พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1619 แค่เห็นก็จำได้

บทที่ 1619 แค่เห็นก็จำได้

ปริตรได้ยินคำของรพีพงษ์ ก็รู้สึกว่ามีเหตุผล ขอเพียงมีคนที่คุ้นเคยกับด้านใน ฝั่งตนเองก็จะสามารถทำความเข้าใจสภาพภายในได้ง่ายขึ้น

ปริตรก็รู้ดีว่า ทั้งหมดเป็นเพราะกลยุทธุ์วิทยาหารของตนเอง ตอนนี้กว่าจะโจมตีให้พวกนั้นพ่ายแพ้ได้ จะให้พวกนั้นฟื้นตัวมาโจมตีเราอีกไม่ได้

อย่างอื่นไม่ต้องพูดถึง ต่อให้พวกนั้นฟื้นตัวกลับมาได้ ตนเองก็คงมีจุดจบที่ไม่ดีนัก

ตั้งแต่เรื่องของนรเทพ ก็มีตนเองมาโดยตลอด ถ้าตนเองไม่เตรียมพร้อมให้มากพอ ก็จะถูกคนอื่นฆ่าแกงตามอำเภอใจ

ตอนนี้ทุกคนอยู่ด้วยกัน รุ่งโรจน์ดับสิ้นด้วยกัน ถ้ามีคนใดคนหนึ่งเกิดเรื่อง ชีวิตของคนอื่นที่เหลือก็คงไม่มีอะไรดี

ปริตรยิ้มพูดว่า “ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นก็จัดการง่ายขึ้น รพีพงษ์ สัตว์พาหนะของคุณรู้เรื่องด้านในดี ในเมื่อคนของนรเทพไปยึดถ้ำมันไว้ ไม่สู้อาศัยจังหวะนี้ไปช่วยยึดเอาถ้ำของสัตว์พาหนะคุณคืนมา คุณคิดว่าไง?”

“ผมไม่มีอะไรคัดค้านอยู่แล้ว แต่ว่าพวกเราต้องเตรียมตัวให้พร้อมที่สุด เดี๋ยวให้สัตว์พาหนะของผมเล่าสภาพด้านในออกมาให้ฟัง”

ทหารพวกนั้นของนรเทพก็ไม่ได้โง่ เดชาก็ยิ้งฉลาด กิเลนคุ้นเคยกับสภาพด้านในเป็นอย่างดี ถ้ามีกิเลนนำทางไป คนของพวกเขาที่เข้าไปอาจจะไม่ถูกพบเข้าได้ง่ายๆ

เมื่อคิดแบบนี้แล้ว บวรวิทย์ก็ยิ้มอย่างชื่นใจ “ว่ากันว่าการแก้ปัญหามักจะมีมากกว่าปัญหา ขอเพียงทุกคนร่วมใจกัน ผมไม่เชื่อว่าจะมีเรื่องไหนที่พวกเราแก้ไขไม่ได้อีก”

ปริตรก็มองรพีพงษ์ ต้องขอบคุณที่รพีพงษ์ได้กิเลนมาจากด้านใน แต่ก็ต้องมั่นใจว่ากิเลนนั้น จะซื่อสัตย์ต่อรพีพงษ์ ไม่อย่างนั้นล่ะก็ ไม่เพียงจะเสียแผนกันหมด แถมยังจะเป็นการทำร้ายทุกคนด้วย

กิเลนนั้นเชื่อถือได้อยู่แล้ว รพีพงษ์รู้นิสัยของกิเลน ไม่ต้องให้ทุกคนมาตัดสิน

กิเลนอยู่ด้านนอกของตำหนักอ๋อง พอเห็นรพีพงษ์มองออกมา ก็ถามว่า “เจ้านาย พวกเรากลับกันได้หรือยัง?”

“ต่อไปไม่ว่าข้าจะไปที่ไหน เจ้าก็ต้องไปด้วย ข้าอยู่ที่ไหน ที่นั่นก็คือบ้านของเจ้า ที่เจ้าบอกว่าจะกลับไป หมายถึงกลับถ้ำเจ้าใช่ไหม?”

พอได้ยินคำของรพีพงษ์ กิเลนก็รู้สึกว่ามีเหตุผลดี เมื่อครู่ตนเองปากพล่อยไป ตนเองได้เป็นของรพีพงษ์แล้ว จะต้องช่วยเหลือรพีพงษ์อย่างไม่บ่ายเบี่ยง ขอเพียงมีรพีพงษ์อยู่ คำพูดของรพีพงษ์ เขาก็จะมาขัดไม่ได้

เป็นทาสจะต้องมีคุณสมับติของทาสด้วย เขาก็เลยก้มหัวพูดว่า “เจ้านายพูดถูกต้อง”

รพีพงษ์ยิ้มเบาๆ พูดว่า “ถ้าเจ้าจะกลับไปก็ไม่ใช่ไม่ได้ แต่จะต้องพาพวกเราเข้าไปด้วย”

กิเลนมองรพีพงษ์อย่างตกใจ ส่วนรพีพงษ์ก็รู้ว่า ที่กิเลนมาอยู่กับตนเองเพราะคำสัตย์นั้น ที่บอกไว้ว่าจะมาเป็นสัตว์พาหนะของตนเอง แต่ในใจมีเพียงการพ่ายแพ้ให้กับตนเองเท่านั้น

ถ้าครั้งนี้สามารถฆ่าพวกทหารของนรเทพได้จริงๆล่ะก็ กิเลนก็สามารถกลับไปถ้ำตนเองได้ รพีพงษ์ก็คงไม่เอามันมาติดกับตนเองไว้หรอก

มันไม่ยุติธรรมกับกิเลน ที่ตนเองเอาชนะกิเลนได้ ก็เพราะตัวกิเลนที่ประมาท

ถ้ากิเลนไม่ประมาทล่ะก็ ต่อให้รพีพงษ์จะเอาชนะได้ ก็คงไม่เร็วขนาดนั้น

กิเลนคิดไม่ถึงว่า คำพูดนี้จะพูดออกมาจากปากของรพีพงษ์ ตอนนี้มันเป็นสัตว์พาหนะของรพีพงษ์ ทุกอย่างจะต้องให้รพีพงษ์มาก่อน

รพีพงษ์มองสีหน้าตกใจของมัน แล้วก็ยิ้มๆ “ที่ข้าบอกมาทั้งหมด มันมีข้อแลกเปลี่ยนนะ เจ้าจะต้องเอาสภาพทั้งหมดของถ้ำเจ้าบอกกับข้าให้หมด แล้วก็เส้นทางเข้าป่าด้วย ไม่อย่างนั้นข้าจะปล่อยเจ้าทำไมล่ะ?”

พอได้ยินคำของรพีพงษ์ กิเลนก็ยิ้มๆ แล้วตอบว่า “ไม่เห็นมีอะไรยากเลย”

กิเลนคิดไป ขอเพียงตนเองสามารถทำตามในสิ่งที่รพีพงษ์ต้องการได้ งั้นตนเองก็ไม่ต้องอยู่ที่นี่แล้ว จะได้กลับเข้าไปในป่าลึก ไปใช้ชีวิตที่สุขสบายก็ดีเหมือนกัน

รพีพงษ์มองกิเลน แล้วก็ถามว่าจะให้เตรียมกระดาษกับปากกให้กิเลนไหม

ในหัวของกิเลน ก็เกิดภาพด้านในทั้งหมดออกมา แล้วก็ฉายภาพออกมาราวกับภาพยนตร์ รพีพงษ์เห็นแล้วก็อึ้ง “คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะมีความสามารถขนาดนี้”

“ไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลย ข้ามีความจำดี ขอเพียงมีอะไรที่เคยเกิดขึ้นในสมอง ก็จะไม่มีวันลืม แต่ว่านี่คือสภาพในวันที่เขาออกมา ตอนนี้จะถูกพวกนั้นเปลี่ยนแปลงอะไรหรือไม่ ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน”

รพีพงษ์ไม่ได้พูดอะไร อยู่ด้านในไม่นาน ต่อให้พวกนั้นมีใจคิดจะเปลี่ยนแปลงอะไรขึ้นมา ก็คงเป็นไปไม่ได้

ในภาพที่ฉายออกมา ได้เห็นเดชาด้วย เขากำลังนับกำลังพลของตนเองอย่างรีบร้อน และสั่งให้ลูกน้องไม่ต้องกังวล ตอนนี้มีที่พักแล้ว ขอเพียงฝึกวิชาให้ดี ฟื้นคืนพลังกลับมา ก็จะสามารถบุกฝ่ากลับออกไปได้แล้ว

ตอนนี้นรเทพตายแล้ว เขาจะต้องขึ้นดูแลเทวโลกแทนนรเทพแน่ ไม่อาจจะทนเห็นเทวโลกตกไปอยู่ในมือของคนอื่นได้

รพีพงษ์ได้ยินดังนั้นก็ยิ้มเย็น พวกนั้นมีความคิดแบบนี้ แต่ก็จะต้องมีความสามารถที่มากพอ ถ้าไม่มีล่ะก็ พูดมากแค่ไหนก็เป็นไปไม่ได้

นึกไว้แล้วเชียวว่าพวกนั้นคงไม่อยู่เฉย และไม่ได้หวังว่าทุกอย่างจะจบลงง่ายโดยไม่มีปัญหาอะไร

ตั้งแต่ที่เกิดเรื่องขึ้นในวันนั้น สถานการณ์มันก็จะเอาเป็นเอาตายกันข้างหนึ่ง

บวรวิทย์อยู่อีกฝั่ง ก็พูดอย่างไม่พอใจว่า “ไอ้พวกนี้มันแพ้อย่างราบคราบไปแล้ว แต่ยังมีความกล้าเหลืออยู่ขนาดนี้ สมกับที่เป็นคนของนรเทพจริงๆ”

ตอนนั้นถ้าไม่ใช่เพราะพวกของยัยหิมะลงมือนรเทพไป นรเทพก็คิดไม่ถึงว่าจะรักษาศักดิ์ศรีของตนเองไว้ได้

คนของนรเทพก็เหมือนกับนรเทพเอง แต่ว่าเดชาบอกไว้ว่าจะควบคุมทั้งเทวโลกนี้ เทวโลกไม่ได้มีเจ้าของแล้ว ต่อให้เดชามีความคิดแบบใด ก็คงไม่ตกอยู่ในมือของเดชาแน่

ถ้าไม่ใช่เพราะเบื้องหลังมีกำลังทหารมากขนาดนี้ เขาก็คงไม่มีอะไรจะสู้หรอก

ยัยหิมะอยู่อีกฝั่ง แล้วก็เดินมาข้างๆ ปริตร พร้อมพูดว่า “กลยุทธุ์วิทยาหารนั้นร้ายกาจมาก ถ้าสามารถเอาไปใช้ในป่าได้ก็คงไม่เลว”

“ถ้าผมอยากลงมือทำ ก็ไม่มีอะไรยากกว่าที่ผมจะทำได้” ปริตรหันกลับไปมองยัยหิมะ เขาเองก็ไม่เคยเห็นผู้หญิงคนไหนสวยแบบนี้มาก่อน

ความสวยก็เป็นอีกเรื่อง นี่ยังแยกแยะบุญคุณความแค้นได้ ฆ่านรเทพไป นี่ก็ถือว่าเป็นการแก้แค้นให้กับคนที่เคยถูกนรเทพทำร้ายไป

“ขอเพียงผมอยากทำ ก็จะไม่มีที่ไหนมาขวางได้ เพียงแต่ยังไม่รู้สภาพด้านใน จะต้องทำความเข้าใจด้านในอย่างละเอียด ถ้าไม่รู้อย่างละเอียดล่ะก็ กลยุทธุ์วิทยาหารของผมก็จะไม่มีประสิทธิภาพอะไรเลย”

ขณะที่ปริตรพูด ก็มองยัยหิมะอย่างอ่อนโยน ยัยหิมะพยักหน้า แล้วก็ถามรพีพงษ์ว่า “คุณให้กิเลนนึกดูอีกครั้งหน่อย ฉันจะวาดสภาพด้านในออกมา หวังว่าแบบนี้จะสามารถช่วยทุกคนได้”

นรเทพตายไปแล้ว คนของนรเทพก็สมควรตาย ปีนั้นพ่อแม่ของเธอก็ถูกลูกน้องของนรเทพฆ่าตาย คนที่ทำกับพ่อแม่ของเธอ เธอจไม่ปล่อยไว้สักคนเดียว

กิเลนก็เริ่มนึกขึ้นมาอีกครั้ง ยัยหิมะต้องการอุปกรณ์มาวาด แต่ปริตรปฏิเสธว่า “ไม่ต้องหรอก ผมมองครั้งเดียวก็จำได้หมดแล้ว”

ความสามารถที่มองครั้งเดียวแล้วจำได้ไม่ลืมนั้น เขามีความสามารถนี้มานานแล้ว แค่นี้เขาจำได้สบายมาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท