ เขาจะไม่ให้คนอื่นออกไป

ตอนนี้ตาข่ายไร้ประโยชน์ แค่บีบบังคับให้รพีพงษ์ออกไปถึงจะได้

เขากล่าวว่า “ในเมื่อคุณต้องการต่อสู้กับผม ห้องหนังสือนี้มันเล็กเกินไป จะส่งผลต่อการแสดงฝีมือของคุณ ผมคิดว่าควรหาที่กว้าง ๆ”

รพีพงษ์ยิ้มเยาะเย้ยอย่างเย็นชาและกล่าวว่า “คุณคิดที่จะล่อผมไปติดตาข่ายที่คุณสร้างขึ้นหรือ คุณอย่าคิดว่าพวกเราทุกคนเป็นคนโง่เขลา ผมมีชีวิตอยู่มายี่สิบกว่าปีแล้ว และผ่านเรื่องราวเล็กใหญ่มามากมาย ถ้าหากแผนการเล็กแค่นี้ผมยังมองไม่ออก ผมจะมีชีวิตรอดอยู่จนถึงตอนนี้ได้อย่างไร”

รพีพงษ์กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เหยียดหยาม เขารู้สึกดูถูกพฤติกรรมของนฤเบศร์

จะทำอะไร ก็ทำแบบเปิดเผยได้ไหม? ถ้าเพื่อประโยชน์ของประชาชน บางครั้งเพื่อบรรลุเป้าหมายอาจจะใช้กลอุบายเล็กน้อยก็ช่างเถอะ

แต่ตอนนี้ เขากลายเป็นหายนะ ถ้าไม่ฆ่าเขาอาจจะรู้สึกผิดต่อวรยุทธของตนเอง

กระบี่สยบเซียนมีอานุภาพเป็นอย่างมาก ตอนนี้นฤเบศร์ก็ไม่สามารถใช้พลังมารได้ กระบี่สยบเซียนนั้นสามารถฆ่าได้แม้กระทั่งผู้ฝึกเซียนอย่างง่ายดาย นับประสาอะไรกับคนที่ฝึกพลังมาร?

ไม่ช้านฤเบศร์ก็ค่อย ๆ ตกเป็นเบี้ยล่าง และเขาก็ออกจากห้องหนังสือและหนีออกไปข้างนอก

ประจวบเหมาะที่จะล่อรพีพงษ์ให้เข้าไปบริเวณที่ตนเองสร้างตาข่ายไว้ แต่รพีพงษ์ก็ไม่ได้ไล่ตามเขาไป

รพีพงษ์รู้ดีว่า นฤเบศร์ไม่กล้าที่จะปรากฏอยู่ในบริเวณที่ไม่มีตาข่ายปกคลุม เพราะถ้าอยู่ที่นั่น เขาจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของตนเอง

ในความเป็นจริงตอนที่อยู่ภูเขาสองกระบี่ ถ้านฤเบศร์ไม่ได้ต่อสู้กับเทวเทพ จนใช้พลังไปมาก ถึงแม้ว่าตนเองจะมีกระบี่สยบเซียนอยู่ในมือ ถ้าต่อสู้กันแล้วตนเองทำได้ดีที่สุดก็คือสูสีกัน

ตอนนี้ที่นฤเบศร์ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของรพีพงษ์นั้นเป็นเพราะเขาใช้พลังมากเกินไป

ฝั่งบวรวิทย์นั้นได้เดินตามจิรันดน์เข้าไปในห้องลับ จิรันดน์นึกถึงนฤเบศร์ขึ้นมา และถามว่า “รพีพงษ์จะฆ่าพ่อของผมหรือไม่ พ่อผมไม่เป็นไรใช่ไหม?”

“คุณวางใจเถอะ ถ้าจะฆ่าก็เป็นพ่อของคุณเองที่ฝ่ายฆ่ารพีพงษ์ แม้ว่าพวกเขาจะต่อสู้กัน รพีพงษ์ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพ่อคุณ”

จิรันดน์หวังเพียงว่าทุกคนจะไม่เป็นไร ถ้าหากเพราะการเลือกของตนเองแล้วทำร้ายพ่อ เขาจะไม่สบายใจไปตลอดชีวิต

เขาพยักหน้า “พ่อของผมฝึกพลังมาร และจิตสำนึกของเขาถูกพลังมารควบคุม เพราะเมื่อก่อนเขาไม่ได้เป็นเช่นนี้”

หลังจากได้ยินประโยคนี้ บวรวิทย์มองจิรันดน์แวบหนึ่ง ในความทรงจำของบวรวิทย์ นฤเบศร์ไม่ได้เป็นแบบนี้จริง

มันน่าจะเกี่ยวกับพลังมารจริง ๆ ?

ก่อนจะมีหลักฐานใด ๆ เขาไม่อยากลบล้างความผิดให้นฤเบศร์ จึงได้แต่ยิ้มจาง ๆ แล้วกล่าวว่า “บางทีสิ่งที่คุณพูดก็อาจถูก แต่พ่อของคุณทำสิ่งเลวร้ายไว้มากมาย เมื่อก่อนผมก็เคยทำความชั่วเช่นกัน นับตั้งแต่ได้พบกับรพีพงษ์ ทำให้ผมรู้ว่า ทั้งหมดนั้นเป็นเรื่องที่ผิด ! จิรันดน์ หากมีโอกาส ผมหวังว่าคุณจะสามารถโน้มน้าวพ่อของคุณ อย่าก่อกรรมทำเข็ญอีกต่อไป มิฉะนั้นจะถูกกรรมตามสนอง”

จิรันดน์ยิ้มด้วยความจำใจ เขาไม่สามารถยุ่งเรื่องของพ่อได้ ในตระกูลพิมพ์สาร นฤเบศร์เป็นหัวหน้าครอบครัวที่แท้จริง และเขาพูดคำไหนต้องเป็นคำนั้น

เมื่อนรเทพได้ยินเสียงจากภายนอก รู้สึกปีติยินดี เวลาผ่านไปนานแล้ว น่าจะทำงานสำเร็จแล้ว

ขอแค่ตนเองสามารถดูดพลังเทพของรพีพงษ์และบวรวิทย์ได้ เขาก็สามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว และกลืนกินพรสวรรค์ของหนูลินอย่างช้า ๆ

แล้วทุกอย่างก็สามารถกลับสู่สภาพเดิมได้ เขาได้คิดไว้แล้วว่า ขอแค่พลังของตนเองฟื้นฟูแล้ว คนแรกที่ฆ่าก็คือปริตร

ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะปริตร ตนเองคงจะไม่มีจุดจบแบบนี้!

นรเทพหัวเราะขึ้นมา “แม้ว่าตอนนี้ผมจะพึ่งพาอาศัยผู้อื่น บวรวิทย์ รพีพงษ์ พวกคุณร่วมมือกันแล้วยังไงล่ะ! ก็ต้องพ่ายแพ้ภายใต้แผนการที่ผมวางไว้!”

เขานึกถึงนราธิปในขณะที่กำลังกล่าว

“นราธิป ผมจะต้องฆ่าคุณอย่างแน่นอน ผมจะทำให้คุณได้รู้ว่า การเป็นปรปักษ์กับผมนั้นเป็นเรื่องที่โง่เขลาแค่ไหน!” นรเทพกล่าวเสียงดัง ด้วยดวงตาที่เย็นชา

ทันใดนั้น เมื่อเขาเห็นใครบางคนเดินเข้ามา สีหน้าของนรเทพก็เปลี่ยนไปทันที

เขารู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก “บวรวิทย์ คุณมาที่นี่ได้อย่างไร?”

เมื่อเห็นสภาพที่ตกอับของนรเทพ บวรวิทย์ก็ยิ้มเยาะเย้ย “คุณยังรู้จักกลัวด้วยหรือ? คุณอยู่ที่นี่ ยังไงผมก็ต้องมาอยู่แล้ว มิเช่นนั้นผมจะฆ่าคุณได้อย่างไร?”

ตอนนี้นรเทพอยู่ระหว่างการพักฟื้น ยังไม่สามารถใช้วรยุทธได้

นรเทพมองจิรันดน์ด้วยความสงสัย และดุว่า “คุณมันเป็นคนไร้ประโยชน์ ทรยศพ่อของตนเอง?”

“พ่อของผมเคารพและให้เกียรติคุณ แต่คุณไม่เคยให้เกียรติพ่อ คุณมันเป็นตัวหายนะ ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ พ่อของผมจะไม่ทำสิ่งเหล่านั้น ผมเก็บคุณไว้ไม่ได้แล้ว”

จิรันดน์กล่าวเสร็จ ก็ถอยไปอยู่ข้างหลังทันที ตอนนี้บวรวิทย์สามารถทำทุกอย่างที่เขาต้องการได้

นรเทพตัวสั่นเล็กน้อย ตั้งแต่เกิดมาจนถึงตอนนี้ เขาไม่เคยกลัวขนาดนี้

แล้วก็ถามต่อไปว่า “คุณจะทำอะไร? บวรวิทย์ คุณอย่าทำอะไรโง่ ๆ ผมจะบอกคุณว่า ผมยังมีทหารอยู่ไม่น้อย ถ้าคุณฆ่าผม พวกเขาไม่ปล่อยคุณไปแน่นอน”

บวรวิทย์ยิ้มเยาะ “ตอนนี้คุณมีสภาพนี้แล้ว ยังมีอารมณ์ที่จะคิดเรื่องพวกนั้นอยู่อีกเหรอ?”

นรเทพหอบหายใจ และเตือนบวรวิทย์อย่างรวดเร็ว “คุณกับรพีพงษ์เป็นพี่น้องกันไม่ใช่หรือ? ชีวิตลูกสาวเขาอยู่ในกำมือของผม ถ้าคุณฆ่าผม ลูกสาวเขาจะไม่รอดเช่นกัน เพื่อชีวิตของลูกสาวเขา คุณไม่สามารถฆ่าผมได้”

บวรวิทย์ยกมือขึ้น จากนั้นก็ร่ายคาถา แล้วร่างของนรเทพก็ลอยขึ้นไปอย่างควบคุมไม่ได้

ปัณฑาและนันท์ธรแอบเดินตามหลังบวรวิทย์เข้ามาอย่างเงียบ ๆ เมื่อปัณฑาเห็นสภาพของนรเทพ ทำให้เธอดีใจจนยิ้มไม่หุบ

“ไม่คิดว่า สุดท้ายนรเทพจะมีจุดจบเช่นนี้ แต่ก็ไม่สามารถโทษใครได้ เพราะเขานั้นได้ทำเรื่องชั่วร้ายไว้มากมาย”

“คุณชายของพวกเราเป็นคนลงมือเอง ไม่มีเรื่องไหนที่ทำไม่สำเร็จ”

นันท์ธรเหลือบมองจิรันดน์แวบหนึ่ง เขาเหยียดหยามจิรันดน์อยู่ในใจ เด็กคนนี้สามารถทรยศต่อพ่อตนเองได้ เกรงว่าถ้าเขาได้สติคืนมาแล้วจะมีชีวิตที่เหมือนตายทั้งเป็น

นันท์ธรกล่าวกับปัณฑาว่า “ตอนนี้มีผมอยู่ที่นี่แล้ว คุณพาผลินไปหารพีพงษ์เถอะ”

“ใช่ ตอนนี้ที่นี่ไม่เป็นไรแล้ว รพีพงษ์ต่อสู้กับผู้นำตระกูลพิมพ์สารอยู่ จะต้องมีอันตรายแน่นอน พวกเราไปดูเขากันเถอะ”

ผลินรู้สึกกังวลเป็นอย่างมาก เธอจะรู้สึกสบายใจได้ก็ต่อเมื่อได้เฝ้าดูรพีพงษ์อยู่ตลอดเวลา เมื่อนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในงานเลี้ยงเมื่อสักครู่ เธอก็อดไม่ได้ที่จะเหงื่อแตก

เมื่อปัณฑาและผลินเดินมาถึงทางออกของห้องลับ รพีพงษ์กำลังเดินเข้ามาพอดี ผลินยิ้มและกล่าวว่า “พวกเรากำลังจะไปหาคุณ ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว คุณพบสถานที่นี้ได้อย่างไร?”

“ผมสามารถสัมผัสได้ ข้างในเกิดอะไรขึ้น?”

รพีพงษ์ถามในขณะที่เดินเข้ามาในห้องลับ ตอนนี้เขาไม่มีอะไรต้องกังวลแล้ว

ปัณฑากล่าวอีกครั้ง ขณะที่กำลังเดินเข้าไปในห้องลับ ก็ได้ยินเสียงดังมาจากด้านหลัง แล้วประตูห้องลับก็ปิดทันที

“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?” รพีพงษ์หันกลับไปมอง

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท