พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1592 คนของนรเทพ

บทที่ 1592 คนของนรเทพ

รพีพงษ์มองไปยังค่ายกลนี้อย่างตกใจ เขาไม่เคยเห็นมาก่อนเลย รวมตัวกันอยู่ตรงนี้ พละกำลังนั่นยากที่จะจินตนาการได้

พวกเขาไม่ได้หยุดพักแต่อย่างใดพุ่งตรงไปโจมตีรพีพงษ์เลย รพีพงษ์ไม่สามารถเอาชนะพวกเขาได้ แต่เขาสามารถหลบหนีได้

พวกคนเหล่านี้ไม่กล้าไปยังตระกูลภูสรีดาวที่เที่ยงตรงโปร่งใส แต่ว่าเพราะว่าตัวเองอยู่ที่ตระกูลภูสรีดาว ก็จะมีคนอื่นๆออกมาให้ความช่วยเหลือ

พวกคนเหล่านี้เห็นรพีพงษ์เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว พวกเขาโจมตีอย่างดุเดือดอยู่ตลอด แต่ไม่มีกระบวนท่าไหนที่สามารถเป็นภัยคุกคามต่อรพีพงษ์ได้เลย

พี่ใหญ่ที่นำทีมขมวดคิ้วแน่น พูดกล่าว : “ไอ้เด็กอย่างแก โลกภายนอกบอกว่าแกสุดยอด ฉันว่าตอนนี้แกก็เป็นเพียงคนขี้ขลาดที่รู้จักหลบหนีเท่านั้น แม้แต่จะสู้กับฉันซึ่งๆหน้ายังไม่กล้าเลย”

รพีพงษ์มองไปยังพี่ใหญ่ที่นำทีม ยิ้มอย่างไม่แยแส : “พวกแกสามารถฆ่าฉันได้ นั่นมันเป็นความสามารถของพวกแกเอง แต่ว่าถ้าแกฆ่าฉันไม่ได้ คนที่ไร้ความสามารถก็คือพวกแก แปดคนต่อสู้กับคนหนึ่งคน แม้ว่าจะรบชนะก็ตามก็เป็นการเอาชนะด้วยวิธีการที่ขี้โกง ”

“ไม่ว่าแพ้หรือชนะ ถ้าหากวันนี้แกไม่ยอมแพ้ พวกเราไม่มีทางให้แกออกไปจากที่นี่โดยสวัสดิภาพอย่างแน่นอน”

“แม้ว่าพวกแกจะสุดยอดมาก แต่ฉันก็ต้องขอพูดไว้ก่อนนะ อย่าเพิ่งรีบด่วนสรุปกันจนเกินไป”

รพีพงษ์พลิกข้อมือ พลังจิตวิญญาณทั่วทั้งร่างกายหมุนเวียนรอบร่างกาย รับส่งระหว่างค่ายกลนี้ตามอำเภอใจ

ท่ามกลางค่ายกล มีพละกำลังที่ยิ่งใหญ่กดขี่เขาอยู่ แต่ว่ารพีพงษ์ก็เข้าใจกฎของค่ายกลนี้ได้อย่างรวดเร็ว นี่เป็นค่ายกลที่จัดวางแปดทิศ คิดอยากจะออกไปจากที่นี่มันไม่ได้ง่ายขนาดนั้นเลย

ก่อนหน้านี้เพียงแค่ได้ยินมาเท่านั้น แต่ไม่ได้เห็นมากับตาจริงๆ ตอนนี้ได้เห็นแล้วรู้สึกเหลือเชื่ออย่างมาก

พวกเขาทั้งแปดคนเป็นกลุ่มเดียวกัน หากตัวเองอยากจะจัดการกับพวกเขาก็จะต้องฆ่าคนใดคนหนึ่งไปถึงจะทลายค่ายกลได้

รพีพงษ์มองแวบหนึ่ง พวกเขาทั้งแปดคนต่างก็สามัคคีเป็นอันหนึ่งอันเดียว ไม่มีวิธีการทลายได้เลยด้วยซ้ำ

ในสายตาของคนพวกนี้รพีพงษ์ไม่ได้สุดยอดตามคำล่ำลือขนาดนั้นเลย นรเทพได้รับความทุกข์ทรมาน ไม่ใช่คุณงามความดีของรพีพงษ์เพียงคนเดียว จะต้องมีคนอื่นช่วยด้วยแน่

รพีพงษ์เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว พวกเขาไม่อาจจะจับตัวไว้ได้เลย เห็นเพียงรอยยิ้มที่ภาคภูมิใจของรพีพงษ์ พูดกล่าว : “พวกแกอยากที่จะจับตัวฉัน มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกนะ”

คำพูดของรพีพงษ์เป็นการยั่วยุอย่างตรงไปตรงมา เป็นค่ายกลที่จัดวางแปดทิศ ตัวเองไม่รีบที่จะลงมือทำอะไร พูดถ่วงเวลากับพวกเขา

ที่พวกเขามาจับตัวเองแน่นอนว่าตัวเองจะต้องมีประโยชน์ คิดๆแล้ว ตระกูลเยอซอก็ไม่ได้เป็นศัตรูคู่แค้นกับตัวเอง ตระกูลพิมพ์สารก็ไม่ได้มีพละกำลังอะไรแล้ว คนเหล่านี้ จะต้องเป็นกองกำลังที่ตกค้างของนรเทพแน่นอน!

รพีพงษ์จะให้เขาจับตัวไปไม่ได้ ระหว่างที่หลบหลีกก็หยิบโรสแมรีโรยออกไปเลย โรสแมรีนี้ปลิวเข้าตาของคนพวกนั้น ทำให้ดวงตาเกิดการระคายอย่างมาก

พี่ใหญ่ที่นำทีมมากพูดอย่างตกใจว่า : “นี่มันคืออะไรกัน?”

รพีพงษ์พูดกับพี่ใหญ่นั่นว่า : “พวกแกอยากจะจัดการกับฉันไม่ใช่เหรอ เพียงแค่ไม่มีพละกำลัง นี่เป็นสิ่งของที่ฉันตอบแทนพวกแกไง ”

วาดมือกลางอากาศ ทันใดนั้นคนเหล่านี้ก็มาถึงภายในโลกแล้ว ทุกสิ่งที่อยู่ข้างในเหมือนกับข้างนอกอย่างมาก

ทั้งแปดคนยังไม่ทันได้สังเกตว่าพวกเขาได้ตกมาอยู่ในการควบคุมของรพีพงษ์แล้ว การสืบทอดปฐมกาล บนสวรรค์ก็มีน้อยคนนักที่จะได้รับความสามารถนี้ รพีพงษ์มี ภายใต้สถานการณ์ที่เขาไม่พูดออกมา ทันใดนั้นพูดออกมามันก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ทุกคนตกตะลึงจนอ้าปากค้างเลย

“พี่ใหญ่ เหมือนว่าพวกเราจะมาถึงอีกที่หนึ่งแล้วนะ นี่มันไม่ใช่สถานที่เมื่อตะกี้นี้ ดูแล้วเหมือนกันมาก แต่ว่าไม่ว่าเด็กนั่นจะเร็วแค่ไหน ด้วยผลการฝึกตนของพวกเราเป็นไปไม่ได้ที่จะสังเกตไม่ได้แม้แต่นิดเดียว”

พี่สามมองดูทุกสิ่งอย่างที่อยู่รอบตัว หลังจากที่มองดูอย่างละเอียดถึงจะพูดออกมา

เมื่อได้ฟังคำพูดนี้ พี่ใหญ่ขมวดคิ้วแน่นพูดด้วยความโกรธ : “รพีพงษ์ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเรา ใช้วิธีการที่เลวทรามต่ำช้าเช่นนี้ หากครั้งหน้าฉันเจอเขา จะต้องได้เห็นดีกับเขาแน่”

ระหว่างที่พูดจาก็กัดฟันด้วยความเกลียดชัง ไม่เต็มใจที่จะพ่ายแพ้อย่างมากๆ

พี่สามพูดอย่างจนใจ : “เพียงแค่ พี่ใหญ่พวกเราไม่รู้จะออกไปยังไง จนถึงตอนนี้ฉันก็ยังหาทางออกไม่เจอเลย ขืนเป็นแบบนี้ต่อไปคงไม่ได้การแล้ว”

“ไม่ต้องเป็นกังวล อีกเดี๋ยวก็มีทางออก ฉันไม่เชื่อหรอกนะว่าไอ้หมอนั้นจะขังพวกเราทุกคนไว้ที่แห่งนี้ได้”

พวกเขาชนกระแทกข้างในอย่างมั่วซั่ว รพีพงษ์เห็นถึงสถานการณ์ข้างใน อดไม่ได้ที่จะเผยรอยยิ้มออกมา

คนของสวรรค์ล้วนแต่ชอบพูดจาโอหังกันเหรอ เรื่องเดียวที่เขาคิดในใจตอนนี้มีเพียงแค่เรื่องของหนูลินและอารียาเท่านั้น

เมื่อกี้ที่ตัวเองถามขึ้นมาไม่มีใครพูดจา หนูลินและอารียาน่าจะไม่เป็นอะไรแน่ ไม่งั้นพวกเขาจะต้องเอาชีวิตของลูกสาวและภรรยาของตัวเองมาข่มขู่ตัวเองย่างแน่นอน

โลกนั่นที่รพีพงษ์วาดสร้างขึ้นมายืนหยัดได้เพียงครึ่งชั่วโมงเท่านั้น หลังจากนั้นพวกเขาก็ออกมาได้ จะต้องไปหาตระกูลภูสรีดาวอย่างไม่จบไม่สิ้นแน่

รพีพงษ์จะไปที่ตระกูลภูสรีดาวไม่ได้ กลัวว่าจะพลอยทำให้ตระกูลภูสรีดาวซวยไปด้วย ในช่วงเวลานี้จะต้องจัดการนรเทพให้เรียบร้อย ไม่สามารถให้นรเทพหลุดพ้นจากการควบคุมไปได้เด็ดขาด

เขามาถึงหน้าประตูตระกูลภูสรีดาว ให้คนที่เฝ้าประตูไปตามบวรวิทย์ออกมา บวรวิทย์อยู่ในห้องหนังสือของพ่อ มีลูกน้องไปเรียกเขา รู้สึกมึนงงอย่างมาก

เดินออกไป รพีพงษ์กำลังยืนรอเขาอยู่ที่หน้าประตูใหญ่

“ทำไมถึงไม่เข้าไปล่ะ ทำตัวห่างเหินกันเหรอ?” บวรวิทย์ก้าวเดินเข้ามา ตบๆที่ไหล่ของรพีพงษ์แล้ว

“ไม่ใช่แน่นอน ฉันถูกคนจับตามองอยู่ จะทำให้ตระกูลภูสรีดาวของพวกคุณเดือดร้อนไปด้วยไม่ได้” รพีพงษ์ยิ้มเบาๆ “ถ้าหากตระกูลภูสรีดาวได้รับความเดือดร้อนเพราะฉัน งั้นก็ยิ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรอย่างมาก”

บวรวิทย์ยิ้มอย่างไม่สนใจ : “คุณและฉันในตอนนี้ต่างก็ตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกันมาตั้งนานแล้ว แม้ว่าคุณอยากจะแยกกันก็ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น รู้ไหมว่าคนที่โจมตีคุณเป็นใครกัน?”

“ไม่รู้นะ แต่จากที่ฉันคาดเดาน่าจะเป็นคนของนรเทพ เว้นแต่คนทางฝั่งนรเทพแล้ว ฉันก็คิดไม่ถึงว่าจะเป็นใครได้นะ”

รพีพงษ์สูดลมหายใจเข้าลึกๆ บวรวิทย์ขมวดคิ้ว นรเทพก็เป็นแบบนี้แล้ว ยังจะมีคนกังวลถึงเขาอีกเหรอ?

เขามองไปยังรพีพงษ์เอ่ยถามรพีพงษ์ว่าคิดจะทำยังไงต่อไป รพีพงษ์นำคำพูดที่นราธิปคุยกับเขาบอกให้บวรวิทย์ได้ฟัง บวรวิทย์แทบอยากจะไปเอาต้นคงจิตนั่นกับรพีพงษ์ด้วย

เมื่อพิจารณาถึงสถานการณ์ที่เมืองแฟรี่ เขาไม่สามารถจากไปได้

บวรวิทย์เตือนรพีพงษ์ : “สัตว์ประหลาดหิมะที่ภูเขาหิมะซีหลิงมีเยอะมาก ล้วนเป็นสัตว์ในตำนานที่มีการฝึกฝนมากกว่าพันปี คุณไปที่นั่นอันตรายอย่างมาก จะต้องเตรียมไปให้ดี” ในระหว่างคำพูดล้วนมีแต่ความเป็นห่วง

รพีพงษ์แบมือยักไหล่ พูดกล่าว : “ฉันผ่านประสบการณ์มามากมายขนาดนี้ รอดจากเหตุการณ์ที่เลวร้ายมาได้ ครั้งนี้จะต้องสำเร็จแน่นอน คุณวางใจเถอะ ”

ครั้งนี้ที่ฉันมาหาคุณ ก็เพราะต้องการให้คุณช่วยดูแลปัณฑาเจ้าเด็กนั่นให้ดี แล้วก็ผลินด้วย แม่ของเธอฝากฝังเธอไว้กับฉัน จะให้เกิดเรื่องขึ้นกับเธอไม่ได้

บวรวิทย์พยักหน้า เขาคิดว่า รพีพงษ์ไม่อยู่ นี่เป็นความรับผิดชอบที่ไม่สามารถบอกปัดได้

รพีพงษ์ได้รับคำตอบของบวรวิทย์แล้ว โล่งอกครู่หนึ่ง รพีพงษ์มองไปยังบวรวิทย์อย่างละอายใจ : “ฉันรู้ นรเทพอยู่ที่ตระกูลภูสรีดาว จะต้องสร้างความเดือดร้อนให้กับตระกูลภูสรีดาวไม่น้อยเลย ฉันขอรับรองว่า ฉันจะรีบกลับมาอย่างแน่นอน”

“พูดมากขนาดนี้ทำไมกัน เห็นเป็นคนอื่นคนไกลแล้วนะ อยากจะบอกลาพวกเขาสักหน่อยไหม?” ทันใดนั้นสีหน้าแววตาของบวรวิทย์ก็เคร่งขรึมขึ้นทันที เขารู้ว่าเส้นทางนี้จะต้องอันตรายและยากลำบากเป็นแน่ พยายามที่จะไม่ทำให้อารมณ์ของตัวเองแปรปรวน

รพีพงษ์พูดกล่าว : “เด็กน้อยอย่างคุณหวังว่าฉันไปแล้วไม่กลับมาจริงๆเหรอ นี่มันไม่จำเป็นเลย นิสัยของผลินจะต้องตามตื๊อฉันอย่างแน่นอน พาเธอไปด้วยก็ไม่ค่อยสะดวก”

ขณะที่รพีพงษ์นึกถึงผลินขึ้นมา ก็นึกถึงอารียาแล้ว ถ้าหากคนที่อยู่ตำหนักอ๋องในวันนี้เป็นอารียา เขาจะต้องพาอารียามาด้วยแน่นอน

สามีภรรยาควรที่จะลงเรือลำเดียวกัน ช่วยเหลือซึ่งกันแล้วกัน……

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท