พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1602 ฆ่าเพียงครั้งเดียวสบายตลอดไป

บทที่ 1602 ฆ่าเพียงครั้งเดียวสบายตลอดไป

รพีพงษ์มองไปยังนรเทพอย่างมีความหมายที่ลึกซึ้ง ยิ้มพร้อมพูดกล่าว : “ตายน่ะง่ายมาก มีชีวิตอยู่เหมือนว่าจะยากลำบากกว่านะ”

เมื่อนรเทพได้ยินประโยคนี้ รู้สึกเหมือนว่าตัวเองจะได้รับการดูถูกอย่างมาก ไม่เคยมีใครกล้าทำแบบนี้กับตัวเองมาก่อนเลย วันนี้เสือร่วงสู่พื้นที่ราบ พวกเขาทำยังไง ตัวเองไม่สามารถควบคุมได้เลย ถูกคนเหยียดหยามก็เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

นราธิปที่อยู่อีกฝั่งถอนหายใจอย่างจนใจ มองไปยังสภาพแวดล้อมของเส้นทางที่ลึกลับ สภาพแวดล้อมของเส้นทางลึกลับนี้ เย็นและเปียกชื้น หนูและแมลงสาบวิ่งให้เกลื่อน

นรเทพใช้ชีวิตที่มีเกียรติมั่งคั่งและร่ำรวยมาตลอด ได้รับความไม่เป็นธรรมแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน

คนที่ทำเรื่องเลวๆไว้มาก สุดท้ายผลกรรมก็ต้องตามมา นรเทพก็เป็นแบบนี้ ขอเพียงแค่เขามีจิตใจที่ดีหน่อย ไม่ได้ทำเรื่องเลวๆขนาดนี้ ก็ไม่ถึงขนาดที่ว่าเป็นศัตรูกับทุกคน

ความไม่เป็นธรรมที่นรเทพได้รับตอนนี้ ยังอยู่ห่างไกลจากคนเหล่านั้นที่ถูกเขาฆ่าตาย มีสิทธิ์อะไรที่จะน้อยใจว่าได้รับความไม่เป็นธรรมล่ะ?

บนตัวของนรเทพลากจูงด้วยโซ่เหล็กที่หนักมาก สิ้นหวังอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

แต่ว่า ในความสิ้นหวัง ในใจก็ยังมีความหวังอยู่บ้าง

เขาจะต้องมีชีวิตอยู่ต่อ ขอเพียงแค่ยังมีชีวิตก็ยังมีความหวัง หากตายไปแล้วต่างหากถึงจะไม่มีความหวัง

รพีพงษ์และนราธิปอยู่ที่นี่ก็รู้สึกอึดอัด ออกไปเลย ยัยหิมะรออยู่ข้างนอกอยู่แล้ว เมื่อเห็นพวกรพีพงษ์เดินออกมา ยัยหิมะเดินเข้าไปถาม : “เป็นยังไงบ้าง วิญญาณของลูกสาวคุณได้มาแล้วยัง?”

“ได้มาแล้ว ฉันพยายามมาอย่างหนัก วันนี้วิญญาณมาอยู่ในมือของฉันแล้ว ทุกอย่างที่ทำมาทั้งหมดก่อนหน้านี้ล้วนแต่ตอบแทนกลับมาแล้ว คุ้มค่ามาก”

เมื่อรพีพงษ์พูด ใบหน้าก็เผยรอยยิ้ม ตอนนี้ก็รอเพียงแค่ตัวเองกลับไปรักษาหนูผลินให้หายดีเท่านั้น ครอบครัวก็จะได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขแล้ว คนนอกจะเป็นอย่างไร เขาคงไม่ไปสนใจอะไรมากมายแล้ว

ยัยหิมะก็มีความสุข พูดกล่าว : “ในเมื่อนรเทพไม่มีประโยชน์แล้ว ทำไมถึงไม่ฆ่าเขาให้ตายซะ?”

“เขามีชีวิตอยู่ก็ยิ่งจะทุกข์ทรมานกว่านี้ไม่ใช่เหรอ?” รพีพงษ์เข้าใจความหมายของยัยหิมะ แต่ในใจของรพีพงษ์ก็รู้ดี ตอนนี้ยังฆ่านรเทพไม่ได้ ไม่เช่นนั้นเมืองแฟรี่จะต้องวุ่นวายแน่

ทหารในเมืองแฟรี่ส่วนใหญ่ล้วนแต่เป็นคนของนรเทพ ขอเพียงแค่นรเทพตาย ไม่สามารถควบคุมได้แน่นอน

หากพิจารณาจากภาพรวม ถึงแม้ว่านรเทพมีชีวิตอยู่ก็เป็นเพียงแค่เศษสวะ สู้รบไม่ได้ หรือไม่มีภัยคุกคามต่อรพีพงษ์เลย ตระกูลภูสรีดาวสามารถยืมการมีอยู่ของนรเทพในการควบคุมความสมดุลของเหล่าทหารที่อยู่ข้างนอกได้

แม้ว่านี่จะไม่ใช่แผนการระยะยาว ก็ไม่มีวิธีที่ดีกว่านี้แล้ว

ยัยหิมะได้ยินคำพูดของรพีพงษ์ ปากบอกว่ามีเหตุผล จริงๆแล้วในใจรู้สึกว่าไม่มีค่าพอให้ชายตามอง รพีพงษ์ประเมินค่านรเทพต่ำเกินไปแล้ว นรเทพไม่มีทางที่จะปล่อยเขาไปอย่างง่ายดายขนาดนั้น

แม้ว่าตอนนี้นรเทพจะไม่ไหวแล้ว พละกำลังลดลงอย่างมาก แต่ขอเพียงแค่ต่อไปฟื้นฟูกลับมาแล้ว การจู่โจมของนรเทพ เกรงว่าพวกรพีพงษ์จะไม่มีพละกำลังที่จะต่อสู้กลับได้

สิ่งที่จะต้องทำในตอนนี้มากที่สุดก็คือถอนรากถอนโคน สายตาของนราธิปมองไปยังยัยหิมะ ตอนนั้นเขาเคยเจอเด็กผู้หญิงคนนี้มาก่อน คิดไม่ถึงว่าหลายปีผ่านไป ยังคงไม่มีความจริงใจต่อนรเทพเลย

คนในครอบครัวของเธอล้วนแต่ตายในกำมือของนรเทพทั้งนั้น นี่ก็ไม่น่าแปลกใจเลย

เป็นเวลาเนิ่นนานแล้ว ยัยหิมะก็จำนราธิปไม่ได้แล้ว เพราะงั้นเลยไม่ได้ทักทายอะไร

นราธิปได้ช่วยเหลือตัวเองแล้ว ตอนนี้ถึงเวลากลับไปแล้ว เขามองไปยังรพีพงษ์พร้อมพูดกล่าว : “เรียบร้อยแล้ว สิ่งที่สามารถช่วยคุณได้ตอนนี้ฉันก็ช่วยคุณแล้ว ถึงเวลาต้องกลับไปยังภูเขาสองกระบี่แล้ว”

เดิมทีรพีพงษ์คิดอยากจะถามแผนการของนราธิป แต่เมื่อนึกถึงภัยพิบัติที่เมืองแฟรี่ ต่อให้นราธิปจะมีความคิดมากมายแค่ไหนก็ต้องวางลง

พยักหน้าให้สัญญาณ รพีพงษ์ซาบซึ้งใจต่อนราธิปพร้อมพูดกล่าวว่า : “อาจารย์ธิป ขอบคุณคุณมาก ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ ฉันคงไม่สามารถเอวิญญาณของลูกสาวออกมาได้เลย ฉันจะทำตามสัญญาที่เคยให้ไว้กับคุณแน่นอน คุณวางใจได้ ”

นราธิปหันหน้าไปมองรพีพงษ์แวบหนึ่ง สูดลมหายใจเข้าลึก พูดกล่าว : “เรื่องหลังจากนี้ก็ค่อยว่ากัน ใครจะทราบเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดในอนาคตได้ล่ะ?”

คำพูดของเขาค่อนข้างแปลก รพีพงษ์ก็รู้สึกว่าแปลกๆ ก่อนหน้านี้คำพูดของนราธิปไม่ได้ผิดปกติมากขนาดนี้

หรือว่าจะเกิดเรื่องขึ้นกับหนูลินงั้นเหรอ?รพีพงษ์คิดในใจ แต่ก็คิดว่าเป็นไปไม่ได้ ถ้าหากเกิดเรื่องขึ้นกับหนูลินจริงๆ ไม่มีทางที่ตัวเองจะไม่รู้สึกได้เลยสักนิด

ถึงแม้ว่าาคนที่ควบคุมหนูลินก็เพื่ออยากจะจัดการตัวเอง แต่ว่าตอนนี้รพีพงษ์ไม่ได้รับข่าวคราวเลยสักนิด ในใจก็ปฏิเสธเรื่องนี้ไปแล้ว

นราธิปไปยังภูเขาสองกระบี่เลย อยู่ที่ภูเขาสองกระบี่ถึงสามารถหาผืนดินที่บริสุทธิ์เจอได้ เรื่องภายนอกหากไม่สนใจได้ก็จะไม่สนใจ หากไม่ถึงทางเลือกสุดท้ายจริงๆ ไม่มีทางออกมาแน่นอน

ยัยหิมะที่อยู่อีกฝั่งพูดถามรพีพงษ์ : “ทุกอย่างก็จัดการเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้คุณจะไปจากที่นี่แล้วใช่ไหม?”

“ดูเหมือนว่าคุณจะรู้แล้ว?” รพีพงษ์ยิ้มพร้อมพูด เขาไม่มีความจำเป็นต้องอยู่ที่นี่แล้ว มาที่นี่ก็เพื่อหาวิญญาณของหนูลินเท่านั้น ตอนนี้หาวิญญาณของหนูลินเจอแล้ว ภรรยาและลูกก็ยังรอเขาอยู่บนโลก

ยัยหิมะรีบพูดกล่าวว่า : “ฉันขอไปด้วยกับคุณได้ไหม ฉันไม่มีเพื่อนคนอื่น เจอคุณ ฉันคิดว่าคุณเป็นคนดีเลยทีเดียว ถ้าหากไม่ไปพร้อมกับคุณ ฉันก็ไม่มีที่อื่นให้ไป”

ถ้าหากมียัยหิมะอยู่ข้างกายตัวเอง งั้นต่อไปไม่ว่าตัวเองจะทำอะไร ก็จะต้องมีผู้ช่วยเพิ่มขึ้นอีกแรงแน่นอน

ตอบตกลงยัยหิมะ บอกว่าตอนที่ตัวเองไปจะพายัยหิมะไปด้วย ทันใดนั้นก็ไปหาบวรวิทย์เพื่อบอกลา บวรวิทย์เสียใจอย่างมาก ช่วงเวลาเหล่านี้ที่ได้อยู่ร่วมกับรพีพงษ์ รพีพงษ์เป็นคนที่ดีคนหนึ่งเลย

ถ้าหากมีโอกาส ตัวเองก็อยากลองไปดูสถานที่ที่รพีพงษ์ใช้ชีวิตดูบ้าง ว่าเป็นสถานที่แบบไหนถึงได้มีคนที่มีพรสวรรค์มากอย่างรพีพงษ์

เมื่อได้ยินว่ารพีพงษ์จะต้องจากไปแล้ว เทวเทพก็มาแล้ว รพีพงษ์เห็นเทวเทพ เรียกท่านอาวุโสอย่างมีมารยาทหนึ่งคำ

เทวเทพสีหน้าดำพูดกล่าว : “ตอนนี้คุณจะไปแล้ว แต่ว่าเรื่องของนรเทพยังไม่มีข้อสรุปเลย ทิ้งความวุ่นวายไว้ให้ตระกูลของเรามันไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่หรือเปล่า?”

รพีพงษ์ถูกว่าไปหนึ่งประโยคก็ถึงกับพูดไม่ออกเลย บวรวิทย์ที่ประนีประนอมอยู่ข้าง พูดกล่าว : “ผมกับรพีพงษ์เป็นพี่น้องกัน เรื่องนี้ผมจัดการเองได้”

เทวเทพจ้องมองไปยังบวรวิทย์แวบหนึ่ง พูดต่อเลยว่า : “มีรพีพงษ์อยู่ เรื่องนี้เดิมทีมันก็จัดการได้ยากอยู่แล้ว มีรพีพงษ์อยู่ อย่างน้อยก็มีคนช่วย เมื่อรพีพงษ์จากไปแล้ว ก็มีเพียงแกที่ต้องสู้อยู่เพียงผู้เดียว จะให้ฉันในฐานะที่เป็นพ่อวางใจได้อย่างไรกันล่ะ?”

เทวเทพรู้ ถ้าหากปล่อยนรเทพ งั้นหลังจากนั้นแก้แค้นตัวเองก็ไม่มีพละกำลังจะโต้ตอบได้เลย ถ้าหากไม่ปล่อยไป ทหารเหล่านั้นของนรเทพก็เฝ้ามองที่นี่อยู่ ทั้งวันทั้งคืน

คนที่มาขโมยก็ยังสามารถจัดการขโมยได้แต่ทว่าในใจคิดเพียงอยากจะขโมยแต่ไม่รู้ว่ามาเมื่อไหร่ งั้นก็ยิ่งจะเป็นกังวล เขาจำเป็นต้องจัดการครั้งเดียวให้สิ้นซาก

รพีพงษ์รู้ว่าในใจของเทวเทพเป็นกังวลอย่างมาก พูดถามเทวเทพว่า : “ท่านอาวุโส งั้นทางฝั่งคุณมีวิธีอะไรที่ดีบ้างไหม ถ้าหากมีวิธีที่ดี ฉันก็ยอมที่จะให้ความร่วมมือจนถึงที่สุด”

“ฆ่านรเทพเลย ทำงานหนักเพียงครั้งเดียวแต่สบายไปตลอดเป็นยังไง?” เทวเทพทำท่าทางปาดคอ ความเกลียดชังที่มีต่อนรเทพนั้นมีมากจนไม่อาจจะเพิ่มได้อีก

นึกถึงตอนที่บวรวิทย์เกือบจะตายในกำมือของนรเทพก็แทบอยากจะเอามีดหมื่นเล่มเชือดเฉือนไปยังนรเทพ

บวรวิทย์มองไปยังรพีพงษ์ อยากจถามความคิดเห็นของรพีพงษ์ รพีพงษ์แม้แต่คิดก็ไม่ได้คิดพูดปฏิเสธว่า : “ไม่ได้ ท่านอาวุโส เมื่อนรเทพตาย พวกเราก็จะไม่สามารถควบคุมความสมดุลของเหล่าทหารนั่นได้แล้ว ”

“เสียเวลายืดเยื้อ ทำไมไม่จัดการในคราวเดียวล่ะ ต่อไปหากต้องการจัดการก็จะยุ่งยาก ไม่มีอะไรสบายตาไปกว่าการฆ่านรเทพให้ตาย”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท