พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1612 เสร็จแล้วก็ต้องกลับไป

บทที่ 1612 เสร็จแล้วก็ต้องกลับไป

จิรันดน์ทนเห็นพ่อตนเองเป็นอะไรไปไม่ได้ จะว่าไปแล้ว ทุกอย่างที่พ่อเขาทำลงไปทั้งหมด ก็เพื่อตัวเขานั่นแหละ

พอเห็นท่าทางของจิรันดน์ เทวเทพก็โมโหเพิ่มไปอีก พ่อลูกคนอื่นเขามีใจคิดเหมือนกัน แต่ทำไมบวรวิทย์ถึงไม่ยอมฟังอะไรตนเองเลย?

มีเพียงสองพ่อลูกมีใจไปในทางเดียวกัน ครอบครัวถึงจะสงบสุขเจริญรุ่งเรือง เทวเทพก็มองวัยรุ่นตรงหน้า แล้วพูดว่า “การรับปากของเอ็งมันไม่ได้ผลอะไรหรอก พ่อเอ็งเป็นคนแบบไหนเอ็งไม่รู้หรือไง?”

คำพูดนี้เป็นความจริง จิรันดน์รู้ดีว่าไม่มีทางเปลี่ยนความคิดของพ่อตนเองได้ จากเรื่องนี้ ไม่ว่าอย่างไรนฤเบศร์ก็จะไม่ทำเรื่องโง่เด็ดขาด

เรื่องที่ก่อขึ้นทั้งหมด ตอนนี้ก็ได้รับกรรมแล้ว เขาไม่มีเหตุผลที่ต้องหน้ามืดตามัวต่อไป

นฤเบศร์ถูกบวรวิทย์ตีจนสลบ ตอนนี้ฟื้นขึ้นมาก็ยังไม่ได้สติดี เขารู้ว่าเทวเทพไม่ชอบเขา ตอนนี้มาตกอยู่ในมือของเทวเทพ เทวเทพคงไม่ปล่อยตนเองไปง่ายๆ แน่ แล้วก็พูดกับจิรันดน์ว่า “จะเป็นจะตายก็ปล่อยไปตามกรรม เอ็งจะลดตัวไปขอร้องมันทำไม?”

พอได้ยินดังนั้น จิรันดน์ก็โมโหเล็กน้อย ถึงแม้ปากเขาจะบอกว่าไม่ยอมยินยอม แต่ก็ไม่ได้คิดจะทำร้ายเขาจริงๆ การกระทำของเขานี้ช่างขำสิ้นดี

เทวเทพยิ้มเย็น “ศัตรูอยู่ตรงหน้า กูไม่มีเวลาจะมาหาเรื่องกับมึง แต่ว่ามึงจะมาอยู่ที่นี่ไม่ได้ ไม่งั้นจิตใจของกองทัพจะไม่นิ่ง”

เทวเทพก็ไม่ได้เป็นคนดีอะไร เขาอยากจะฆ่าจิรันดน์ แต่พอนึกขึ้นได้ ว่าเขาถูกบวรวิทย์ช่วยออกมาอย่างยากลำบาก ถ้าไปฆ่าทิ้ง ก็จะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกเกิดช่องว่างขึ้น ความคิดพวกนี้ก็เลยต้องเอาวางไว้อีกด้านหนึ่ง

ตอนนี้บวรวิทย์ก็พูดขึ้นว่า “พ่อครับ ถ้าไม่ให้อยู่ที่นี่ แล้วจะให้ไปอยู่ไหน?”

เทวเทพก็พูดอย่างเอือมระอาว่า “มันจะต้องมีที่ให้มันไปอยู่แหละ เอ็งก็พาคนไปที่ภูเขาสองกระบี่ แล้วก็ถือโอกาสพาไอ้หมอนี่ไปด้วยเลยแล้วกัน”

ตอนที่เทวเทพพูดนั้น ก็มองจิรันดน์ไปด้วย นฤเบศร์ต้องการคนคอยดูแล ให้จิรันดน์ตามไปด้วยจะได้ช่วยดูแลได้ดี

เทวเทพไม่ได้คิดเป็นศัตรูกับจิรันดน์ เรื่องของผู้ใหญ่เด็กไม่เกี่ยว อีกอย่างเขากับลูกชายตนเองก็สนิทกันดี

ถ้าก่อนหน้านี้ไม่มีเขาอยู่ บวรวิทย์ก็คงไม่รอดจากตระกูลพิมพ์สารมาได้

จิรันดน์ก็มองเทวเทพอย่างซาบซึ้ง แล้วพูดว่า “ผู้อาวุโสครับ หลังจากพวกเราไปแล้ว ทางนี้จะเกิดเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ?”

เทวเทพก็ถือว่าเป็นคนที่มีหน้ามีตาอยู่เหมือนกัน ถ้าเขามีปัญหาอะไร ต่อให้คนอื่นจะคิดอย่างไรก็คงไม่พูดอะไรออกมาหรอก

“เรื่องที่นี่คุณไม่ต้องสนใจ เดี๋ยวผมจัดการเอง” บวรวิทย์พูดกับจิรันดน์

เนื่องจากพ่อของจิรันดน์เกือบจะเป็นอะไรไป ไม่ว่าใครก็คงจะไม่สามารถตั้งสติกลับมาได้เร็ว ดังนั้น ตอนนี้จิรันดน์ก็ค่อนข้างกลัวจนตัวสั่นๆ

เทวเทพก็ไม่อยากให้พวกเขามาพูดเรื่องความสนิทสนมกันแบบเพื่อนพ้องที่นี่ เขารู้สึกว่าตนเองตัดสินใจได้แบบนี้ก็ถือว่าไม่ง่ายแล้ว

เทวเทพเดินออกไป บวรวิทย์ก็โล่งใจ มักรู้สึกว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าเทวเทพ เหมือนว่ามีพลังอะไรบางอย่างมากดดันตนเองไว้จนแทบจะหายใจไม่สะดวก

ที่สำคัญคือมีเรื่องที่จะขอร้องต่อเทวเทพ ดังนั้นท่าทางก็เลยจะแข็งกร้าวไม่ได้ ไม่อย่างนั้นสองพ่อลูกก็คงไม่ได้เข้าใจกันดีแบบนี้

จิรันดน์ก็มองรพีพงษ์อย่างกังวล แล้วพูดว่า “ผมไม่แรงแม้แต่จะฆ่าไก่สักตัว ถ้าระหว่างทางเกิดอะไรไม่คาดคิดขึ้นมา ก็ไม่มีความสามารถไปรับมือไว้ได้ บวรวิทย์ ตอนนี้พ่อของผมถูกทหารของนรเทพจับจ้องอยู่ จะออกไปแบบนี้ไม่ได้ คุณไปส่งผมทีเถอะ”

ระหว่างจิรันดน์กับบวรวิทย์ ไม่เคยที่จะต้องมาเกรงใจอะไรกัน บวรวิทย์พยักหน้าตอบรับมา คำโบราณว่าไว้ช่วยคนก็ต้องช่วยให้ถึงที่สุด เขาเลยไม่มีเหตุผลที่จะไม่ไปส่งพวกเขา

พอออกไปก็ไม่ได้พูดอะไรกับเทวเทพ เทวเทพก็รู้ความคิดของบวรวิทย์ ตอนนี้ไม่มีวิธีอื่นจะแก้ไขได้แล้ว ไปก็ไปเถอะ

บวรวิทย์ยังออกไปได้ไม่ไกล เขาก็สั่งบวรวิทย์ว่า “ระหว่างทางก็ระวังด้วย ทหารของนรเทพคงไม่อยู่แต่ในพื้นที่ของเมืองแฟรี่อย่างเดียว”

บวรวิทย์ตอบรับ จริงๆ แล้วรพีพงษ์ก็คิดไม่ถึงว่า เทวเทพจะปล่อยนฤเบศร์ไป ด้วยนิสัยของเขา ไม่ว่าอย่างไรก็คงจะฆ่านฤเบศร์ทิ้งแน่ๆ

เพราะถึงอย่างไรจิรันดน์ก็ไม่มีพลังอะไรแล้ว ถ้าอยากจะฆ่านฤเบศร์ จิรันดน์ก็ไม่มีกำลังที่จะแก้แค้นได้

ระหว่างทางไปนั้นก็ไม่ค่อยสงบนัก รพีพงษ์ก็ค่อนข้างกังวลบวรวิทย์ ก็เลยเดินไปข้างบวรวิทย์ แล้วบอกว่า “ผมไปด้วยไม่ได้ แต่ระหว่างทางคุณก็ระวังตัวด้วย เข้าใจแล้วนะ?”

“ผมเองก็ไม่ใช่เด็กแล้ว คุณวางใจเถอะ ไม่เป็นอะไรหรอก”

รพีพงษ์ก็มองจิรันดน์ จิรันดน์รู้สึกผิดในใจ ก่อนหน้านี้ยังเคืองที่รพีพงษ์ทำลายพลังวิชาของพ่อตนเอง ดังนั้นก็เลยเกิดเรื่องขึ้นมาทั้งหมดนี้ ตอนนี้ดูเหมือนว่าตนเองจะคิดเล็กคิดน้อยไปเอง

รพีพงษ์ก็ไม่ได้พูดอะไร แค่มองนฤเบศร์ไป การกระทำของนฤเบศร์ทำให้เขายอมซูฮก ตนเองก็มีลูกเหมือนกัน ถ้าเกิดว่ามีวันนั้นจริงๆ ตนเองก็คงทำเหมือนกับนฤเบศร์

ขอเพียงพวกเขาไม่อยู่ที่นี่ ก็สามารถอธิบายกับคนอื่นๆ ได้แล้ว ตอนที่ไปฆ่าพวกเขา พวกเขาก็ได้หนีไปแล้ว ไม่ค่อยเข้มงวดมากนัก แต่ถ้าไม่ใช่เพราะคนนั้นโง่ไป ก็คงไม่ตามเอาเรื่องอะไร

ตอนนี้ที่เมืองแฟรี่วุ่นวายไปหมดแล้ว ไม่ได้มีสภาพแบบเดิมแล้ว ผู้ที่อาศัยอยู่ในโลกของรพีพงษ์ก่อนหน้านี้ ไม่สนใจว่าด้านนอกจะเกิดอะไรขึ้น

ปริตรมองไป ก็เห็นว่าคนตายไปพอสมควรแล้ว เขาก็พูดกับรพีพงษ์ว่า “พวกเราจะให้โอกาสฝั่งตรงข้ามพลิกตัวกลับมาไม่ได้ ที่ผมทำได้ก็มีเพียงเท่านี้แหละ ที่เหลือก็ให้พวกคุณจัดการก็แล้วกัน”

เมืองแฟรี่ภูเขาเคลื่อนแผ่นดินไหว!

ตอนนี้ ผู้คนได้ตายไปไม่น้อยแล้ว เดชาก็อาเจียนอยู่อีกฝั่งไม่หยุด ลูกน้องรอบกายเขาก็เป็นกังวลมาก พวกเขาคิดไม่ถึงว่า เรื่องมันจะเป็นแบบนี้

พวกเขายังไม่ทันตั้งตัวได้ ด้านนอกก็มีคนเข้ามา “แย่แล้ว ท่านแม่ทัพ กองทัพที่เราตั้งอยู่ด้านนอกเมืองแฟรี่ถูกโจมตี ตอนนี้จะทำอย่างไรดี?”

เดชาก็ตอบสนองกลับมา แล้วก็รับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ลูกน้องข้างๆ ก็มองเขาอย่างกังวล เขานั่งลงพื้นอย่างหมดแรง พร้อมพูดว่า “กูคิดมาตลอดว่าพวกมันซ่อนตัวอยู่ จริงๆ แล้วไม่ได้หลบซ่อน แต่แค่ไม่อยากจะออกมาเอาเรื่องกับพวกเราเท่านั้นเอง พวกมันตั้งใจจะทำให้พวกเราเสียพลังเทพไป พอพวกเราเสียสติไป พวกมันก็จะบุกโจมตี จนพวกเราพ่ายแพ้ย่อยยับ!”

เดชาต้องยอมรับว่าฝั่งตรงข้ามเก่งจริงๆ บวรวิทย์เข้ามาช่วยคนต่อหน้าต่อตาตนเองไปได้ ก็แสดงให้เห็นถึงพลังของเขาได้แล้ว

เขาเป็นเพียงหนึ่งในนั้นเท่านั้น ในเมืองแฟรี่ยังมีคนเก่งอีกมากมาย เดชาไม่เชื่อว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่จะเป็นภัยธรรมชาติธรรมดา

เขาหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดเสียงดังว่า “ทุกคนลุกขึ้น ไม่ต้องนั่งต่อแล้ว ไปช่วยกัน”

ทหารที่ตั้งทัพอยู่นอกเมือง เป็นทหารส่วนใหญ่ ตอนนี้พวกนั้นโจมตีมาจากทางด้านหลัง ตนเองจะบุกเข้าไปจากที่นี่ พวกนั้นจะได้คิดไม่ถึง

รพีพงษ์ก็มองเดชาอยู่อีกฝั่ง แล้วก็ยิ้มๆ ความคิดของเขาไม่ธรรมดา แต่กำลังทหารของเมืองแฟรี่ก็ไม่ได้อ่อนแอ เขาคิดไม่ถึง่วาด้านหลังยังมีอีก

เทวเทพและพวกของนราธิปล้วนเป็นยอดฝีมือ ในด้านการรบ เดชาต้องตกอยู่กำมือของพวกเขาแน่นอน

นราธิปเข้ามาถามข้างๆ รพีพงษ์ว่า “ปัณฑาจะกลับมาตอนไหน รู้ไหม?”

รพีพงษ์ก็ยิ้มเบาๆ พูดว่า “เรื่องที่ผมให้เธอไปจัดการ มันยังไม่สำเร็จ ก็คงยังกลับมาไม่ได้หรอก แต่ว่าคงอีกไม่นาน ผมก็ต้องไปจากเทวโลกแล้ว”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท