พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1587 การโจมตีกลับของนฤเบศร์

บทที่ 1587 การโจมตีกลับของนฤเบศร์

เมื่อสักครู่อาศัยแสงจากภายนอกสามารถเห็นสถานการณ์ด้านในห้องลับได้ ตอนนี้ประตูหินปิดลง มองไม่เห็นข้างในเลย มันมืดมิดไปหมด

รพีพงษ์มีลางสังหรณ์ที่ไม่ดี ก่อนที่เขาจะมีปฏิกิริยาตอบสนอง กำแพงด้านข้างก็ค่อย ๆ เปิดออกอย่างช้า ๆ และนฤเบศร์ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับลูกน้อง

รพีพงษ์ยิ้มเยาะเย้ย และกล่าวกับนฤเบศร์ว่า “ไม่คิดว่า ร่างกายของผู้อาวุโสจะจะกระปรี้กระเปร่าเช่นนี้”

นฤเบศร์คิดว่ารพีพงษ์จะไล่ตามเขาไปที่นั่น แต่เขาก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของรพีพงษ์ จึงเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น

เพียงแต่นฤเบศร์ไม่คิดว่าจิรันดน์จะเป็นคนพาพวกเขามาที่นี่

เขารู้สึกโกรธจิรันดน์เป็นอย่างมาก ไอ้เด็กคนนี้ เป็นคนที่ไร้ความสามารถ ทำอะไรก็ไม่สำเร็จ หมดทางเยียวยาแล้วจริง ๆ

นฤเบศร์เหลือบมองรพีพงษ์แวบหนึ่ง สูดลมหายใจลึก ๆ แล้วกล่าวว่า “ผมจะไม่ยอมให้แผนของพวกคุณประสบความสำเร็จ ถ้าไม่ใช่เพราะลูกชายที่ไม่เอาถ่าน พวกคุณคิดว่าจะมาถึงที่นี่ได้หรือ?”

“ลูกชายที่คุณเลี้ยงมายังไม่เห็นด้วยกับคุณเลย คุณไม่คิดจะกลับตัว นรเทพเป็นคนไร้มโนธรรม คุณกับเขาร่วมมือกันกระทำความชั่ว คุณไม่รู้สึกว่ามันเหลวไหลหรือ?” รพีพงษ์มองนฤเบศร์แล้วกล่าว

เมื่อนฤเบศร์ได้คำพูดของรพีพงษ์ ทำให้เขารู้สึกว่ามันน่าขำมาก ประวัติศาสตร์นั้นเขียนโดยผู้ชนะ คำพูดของรพีพงษ์นั้นพูดเร็วเกินไปเล็กน้อย

ได้ยินเสียงดังจากทางนี้ บวรวิทย์และคนอื่นจึงได้เดินมาพร้อมกับตัวนรเทพ เมื่อจิรันดน์เห็นนฤเบศร์ ทำให้เขากลัวจนไม่กล้าพูดอะไร

นฤเบศร์ดุด่าจิรันดน์อย่างโกรธเคือง “แกมันเป็นคนไร้ประโยชน์ พ่อเลี้ยงดูแกมาหลายปี แต่ก็ไม่สามารถเทียบไอ้เด็กเปรตนั้นได้หรือ? เขาและแกมีมิตรภาพเพียงไม่กี่วัน ถึงทำให้แกทรยศพ่อแบบนี้ได้?”

บวรวิทย์ตอบด้วยความไม่พอใจ “ถ้าไม่ใช่เพราะจิรันดน์ทนไม่ได้ในสิ่งที่คุณทำ เขาจะทรยศคุณที่กระทำผิดเพื่อปกป้องความเป็นธรรมได้อย่างไร”

คนที่อยู่ที่นี่นั้นล้วนเป็นคนของพวกรพีพงษ์ แต่ยังไงที่นี่ก็คือเขตอิทธิพลของนฤเบศร์ ทำให้นฤเบศร์ไม่เกรงกลัวสิ่งใด ผู้ใต้บังคับบัญชาที่อยู่ข้างหลังเขาอยู่ในระดับแดนเทพทั้งหมด ซึ่งมีทั้งหมดสามสิบกว่าคน ถ้าต่อสู้กันจริง รพีพงษ์และคนอื่น ๆ ไม่ใช่ว่าจะรับมือได้ง่าย

เมื่อนรเทพเห็นนฤเบศร์ เขาชักสีหน้าใส่นฤเบศร์ และด่าว่านฤเบศร์ไม่เอาถ่าน แม้แต่ลูกชายตนเองก็ยังไม่สามารถคุมได้

ลูกชายเช่นนี้ไม่มีก็ช่าง สู้สุนัขตัวหนึ่งก็ไม่ได้

สีหน้าของนฤเบศร์เปลี่ยนไป ลูกชายของตนเอง ตนเองสามารถพูดอะไรก็ได้ แต่คนอื่นไม่สามารถพูดได้

นรเทพนั้นไม่รู้จักดูทิศทางลม อยู่ภายใต้การคุ้มครองของนฤเบศร์แล้วยังไม่รู้จักข้อบกพร่องของตนเอง นฤเบศร์นั้นไม่ได้แสดงออกชัดเจนเกินไป เขาใช้อาวุธเล็ง ไปที่รพีพงษ์และคนอื่นๆ และกล่าวกับบวรวิทย์ว่า “ปล่อยเขาไป มิเช่นนั้นวันนี้พวกคุณจะไม่สามารถออกไปจากที่นี่ได้”

รพีพงษ์มองไปที่ประตูหิน และคิดอยู่ในใจว่า ประตูหินกระจอกนี้สามารถกักขังตนเองได้หรือ? ยิ่งไปกว่านั้นยังมีบวรวิทย์และคนอื่นอีกหลายคน

จิรันดน์ทนไม่ไหวและกล่าวว่า “ท่านพ่อ ปล่อยพวกเขาไปเถอะ”

เขากลัวนฤเบศร์ แต่ไม่อยากเห็นพี่น้องต้องตายด้วยมือของพ่อตนเอง

ขณะที่จิรันดน์กำลังพูด นฤเบศร์รู้สึกว่าหัวใจแตกสลาย เห็นได้ชัดว่าที่ตนเองทำทั้งหมดนี้ก็เพื่อเขา ทำไมเขาถึงไม่เอาถ่านเช่นนี้?

จิรันดน์เดินไปหานฤเบศร์ นฤเบศร์ดุด่าด้วยความโกรธ “แกไสหัวออกไป พ่อไม่สามารถพูดได้ว่าแกเป็นลูกชายของพ่อ ถ้าพูดออกไปแล้วมันขายหน้า รู้ไหม! แกคิดว่าพี่น้องพวกนี้เห็นแกอยู่ในสายตาหรือ? ในสายตาของพวกเขา แกเป็นเพียงคนไร้ประโยชน์ที่ทำอะไรไม่เป็น มีเพียงพ่อคนนี้เท่านั้นที่ทำเพื่อแก”

นฤเบศร์รู้สึกโกรธเป็นอย่างมากในขณะที่กำลังพูด แต่จิรันดน์ไม่ใส่ใจ เพราะเขากับบวรวิทย์ไม่ใช่ว่ารู้จักกันเพียงแค่วันหรือสองวัน เขารู้อย่างชัดเจนบวรวิทย์คิดกับเขายังไง

รพีพงษ์ยิ้มเยาะเย้ย แล้วก็หลับตา และสร้างโลกอีกใบหนึ่งทันที นฤเบศร์และลูกน้องเข้าสู่โลกใบนั้นโดยไม่ทันตั้งตัว

แต่ว่าในโลกใบนี้ไม่มีลูกน้องที่อยู่ข้างหลังเขาเมื่อสักครู่ มีเพียงรพีพงษ์คนเดียวเท่านั้น

นฤเบศร์กัดฟันและมองรพีพงษ์ และกล่าวว่า “ไม่คิดว่าคุณจะมีความสามารถเช่นนี้ด้วย?”

รพีพงษ์ยิ้มจาง ๆ แกล้งทำเป็นอ่อนน้อมถ่อมตน “เรื่องที่คุณคาดไม่ถึงยังมีอีกมากมาย แต่คุณไม่มีโอกาสที่จะได้รู้แล้ว”

เขาดึงกระบี่สยบเซียนแล้วพุ่งไปที่นฤเบศร์ นฤเบศร์คิดที่จะอาศัยฝีมือผู้ใต้บังคับบัญชาของระดับแดนเทพพวกนั้น แต่ตอนนี้พวกเขาไม่อยู่สักคน ส่วนตนเองนั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของรพีพงษ์

นฤเบศร์เพิ่งต่อสู้กับรพีพงษ์ก่อนหน้านี้ และแพ้ให้แก่รพีพงษ์ ตอนนี้ต่อสู้อีกครั้ง รพีพงษ์ไม่ใช่คนที่สามารถล่วงเกินได้ง่าย ๆ

เขาสามารถออกไปจากโลกใบนี้ได้ แต่รพีพงษ์ได้เริ่มโจมตีก่อนที่เขาจะพบทางออก

รพีพงษ์ไม่ได้คิดที่จะฆ่านฤเบศร์ แต่นฤเบศร์เป็นคนที่ชอบกลั่นแกล้งคนอื่น และมองข้ามความหวังดีของผู้อื่น

“นฤเบศร์ ผมต้องการเพียงแค่ตัวนรเทพ ตอนนี้นรเทพอยู่ในมือของพวกเราแล้ว หากคุณไม่ยื่นมือเข้ามายุ่ง ผมคิดว่ามีหลายอย่างที่พวกเราสามารถทำข้อตกลงร่วมกันได้ แต่ถ้าคุณไม่ตกลง ผมทำได้เพียงแค่ฆ่าคุณเท่านั้น”

นฤเบศร์และรพีพงษ์อยู่ห่างกันประมาณสองร้อยเมตร ในสายตาของนฤเบศร์ รพีพงษ์เป็นเพียงเด็กที่อายุรุ่นเดียวคราวเดียวกับจิรันดน์เท่านั้น

เพียงแต่ว่ารพีพงษ์นั้นเก่งกว่าเท่านั้น นฤเบศร์รู้สึกว่าตนเองไม่สามารถเอาชนะเขาได้ แต่ตนเองก็อาจจะไม่ถูกเขาฆ่า

“คุณต้องฆ่าผมก่อนถึงจะมีคุณสมบัติที่จะพูดเช่นนั้นได้ รพีพงษ์ คุณมีความมั่นใจเกินไปแล้ว คุณคิดว่าคุณสามารถฆ่าผมได้หรือ?”

รพีพงษ์ไม่อยากพูดไร้สาระกับเขา เขาเสียสติไปแล้ว ทำให้เขาไม่สามารถฟังอะไรเข้าใจได้

รพีพงษ์จึงลงมือทันที กระบี่สยบเซียนส่องประกายแวบวับอยู่ในอากาศ ทุกครั้งที่รพีพงษ์โจมตีนั้นได้รับผลสนับสนุนเสริมที่ดีกลับมาตลอด

ก่อนหน้านั้น ไม่ได้ใช้งานกระบี่สยบเซียนมาระยะหนึ่งแล้ว กระบี่สยบเซียนรับรู้ถึงไอสังหารที่อยู่บนร่างรพีพงษ์ และให้ความร่วมมือกับรพีพงษ์เป็นอย่างดี

นฤเบศร์จ้องกระบี่ในมือของรพีพงษ์ ไม่เชื่อว่ากระบี่สยบเซียนยอมรับรพีพงษ์เป็นเจ้านายตั้งแต่เริ่มต้น ก่อนหน้านั้นจะต้องมีเจ้านายคนอื่นมาก่อนแน่นอน

นฤเบศร์จงใจยั่วโมโห และกล่าวอย่างดูถูกว่า “ไม่รู้ว่าคุณไปขโมยกระบี่สยบเซียนเล่มนี้มาจากที่ไหน รพีพงษ์ ผมขอแนะนำให้คุณเอาไปคืนเจ้านายเดิมของมันโดยเร็วที่สุด”

รพีพงษ์รู้ดีว่า นฤเบศร์ตั้งใจเปลี่ยนเรื่อง แต่ตนเองก็ไม่ใช่คนที่โง่เขลา

“ผมจะฆ่าคุณเดี๋ยวนี้ ส่วนเรื่องที่ว่ากระบี่สยบเซียนเล่มนี้มาจากไหน ผมคิดว่ามันไม่สำคัญ” เขาโจมตีอย่างดุเดือด แต่อีกฝ่ายถอยไปเรื่อย ๆ โดยไม่ลงมือ

รพีพงษ์ขมวดคิ้ว นฤเบศร์ต้องการเห็นจังหวะย่างก้าวฝีเท้าของตนเองอย่างชัดเจน และหาวิธีที่จะทำลายมัน

ผลการฝึกตนของตนเองไม่สูงเท่าของเขา ถ้าเขาสามารถหาเจอจริง จะสามารถเปลี่ยนจากพ่ายแพ้เป็นชัยชนะได้อย่างแน่นอน

เขาหยุดลง และทำกลอุบายในโลกนี้ แล้วร่ายคาถา แล้วก้อนหินที่อยู่รอบ ๆ ถูกรวมเข้าด้วยกัน และพุ่งตรงไปที่นฤเบศร์ทันที

นฤเบศร์ตกใจเป็นอย่างมาก และเริ่มต่อสู้กลับ นอกจากนี้เขายังเริ่มใช้ทุกสิ่งที่มีอยู่รอบตัวเขา แต่พบว่านี่คือโลกที่รพีพงษ์สร้างขึ้นเอง และตนเองไม่สามารถแม้แต่จะเคลื่อนย้ายสิ่งของใด ๆ ของที่นี่ได้

รพีพงษ์ต่อสู้อย่างหนักกับนฤเบศร์ เมื่อจิรันดน์เห็นว่าพ่อของตนเองถูกรพีพงษ์พาตัวไป จึงรีบกล่าวกับผู้ใต้บังคับบัญชาที่อยู่ข้างหลังเขาว่า “พ่อของผมไม่เป็นไร พวกคุณถอยออกไปก่อน”

“นายน้อย พวกเราฟังแต่คำสั่งของนายท่านเท่านั้น”

จิรันดน์ขมวดคิ้วและตะโกนว่า “ผมก็คือนายท่านของพวกคุณ ตอนนี้ปากเรียกผมว่านายน้อย แต่กลับไม่เชื่อฟังคำสั่งของผม ต่อไปถ้าผมปกครองตระกูล ถ้าพวกคุณไม่อยากให้ชีวิตอย่างอนาถ ตอนนี้ก็ประพฤติตัวดี ๆ”

ผู้ใต้บังคับบัญชาหลายคนมองหน้ากัน และตกอยู่ในความลำบากใจ…..

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท