พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1590 ความรุ่งโรจน์ของเผ่าภูต

บทที่ 1590 ความรุ่งโรจน์ของเผ่าภูต

รพีพงษ์ขมวดคิ้วและกล่าวว่า “ผมจะไปดู”

จากนั้นก็เดินตรงไปที่ห้องของปัณฑาทันที แต่เมื่อไปถึงที่นั่นกลับไม่เห็นปัณฑา ผลินเดินตามรพีพงษ์ รู้สึกกังวลเล็กน้อยและกล่าวว่า “เธอไปไหนแล้ว? ”

“นรเทพคุมถูกขังอยู่ที่ไหน ผมจะไปพบเขา”

ผลินพารพีพงษ์ไปยังสถานที่คุมขังนรเทพ และเห็นปัณฑาอยู่ที่นั่น ขณะที่ผลินกำลังจะพูด รพีพงษ์ก็หยุดเธอไว้

เห็นปัณฑาและนรเทพนั่งเผชิญหน้ากัน นรเทพกล่าวว่า “ถ้าคุณตกลง ผมจะพาเผ่าภูตทั้งหมดกลับเทวโลก แล้วคุณยังมีสถานะและตัวตนที่สูงส่งในเทวโลก คุณไม่จำเป็นต้องติดตามรพีพงษ์เหมือนกับลูกน้องของเขา”

ปัณฑาไม่สนใจ อยู่ข้างกายรพีพงษ์ก็รู้สึกไม่เลว แต่สิ่งเดียวที่เธอคิดคือจะทำอย่างไรถึงจะทำให้เผ่าภูตสามารถกลับมาที่เทวโลกได้ มันเป็นโอกาสที่หายาก

ปัณฑาไม่อยากจำเหตุการณ์ก่อนหน้านั้นอีก เวลาผ่านไป ทุกคนก็น่าจะลืมไปแล้วเหมือนกัน

ญาณิดามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเผ่าภูต แต่ตอนนี้เธอหาญาณิดาไม่เจอ ถ้านรเทพทำได้จริง ๆ เชื่อเขาสักครั้งก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย

รพีพงษ์ขมวดคิ้ว เมื่อเห็นว่าปัณฑาหวั่นไหว เขาจึงเดินตรงไปทำลายจินตนาการของปัณฑาทันที

“ตอนนี้เขายังเอาตนเองไม่รอด ปัณฑา ตอนนี้คุณไม่มีความหนักแน่นเลยสักนิดหรือ? ถ้าคุณเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าคุณจะไปที่ไหนก็จะถูกคนหลอกใช้ได้ง่าย”

ปัณฑาได้ยินเสียงของรพีพงษ์ แล้วมองไปตามเสียง รู้สึกประหม่าเหมือนเด็กที่ทำอะไรผิด

เธอกล่าวกับรพีพงษ์ว่า “รพีพงษ์ มีเรื่องหลายอย่างที่คุณยังไม่รู้ แต่ฉันไม่สนใจมันไม่ได้ พวกชาวเผ่าภูต……….”

“ผมรู้ว่าความคาดหวังของคุณ แต่คุณไม่สามารถเอาความหวังไปฝากไว้ที่นรเทพอย่างโง่เขลา เขาสิ้นอำนาจแล้ว ทำอะไรไม่ได้อีกแล้ว”

ผลินมองปัณฑาด้วยความโกรธ เธอไม่คิดว่า ปัณฑาเลือกที่จะทรยศรพีพงษ์ ยังดีที่พวกเขามาที่นี่เร็ว

“ปัณฑา ฉันไม่คิดว่าคุณจะทรยศรพีพงษ์ คุณทำให้ฉันรู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมาก”

“รพีพงษ์ ฉันไม่ได้ทรยศคุณ คุณเชื่อฉัน ฉันแค่……..” ปัณฑารู้สึกคับข้องใจจนพูดไม่เป็นประโยค

รพีพงษ์ปลอบเธอ “ผมรู้ ผมรู้ว่าคุณจะไม่ทรยศผม มิฉะนั้น คุณไม่จำเป็นต้องมาเทวโลกกับผม ผมสัญญากับคุณ ปัณฑา ผมจะพยายามทำให้ความหวังของคุณสำเร็จ อย่าเอาความหวังไปฝากไว้กับปีศาจคนนี้”

นรเทพมองไปที่รพีพงษ์และถามว่า “คุณมาที่นี่เพื่อรับจิตวิญญาณลูกสาวของคุณหรือ?”

นรเทพเห็นว่ารพีพงษ์ห่วงใยแต่ปัณฑาและไม่สนใจเขา ทำให้เขารู้สึกว่าตนเองไม่มีความสำคัญอีกแล้ว จึงถอนหายใจอย่างเย็นชา

รพีพงษ์กางมือออก และยิ้มอย่างมีความหมาย “ผมต้องการจิตวิญญาณของลูกสาว แต่ผมก็รู้ว่าคุณไม่ให้ผมแน่ ผมจะบีบบังคับนำจิตวิญญาณของคุณออกมาก่อน แล้วก็นำจิตวิญญาณของลูกสาวของผมออกมาอีกที คุณคิดว่าวิธีนี้เป็นอย่างไรบ้าง?”

สีหน้าของนรเทพเปลี่ยนเป็นสีเขียว จากนั้นเขาก็นึกขึ้นได้ว่าผลการฝึกตนของรพีพงษ์นั้นยังไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ จึงหัวเราะเยาะรพีพงษ์ว่ามีใจแต่ไม่มีความสามารถ

รพีพงษ์ไม่อยากพูดไร้สาระกับนรเทพ ตอนนี้เขาไม่สามารถปล่อยให้นรเทพติดต่อกับปัณฑาได้อีก แม้ว่าปัณฑาจะมีชีวิตอยู่เป็นเวลานานแล้ว และตัวเธอเองก็มีความหนักแน่นพอสมควร แต่รพีพงษ์ก็ยังกังวลว่าปัณฑาจะโดนไอ้หมอนี้หลอกใช้

ตอนนี้นรเทพถึงขนาดที่มีความหวังนิดหนึ่งก็จะนำมาใช้ ถ้าหากมีโอกาส เขาจะฉวยโอกาสนั้นโดยไม่คำนึงอะไรทั้งนั้น รพีพงษ์ต้องหยุดความคิดของเขา

สถานการณ์ในเมืองแฟรี่ค่อย ๆ เปลี่ยนไป ในช่วงเวลานี้ จะต้องไม่ให้โอกาสนรเทพกลับไปทำความชั่วได้

รพีพงษ์ให้บวรวิทย์หาคนเฝ้านรเทพไว้ และไม่ให้บุคคลภายนอกติดต่อกับนรเทพ

ปัณฑารู้ดีว่า แนวทางของรพีพงษ์นั้นมุ่งเป้าไปที่เธอ

แม้ว่าจะมีความรู้สึกแปลก ๆ แต่เธอก็รู้ว่ารพีพงษ์ทำทุกอย่างเพื่อตัวเธอเอง

นรเทพไม่ใช่คนดี เมื่อเข้าไปเกี่ยวข้องกับนรเทพแล้ว มันก็คือการร่วมมือกันกระทำความชั่ว และสุดท้ายตนเองจะมีจุดจบที่ไม่ดีแน่นอน

รพีพงษ์ทำเช่นนี้นั้นเป็นเรื่องที่ถูกแล้ว ก่อนหน้านั้นเธอเอาแต่เล่นสนุกกับผลิน และผลินยังคงตำหนิคิดว่าเธอมีความคิดที่จะทรยศรพีพงษ์

บวรวิทย์เองนั้นยังไงก็ได้ แต่เทวเทพไม่สามารถนั่งนิ่งได้อีกต่อไป ในสายตาของเทวเทพ นรเทพนั้นเป็นระเบิดเวลา

เทวเทพไปหาบวรวิทย์และถามว่า “รพีพงษ์วางแผนคิดจะทำอะไรต่อ? จะให้นรเทพอยู่ในบ้านของเราตลอดไปไม่ได้?”

“ท่านพ่อ ท่านกำลังพูดอะไร? ถ้าไม่ให้นรเทพอยู่ในบ้านของเราแล้วจะให้ไปอยู่ที่ไหน? การที่รพีพงษ์ให้เขาอยู่ที่นี่ รพีพงษ์ต้องมีเจตนาของตนเอง บ้านของเราใหญ่โตเช่นนี้ จะไม่มีที่สำหรับเขาเลยหรือ?”

“แกไอ้เด็กเปรตมองปัญหาไม่ออก ถ้าจะให้พ่อบอกตามตรงก็คือฆ่านรเทพซะ ถ้าเรื่องใหญ่สิ้นสุดลง ปัญหาต่าง ๆ ก็พลอยสิ้นสุดลงด้วย และนรเทพก็ไม่ใช่เป็นสิ่งที่มงคล ลูกรู้ไหม? ทหารของเขาใกล้จะถึงเมืองแฟรี่แล้ว”

บวรวิทย์ขมวดคิ้ว เทวเทพพูดถูก แต่เมื่อพิจารณาถึงรพีพงษ์ เขาก็ไม่เต็มใจที่จะอ่อนข้อ และกล่าวว่า “ถ้าท่านพ่อมีวิธีที่ดี ผมก็ไม่มีข้อโต้แย้ง”

“พ่อจะมีวิธีดีอะไรได้ล่ะ? ตอนนี้มีสองวิธี วิธีแรกคือการฆ่านรเทพ และวิธีที่สองคือการขับไล่นรเทพออกไปจากบ้านของเรา เพราะทหารของเขานั้นไม่ธรรมดา”

“เอาล่ะ ในเมื่อท่านพ่อพูดเช่นนั้น ผมจะปรึกษากับรพีพงษ์ ผมไม่เชื่อว่าจะไม่สามารถหาวิธีดีที่สุดสำหรับทั้งสองฝ่าย” หลังจากที่เขาพูดจบ เขารู้สึกว่าเทวเทพจุกจิก ก็เลยหาข้ออ้างว่าจะไปหารพีพงษ์

รพีพงษ์นั่งอยู่บนหลังคา นึกถึงวันที่ครอบครัวอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข หนูลินมีสุขภาพแข็งแรง แล้วยังมีอารียาและตนเองดูแลรักใคร่กัน

เพียงแต่ว่าตอนนี้นรเทพนั้นอยู่ในมือของตนเอง แต่ตนเองไม่สามารถเอาจิตวิญญาณของหนูลินออกมาได้ ทำให้เขารู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมาก

ถ้าเขาไปหานราธิป นราธิปต้องสามารถช่วยเขาได้อย่างแน่นอน เขาเก่งขนาดนั้นจะต้องมีวิธีแน่

ประจวบเหมาะจะได้พูดคุยกับปริตรเกี่ยวกับเรื่องค่ายกล ถ้าอาศัยแค่วรยุทธจะไม่สามารถเอาชีวิตรอดในเทวโลกได้ ถ้ารู้ทักษะเพียงอย่างเดียวเขาก็จะตกเป็นเชลยของคนอื่นได้ง่าย ๆ

เขาไปหาบวรวิทย์ เพื่อมอบนรเทพให้บวรวิทย์ช่วยควบคุมดูแลแทนตนเอง

เขาไม่ได้พาผลินและปัณฑาไปที่ภูเขาสองกระบี่ด้วย ทำให้ผลินบ่นด้วยความไม่พอใจอยู่พักหนึ่ง

ปัณฑาไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะคิดถึงเรื่องของรพีพงษ์ เพราะเธอกำลังคิดว่าเผ่าภูตจะกลับมาที่เทวโลกได้อย่างไร

บวรวิทย์รู้ว่านราธิปจะเดินทางจากภูเขาสองกระบี่มาที่นี่ แต่นราธิปไม่ได้บอกเวลาที่แน่นอน เขาจึงไม่ได้หยุดรพีพงษ์เอาไว้ เพียงแต่บอกรพีพงษ์ว่าให้รีบไปรีบกลับ

นรเทพไม่มีพลัง การควบคุมเขามันไม่ใช่เรื่องยาก

รพีพงษ์เดินทางไปยังภูเขาสองกระบี่ด้วยความผ่อนคลายและไม่ต้องระมัดระวังตัว เพียงเพราะว่านรเทพไม่เป็นภัยคุกคามแล้ว และนฤเบศร์ก็ถูกตนเองทำลายผลการฝึกตนแล้ว จึงเดินทางตรงไปยังภูเขาสองกระบี่ทันที

ในห้องโถงใหญ่ เห็นนราธิปคุยกับเด็กสองคนเกี่ยวกับกลยุทธ์การฝึกฝน

รพีพงษ์บอกความต้องการโดยตรงว่า “อาจารย์ธิป ผมมีเรื่องจะถามคุณ”

นราธิปกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ผมรู้ว่าคุณจะต้องมา แต่ว่าปกติคุณเป็นคนที่ละเอียดรอบคอบ ทำไมคุณถึงพาผู้ติดตามมาด้วยล่ะ?”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท