พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1618 ศัตรูที่อยู่ในป่า

บทที่ 1618 ศัตรูที่อยู่ในป่า

รพีพงษ์ก็ยิ้ม อสูรเทพแบบนี้ ที่ไหนก็มี ขอเพียงตนเองต้องการฝึกมัน ขอเพียงตนเองได้ฝึก ตัวไหนก็ยอมฟังคำสั่งทั้งนั้น

รพีพงษ์รู้สึกว่า ที่จะฝึกอสูรเทพตัว ขอเพียงให้มาอยู่ฟังคำสั่งข้างกายตนเองก็พอ มันอยากจะฝึกวิชาแล้วได้ร่างคนไม่ใช่หรือ เรื่องนี้ไม่ยาก

ขอเพียงตอนที่ตนเองกลั่นยาเม็ดนั้น แล้วก็แบ่งให้มันกินสักหน่อย นานไป ตัวมันเองก็สามารถค่อยๆ ฝึกวิชาไปด้วย การจะได้ร่างคนก็ไม่ใช่เรื่องยาก ต่อให้เป็นเส้นทางที่จะฝึกตนเป็นเซียนก็สามารถพามันฝึกด้วยได้

รพีพงษ์พูดกับเทวเทพว่า “ได้แน่นอน ถ้ามีสัตว์พาหนะ ไม่ว่าจะทำอะไรก็สะดวก”

รพีพงษ์รู้สึกว่า มีเจ้าตัวนี้มาอยู่ด้วย จะเดินทางไปไหนก็ไม่ค่อยเหนื่อย มีเจ้านี่สามารถจัดการได้หลายเรื่องมากขึ้น ช่วยป้องกันภัย ช่วยรบได้หมด

กิเลนคิดว่าไม่ใช่เพราะกระบี่สยบเซียนของรพีพงษ์ เขาไม่ได้เข้าใจผิด ไม่มีทางที่จะถูกรพีพงษ์เอาชนะได้เร็วขนาดนี้ ครั้งนี้เขาโชคดี ถ้าเป็นเวลาอื่นล่ะก็ ไม่แน่

แพ้ก็ต้องยอมรับ ได้รับปากรพีพงษ์ไปแล้ว ว่าจะเป็นสัตว์พาหนะให้ เช่นนั้นก็จะมาเสียใจภายหลังไม่ได้ ยิ่งกว่านั้น รพีพงษ์ยังช่วยชีวิตตนเองด้วย

เทวเทพมองกิเลนอย่างอิจฉา อสูรเทพตัวนี้ดูไปแล้วเหมือนจะร้าย แต่พอเห็นว่าอยู่ภายใต้การควบคุมของรพีพงษ์จนเชื่องขนาดนี้ เขาก็อยากจะมีบ้างสักตัวหนึ่ง

อยากจะมีสักตัวมันง่าย แต่จะให้ได้แบบของรพีพงษ์ คงยาก

เขายิ้มเบาๆ แล้วก็เดินวนรอบกิเลนหลายรอบ กิเลนก็จามออกมา เล่นเอาเทวเทพตกใจอึ้งไป

กิเลนก็มองเย้ยเขา แล้วพูดว่า “ปอดแหกแบบเจ้าเนี่ยนะ อสูรเทพแบบข้าไปอยู่กับเจ้า เจ้าก็กลัวเสียมากกว่า”

พอได้ยินดังนั้น เทวเทพก็หน้าเสีย ปากก็บ่นว่า “ข้าต้องการอสูรเทพ แต่ไม่ได้จะเอาแบบนี้หรอก อย่างน้อยก็ต้องน่ารักเหมือนกับหมาแมว แบบเจ้าเนี่ยน่าเกลียด”

กิเลนก็ไม่อยากจะสนใจเทวเทพ ต่อให้เทวเทพเก่งแค่ไหน ก็ไม่สามารถควบคุมตนเองได้หรอก ถ้าไม่ใช่เพราะกระบี่สยบเซียนในมือของรพีพงษ์ล่ะก็ ใครจะฆ่าใครก็ไม่แน่

รพีพงษ์นั้นเก่งจริง รับปากกับรพีพงษ์ไป ไม่มีผิดแน่ เป็นคนต้องมีสัจจะ เป็นสัตว์ก็ต้องเหมือนกัน

รพีพงษ์และเทวเทพก็เข้าไปในตำหนักอ๋อง เทวเทพเข้าไปก็ถามว่า “ตอนนี้ทางฝั่งนั้นเป็นอย่างไรบ้าง คนของนรเทพเคลื่อนไหวอะไรบ้างไหม?”

“ไม่ได้มีความเคลื่อนไหวอะไร แต่พวกเราก็จะวางใจไม่ได้ ไม่อย่างนั้นสุดท้ายแล้วพวกเราจะแก้อย่างอนาถ”

บวรวิทย์คิดเหมือนกับรพีพงษ์ จะต้องมีคนคอยเฝ้าดูอยู่ที่นั่นตลอด เพราะว่า เพราะไม่มีทางรู้ว่าพวกนั้นคิดอะไรอยู่

“ไม่อย่างนั้น พวกเราจะมีวิธีไหนกันอีกล่ะ?”

เทวเทพขมวดคิ้ว รู้อยู่ว่าข้างในนั้นไม่ใช่สถานที่ปลอดภัย คนของตนเองก็เข้าไปไม่ได้

เฝ้าดูอยู่ข้างนอกแบบนี้ มันก็ไม่ได้เป็นการสร้างแรงกดดันอะไรให้พวกนั้นเลย เขามองรพีพงษ์ หวังว่ารพีพงษ์จะคิดแผนอะไรออก

รพีพงษ์กลับมา ก็เอาแผนกลับมาด้วยไม่ใช่หรือไง ไม่อย่างนั้นก็คงไม่พูดเรื่องนี้ขึ้นมาหรอก

รพีพงษ์ถามบวรวิทย์ว่า “บวรวิทย์ คุณมีแผนอะไรดีๆ ไหม?”

“คุณรู้อยู่ ว่าผมเป็นคนชอบลงแรงทำงาน ถ้าคุณมาให้ผมวางแผน ผมคงไม่มีปัญญาหรอก คุณลองว่ามาก่อน ถ้าผมว่ามันโอเค พวกเราก็ค่อยลงมือจัดการ เป็นไง?”

ตอนนี้รพีพงษ์ก็ยังไม่มีแผนอะไรดีๆ ได้แต่พูดกับบวรวิทย์ไปว่า “ผมไม่เคยเข้าไปข้างใน ไม่รู้ว่าข้างในมีอะไรบ้าง แต่ว่าตอนนี้พวกเราจะวางใจอะไรไม่ได้ ขณะเดียวกันก็ต้องรอดูสถานการณ์ไปด้วย กำลังของทุกคนรับไว้ไม่ไหวหรอก พวกเราจะต้องรีบไปผลัดเวร”

ผลินจะอยู่กับรพีพงษ์ ก็เลยเผยความต้องการออกมา ไม่ว่าพวกเขาจะเปลี่ยนเวรกันอย่างไร ตนเองก็จะต้องอยู่กับรพีพงษ์

บวรวิทย์ได้ยินคำของผลิน ก็รู้สึกน่าตลก ต่อให้นังหนูคนนี้ไม่พูด ทุกคนก็คงจะคิดเผื่อผลินอยู่แล้ว

รพีพงษ์ไม่ยอมอยู่กับผลิน นังหนูนี่บางทีก็น่ารำคาญ แต่ตนเองพูดออกมาไม่ได้ ไม่ว่าผลินทำอะไร นั่นก็เพราะว่าชอบตนเองทั้งนั้น ถ้าอยู่กับคนที่ตนเองไม่ชอบ เธอก็คงไม่ทำแบบนี้หรอก

บวรวิทย์พยักหน้า แล้วก็เห็นด้วยกับแผนนี้ “ผมคิดว่าเรื่องนี้ทำได้ เพราะถึงอย่างไรพวกเราก็ไม่มีแผนที่ดีกว่านี้แล้ว และยิ่งออกไปจากที่นั่นไม่ได้ด้วย”

เมื่อคืนวาน บวรวิทย์ได้ไปตรวจดูรอบๆ เมืองแฟรี่แล้ว ตอนนี้เมืองแฟรี่เหมือนกับบ่อขยะ ทุกอย่างไม่เหมือนก่อนแล้ว มีการเปลี่ยนแปลงไปมาก

เขาหวังว่าจะทำทุกอย่างให้มันจบโดยเร็ว จะได้เปลี่ยนให้เมืองแฟรี่กลับมาเป็นเหมือนเดิม

เพราะถึงอย่างไรนี่ก็คือสถานที่ที่เขาเติบโตมา เขาไม่อยากให้ที่นี่เป็นแบบนี้ต่อไป ในโลกห้วงเวลาที่รพีพงษ์สร้างไว้นั้น จริงๆ แล้วเขาก็อยากเข้าไปดู แล้วก็ได้กับชับกับรพีพงษ์ไปว่า ห้ามทำลายโลกห้วงเวลานั้น ที่นั่นมันเป็นความทรงจำ และเป็นแบบจำลองที่จะเอามาสร้างเมืองแฟรี่ขึ้นมาใหม่ด้วย

รอเรื่องทุกอย่างจบลง แล้วทุกคนร่วมมือกันก็ไม่ใช่เรื่องยาก รพีพงษ์รู้ดี

แล้วก็บอกให้บวรวิทย์วางใจ ตนจะไม่ทำลายเมืองจำลองของเมืองแฟรี่แน่นอน แต่ตอนนี้โลกด้านนอกยังจัดการไม่เรียบร้อย จะสร้างเมืองแฟรี่ขึ้นมาใหม่ คงต้องรอหลังจากนี้

ปริตรก็ออกมาพูดว่า “พวกเราจะดูอยู่อย่างนี้ไม่ได้ จะต้องคิดหาวิธีเข้าไป”

“เข้าไปงั้นหรือ? พวกเราไม่รู้สภาพด้านในนั้นเลยนะ คนมากมายแบบนี้ เข้าไปตายหมดน่ะสิ!” เทวเทพพูดอยู่ข้างๆ

ปริตรยิ้มเบาๆ “ที่ผู้อาวุโสพูดมาก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล แต่ว่าพวกเราต้องมาคิดดู จริงๆ แล้วพวกนั้นก็ไม่ค่อยรู้สภาพภายในป่าต่างจากพวกเราเท่าไรหรอก ก็เพิ่งเข้าไปได้ไม่นานไม่ใช่หรือไง พวกเราจับจุดนี้ได้ แล้วคิดแผนกันดู ก็ง่ายขึ้นแล้วไม่ใช่หรือ?”

เทวเทพพยักหน้า ที่ปริตรพูดมาก็มีเหตุผล

รพีพงษ์ก็บอกว่า “กิเลน สัตว์พาหนะของผมออกมาจากในป่านั้น ถ้าให้สัตว์พาหนะของผมพาพวกเราเข้าไป ก็จะง่ายขึ้นมาก ถ้ำของกิเลน ก็ถูกพวกเดชาเข้าไปรุกราน กิเลนสามารถหาพวกนั้นพบได้อย่างรวดเร็ว”

รู้ว่าด้านในป่านั้น ไม่ใช่ที่ที่สามารถอยู่นานได้ ดังนั้นพวกนั้นจะต้องหาทางออกมาเหมือนกัน

รพีพงษ์ไม่คิดว่าพวกนั้นจะกลับออกมาทางเดิม เพราะว่าไม่รู้ว่าป่านั้นใหญ่แค่ไหน……..

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท