พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1589 ทำลายผลการฝึกตน

บทที่ 1589 ทำลายผลการฝึกตน

ปัณฑาไม่อยากคิดถึงเรื่องราวในอดีต เธอจึงทำได้เพียงหลีกเลี่ยงคำถามของผลิน

ด้วยความช่วยเหลือจากจิรันดน์ ทำให้บวรวิทย์และคนอื่นๆ สามารถออกจากตระกูลพิมพ์สาร และกลับไปยังตระกูลภูสรีดาวทันที ตอนนี้ตระกูลภูสรีดาวเป็นสถานที่แห่งเดียวที่จะไปได้ และแม้แต่นราธิปก็มาจากภูเขาสองกระบี่

ความสามารถของรพีพงษ์ไม่ด้อย สามารถพ้นจากมือของนฤเบศร์ได้อย่างแน่นอน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่กังวล

มีแต่ปัณฑาที่รู้สึกไม่มีความสุข เมื่อมาถึงตระกูลพิมพ์สาร ผลินก็ไม่สบายใจเช่นกัน ตราบใดที่เธอไม่เห็นรพีพงษ์ เธอก็จะเป็นกังวล

เธอเดินไปเดินมาอยู่ตรงหน้าปัณฑา ปัณฑาบ่นพึมพำว่า “ถ้ารพีพงษ์เกิดเรื่องจริง ถึงคุณเดินไปเดินมาจนขาหักมันก็ไร้ประโยชน์ คุณนั่งดี ๆไม่ได้หรือ?”

“ยังไงคุณกับรพีพงษ์ก็มาด้วยกัน คุณช่างเป็นคนที่ร้ายหัวใจเสียจริง ตอนนี้รพีพงษ์อยู่คนเดียวในเขตอิทธิพลของคนอื่น หัวเดียวกระเทียมลีบ ถ้ามีคนอื่นมาช่วยอีกฝ่าย งั้นพวกเราก็สิ้นหวังแล้ว”

ผลินคิดแต่ในแง่ร้าย ส่วนปัณฑาไม่มีอารมณ์ที่จะสนใจเธอ

ตอนนี้รพีพงษ์กำลังต่อสู้กับนฤเบศร์ และพลังของนฤเบศร์เกือบหมดแล้ว เขาจะอยู่ในสถานที่นี้ต่อไปเรื่อย ๆไม่ได้ ต้องหาทางออกให้ได้

รพีพงษ์รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ จึงพูดทำลายจินตนาการของเขาทันทีว่า “คุณไม่มีอะไรต้องคิด คุณตายใจเสียเถอะ วันนี้สิ่งเลวร้ายที่คุณทำมาทั้งหมดจะจบลงที่นี่คนที่คุณเคยฆ่าอยู่ในยมโลกก็จะได้รู้สึกสบายใจ คุณคิดว่าไงล่ะ?”

นฤเบศร์เยาะเย้ยอยู่ในใจ โบราณกล่าวไว้ว่า การทหารไม่เบื่อหน่ายกลอุบาย นั่นเป็นเพราะว่าโลกที่รพีพงษ์สร้างขึ้น แต่ถ้าหากตนเองออกไปได้มันก็ไม่แน่

“ผมไม่ยอม คุณคิดว่าผมจะแพ้ให้กับเด็กเปรตอย่างคุณหรือ? ถ้าเก่งจริงมาต่อสู้กับผมอีกครั้ง?” นฤเบศร์ใช้กระบี่ประคองร่างกายที่อ่อนแอของตนเอง รู้สึกว่าทุกสิ่งในโลกนี้กำลังกลืนกินพลังเทพของตนเอง

รพีพงษ์เอามือกอดอกตนเองไว้ ไหนเลยจะสนใจอะไรมากมายขนาดนั้น เขาจะไม่ฆ่านฤเบศร์ โดยคำนึงถึงความดีของลูกชายของเขา

แต่ก็จะไม่ปล่อยเขาไป รพีพงษ์เดินไปข้างนฤเบศร์ และกล่าวว่า “คุณมีระดับผลการฝึกตนสูงเช่นนี้ คุณนั้นไม่มีความจำเป็นต้องทำความชั่วเลย แต่ตอนนี้คุณไม่มีทางให้กลับแล้ว พวกเราไม่ลงรอยกัน และผมจะไม่ให้โอกาสคุณแก้แค้นคืน”

เมื่อได้ยินคำพูดของรพีพงษ์ ดวงตาของนฤเบศร์เผยให้เห็นถึงความหวาดกลัว และดูเหมือนว่าเขาจะคาดเดาการตัดสินใจของรพีพงษ์ได้

ผู้ฝึกเซียน ถ้าไม่มีผลการฝึกตน มันทรมานยิ่งกว่าตายเสียอีก

“รพีพงษ์ คุณคิดจะทำอะไร?”

“ทำลายผลการฝึกตนของคุณ ให้คุณกลายเป็นคนธรรมดา ใช้ชีวิตปกติกับลูกชายของคุณ”

รพีพงษ์เริ่มร่ายคาถา แสงจาง ๆ ล้อมรอบร่างกายของนฤเบศร์เอาไว้ และก็ย้ายผลการฝึกตนของเขาไปยังร่างกายของตนเองโดยตรงทันที

หลังจากนั้นไม่นาน รพีพงษ์ก็รู้สึกเบาราวกับนก ขณะที่นฤเบศร์นอนอยู่บนพื้นและหลับตานิ่ง เขาฝึกฝนมาทั้งชีวิต ไม่คาดคิดว่าจะถูกรพีพงษ์ทำลายจนไม่เหลือ

เขาไม่เต็มใจ สาบานว่าตราบใดที่เขายังมีลมหายใจ เขาจะไม่มีวันปล่อยรพีพงษ์ไปเด็ดขาด

รพีพงษ์รู้สึกถึงพลังจิตวิญญาณในร่างกายของตนเอง และผลการฝึกตนของเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จนทะลวงไปถึงระดับแดนดวงจิต

“ผมจะไม่ปล่อยคุณไปเด็ดขาด รพีพงษ์ ผมแนะนำว่าทางที่ดีให้คุณฆ่าผมดีกว่า มิฉะนั้นต่อไปคุณจะต้องเสียใจแน่นอน”

“ผมฆ่าคุณไม่ได้ เพื่อเห็นแก่หน้าลูกชายคุณ เอาล่ะ ทุกอย่างจบลงแล้ว ผมจะพาคุณออกไป คุณไม่จำเป็นต้องเศร้าโศก เมื่อไม่มีผลการฝึกตน ตระกูลคุณนั้นทำธุรกิจเช่นกัน ชีวิตก็ไม่ลำบากอะไร คุณไปใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกับลูกชายเถอะ”

หลังจากที่รพีพงษ์กล่าวจบ เขาโบกมือ แล้วก็ทำให้พวกเขาปรากฏตัวขึ้นในทางลับ รพีพงษ์ปล่อยพลังฝ่ามือทำให้ประตูหินเปิดออก และส่งนฤเบศร์ไปให้จิรันดน์โดยตรง

จิรันดน์มองพ่อตนเอง เห็นว่าเขาไม่ได้รับบาดเจ็บ จึงรีบเดินไปข้างหน้าและกล่าวว่า “ท่านพ่อ”

“เพี๊ยะ” นฤเบศร์ตบหน้าจิรันดน์ จิรันดน์มองนฤเบศร์อย่างไม่เชื่อสายตา ตั้งแต่เล็กจนโต นฤเบศร์ไม่เคยตีเขาเลยสักครั้ง

เมื่อก่อนถึงแม้ว่านฤเบศร์จะกล่าวโทษเขาเสมอ แต่ก็พูดเท่านั้น ไม่เคยลงมือตีเขาเลยสักครั้ง

“ท่านพ่อ!” เขาคุกเข่าลงบนพื้น

“ผมไม่อาจเห็นบวรวิทย์ตายได้ พวกเราเป็นเพื่อนเล่นในวัยเด็ก และเขาสัญญากับผมว่าจะไม่ฆ่าท่านพ่อ”

รพีพงษ์มองจิรันดน์แวบหนึ่ง และกล่าวตามตรงว่า “พ่อของคุณไม่มีผลการฝึกตนแล้ว ตอนนี้เป็นเพียงคนธรรมดา ต่อไปดูแลเขาให้ดี”

จิรันดน์หันไปมองรพีพงษ์ แต่รพีพงษ์ก็ไม่ได้อยู่นาน พอพูดเสร็จก็เดินจากไป

สายตาของจิรันดน์มองไปที่นฤเบศร์อีกครั้ง นฤเบศร์ถ่อสังขารที่อ่อนแอเดินไปที่ห้องของตนเองทีละก้าว

เขาถามจิรันดน์ในขณะที่กำลังเดิน “ลูกรู้ไหมว่า สิ่งที่พ่อใส่ใจมากที่สุดในชีวิตคืออะไร? ”

จิรันดน์ส่ายศีรษะ รู้ว่าพ่อของตนเองหมกมุ่นอยู่กับการฝึกมาตลอด หรือว่าจะเป็นผลการฝึกตน?

จิรันดน์รู้สึกขมขื่น และกล่าวว่า “ท่านพ่อ ไม่มีผลการฝึกตนมันก็ดี ทุกครั้งที่ลูกเห็นห้องอ่านหนังสือของท่านพ่อล้อมรอบด้วยพลังสีดำ ก็รู้สึกกังวลใจ ตอนนี้ดีแล้ว ทุกอย่างได้รับการแก้ไขแล้ว พ่อไม่ต้องถูกพวกพลังมารทำร้ายอีก”

เมื่อพูดถึงจุดนี้ นฤเบศร์อดไม่ได้จนน้ำตาไหล และเขาก็ปาดน้ำตา “ในช่วงชีวิตของพ่อ พ่อฝึกฝนมาจนถึงจุดนี้แต่ก็ถูกทำลายจนไม่เหลืออะไร และความหวังทั้งหมดก็พังทลาย จิรันดน์ ลูกต้องสืบทอดเจตนารมณ์ของพ่อ เข้าใจไหม! ปริตรมีคัมภีร์ลับอยู่ในมือ ขอแค่ลูกหาปริตรเจอ แล้วได้คัมภีร์ลับนั้นมา ลูกก็สามารถฝึกฝนได้ เมื่อถึงเวลานั้น ไม่ว่ารพีพงษ์หรือบวรวิทย์ พวกเขาก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของลูกเลย”

จิรันดน์รู้สึกจำใจ เรื่องมาถึงจุดนี้แล้ว แต่พ่อของเขายังไม่ยอมตื่น คิดแต่เรื่องคัมภีร์ลับเท่านั้น?

เขาไม่มีพรสวรรค์การฝึก และไม่สามารถทนต่อความยากลำบากได้ เขาแค่อยากใช้มีชีวิตธรรมดาเท่านั้น

จิรันดน์รู้ว่า ตนเองไม่สามารถฝึกฝนได้ และจะไม่ไปแย่งคัมภีร์ลับจากปริตร เมื่อพิจารณาว่าสถานะปัจจุบันของนฤเบศร์ ก็เลยรับปากว่า “ท่านพ่อ ผมจะเชื่อฟังท่าน ท่านพ่อพูดถูก ถ้าผมไม่มีผลการฝึกตนจะต้องถูกคนอื่นรังแก ผมจะตั้งใจฝึกฝนอย่างดีแน่นอน”

นฤเบศร์ยิ้มอย่างสบายใจ ตอนนี้เขาเป็นคนไร้ประโยชน์ และไม่สามารถปกป้องจิรันดน์ได้อีกแล้ว

ถ้าจิรันดน์ไม่มีความสามารถในการปกป้องตัวเอง ออกไปข้างนอกแล้วถูกคนอื่นรังแก ตนเองในฐานะพ่อจะรู้สึกเหมือนตายทั้งเป็น

เมื่อรพีพงษ์มาถึงตระกูลภูสรีดาว บวรวิทย์และคนอื่น ๆ ได้เตรียมอาหารและเครื่องดื่มไว้แล้ว และกำลังรอให้รพีพงษ์กลับมา

เมื่อเห็นรพีพงษ์เดินเข้ามา ผลินเดินไปข้างหน้า มองสำรวจรพีพงษ์จากหัวจรดเท้า และกล่าวว่า “ฉันคิดแล้วว่า คุณจะต้องไม่เป็นไร นฤเบศร์เป็นอย่างไรบ้าง?”

สิ่งที่ผลินถามก็คือสิ่งที่บวรวิทย์อยากถามเช่นกัน รพีพงษ์อธิบายสถานการณ์อีกครั้ง ทำให้บวรวิทย์ยิ้มด้วยความโล่งใจ

บวรวิทย์กล่าวว่า “เมื่อเป็นเช่นนี้ เรื่องวุ่นวายพวกนั้นก็จะไม่เกิดขึ้นอีก พวกเราจะมีศัตรูน้อยลงไปอีกหนึ่งคน ไปกินข้าวกันก่อนแล้วค่อยไปพบนรเทพ”

ทุกคนอยู่ที่นั่น แต่รพีพงษ์ไม่เห็นปัณฑา จึงขมวดคิ้ว แล้วถามว่าปัณฑาหายไปไหน?

เขาถามผลินว่า “ปัณฑาล่ะ? เธออยู่ที่ไหน?”

“อยู่ที่นั่น………” ผลินมองไปยังมุมที่ปัณฑานั่งเมื่อสักครู่ แล้วกล่าวพึมพำ “เมื่อสักครู่ก็ยังอยู่ที่นั่น แต่ตอนนี้ไปไหนแล้ว?”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท