ตอนที่ 242 การเข้าร่วมสำนักของผู้มีชื่อเสียงในโลกยุทธภพ
“ศิษย์พี่ ข้าว่าหมอเทวะคนนี้นั้นหยิ่งยโสมากเกินไป สำนักวังเปลวไฟ
ของเรานั้นมีความปรารถนาดีต่อเขาถึงได้เชิญเขามาเข้าร่วมให้เป็นผู้
อาวุโสของสำนักแต่เขานั้นกลับปฏิเสธ ช่างหยิ่งผยองเสียจริง ๆ !” มู่
หวั่นหวัน หันไปพูดคุยกับชายหนุ่มที่อยู่ใกล้ ๆ กันกับเธอ
“ถูกต้องแล้วล่ะ! เขานั้นอวดดีและหยิ่งผยองมากเกินไป ในตอนที่ข้า
กับท่านอาจารย์ได้ไปพบเขาเพื่อเชิญให้เขานั้น เข้าร่วมกับสำนักวัง
เปลวไฟของพวกเรา แต่เขากลับปฏิเสธมันและยังไม่ให้เกียรติพวก
เราเลยแม้แต่น้อย!”
ดวงตาของชายหนุ่มเปลี่ยนเป็นเย็นชา เมื่อเขามองไปยังกลุ่มของ
หวังเสียนที่อยู่ไม่ไกลจากตัวเขาพร้อมกับแสยะยิ้มขึ้นมา
“ศิษย์พี่เขานั้นไม่ได้ให้เกียรติสำนักของพวกเราเลยแม้แต่ตอนที่ผู้
อาวุโสหลิวไปเชิญเขาพร้อมกับศิษย์พี่เป็นการส่วนตัว แล้วทำไม
พวกเรายังต้องพยายามจะเชิญเขาเข้าร่วมสำนักของพวกเราอีกอย่าง
นั้นหรือครับ? ข้าคิดว่าพวกเราสมควรจะต้องสอนบทเรียนให้แก่เขา
จะดีกว่าไหมครับศิษย์พี่!”
ชายหนุ่มที่อยู่ในกลุ่มพูดขึ้นมาอย่างอาฆาตแค้น
“นั่นคงจะไม่ถูกต้องนัก ถึงแม้ว่าในตอนนี้สำนักวังเปลวไฟของเรา
กำลังจะก้าวเข้าสู่ระดับชั้นสำนักศักด์ิสิทธ์ิ แต่สำนักเราก็ยังคงไม่
แข็งแกร่งมากนัก พวกเรานั้นจำเป็นต้องสรรหาผู้เชี่ยวชาญในหลาก
หลายด้าน โดยเฉพาะในด้านสาขาวิชาแพทย์ หมอเทวะหวังคนนี้ถือ
ได้ว่าเป็นคนหนุ่มที่มีความสามารถอย่างมากเลยทีเดียว!” ชายหนุ่ม
คนนั้นตอบออกมา และยังพูดเสริมต่อไปอีกว่า “แต่อย่างไรก็ตามถ้า
หากหมอเทวะหวัง เลือกที่จะไม่เข้าร่วมกับสำนักวังเปลวไฟของเรา
เราก็จะไม่ปล่อยเขาไปง่าย ๆ เช่นเดียวกัน เขาจะได้รู้ว่าสำนักวัง
เปลวไฟของเราไม่ใช่จะสามารถดูถูกกันได้อย่างง่าย ๆ !”
“นี่เป็นโอกาสสุดท้ายที่เราจะเสนอให้กับเขา!”
“ศิษย์พี่หวางฉุ่ย ท่านเจ้าสำนักวังเปลวไฟ ได้เชิญหมอเทวะเซิ่งหัว
เข้ามารับหน้าที่เป็นผู้อาวุโสฝ่ายการแพทย์ของสำนักเราแล้วไม่ใช่
เหรอครับ! แล้วทำไมยังต้องเชิญหมอเทวะหวังเพื่อเข้าร่วมด้วยอีก
ล่ะครับ?” ชายหนุ่มที่พูดก่อนหน้านี้ขมวดคิ้วและถาม
“หมอเทวะเฉิงหัว นั้นน่าจะมีความสามารถมากกว่าหมอเทวะหวัง
แต่ว่าหมอเทวะเฉิงหัว เขาไม่สามารถอยู่ประจำที่สำนักวังเปลวไฟ
ของเราได้ตลอดเวลา เขานั้นมีธุรกิจอยู่หลายประเทศทั่วโลกฉะนั้น
เขาจึงต้องออกเดินทางค่อนข้างบ่อย สำนักวังเปลวไฟของเราจึงต้อง
มีหมอเทวะอย่างน้อยสองถึงสามคนขึ้นไปเพื่อสลับหน้าที่และสามารถ
ช่วยเหลืองานกันได้ในกรณีที่อีกฝ่ายนั้นติดธุระสำคัญ!” ชายหนุ่มอีก
คนตอบอย่างเรียบง่าย
“และนี่จะเป็นคำเชิญครั้งสุดท้ายถ้าหมอเทวะหวัง ไม่ยอมรับการเข้า
ร่วมกับสำนักวังเปลวไฟของพวกเรา หลังจากนี้เราก็ไม่ต้องคิดอะไร
ให้มากอีกต่อไป หากว่าพวกเราต้องการที่จะจัดการกับเขา!”
กลุ่มสาวกของสำนักวังเปลวไฟ พูดคุยกันก่อนที่จะเดินตรงเข้าไปหา
หวังเสียน
“โอ้! ข้าไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า สำนักกระบี่พฤกษาขจีและหมอเทวะ
หวังจะอยู่ที่นี่ด้วยกัน ดูเหมือนว่าพวกท่านจะมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อ
กันมากทีเดียวเลยนะ ฮึฮึ!”
เมื่อชายหนุ่มเห็นคนจากสำนักกระบี่พฤกษาขจี นั่งอยู่กับหวังเสียน
ดวงตาของเขาก็เป็นประกายพร้อมกับพูดประชดประชันออกมา
เล็กน้อย แต่อย่างไรก็ตามเขาก็ยังเข้าไปพูดคุยหวังเสียน อย่างให้
เกียรติ
“หมอเทวะหวัง อาจารย์ของข้านั้นต้องการที่จะส่งคำเชิญให้ท่านเข้า
ร่วมกับสำนักวังเปลวไฟอีกครั้งหนึ่ง และนี่จะเป็นการเชื้อเชิญครั้ง
สุดท้ายของเรา!” ชายหนุ่มคนดังกล่าวจ้องมองหน้าเสียน พร้อมกับ
พูดออกมาอย่างชัดเจน
“ที่ข้าจะให้คำตอบท่านได้นั้นก็คงจะยังคงเป็นคำตอบเดิมที่เคยให้
ไว้!” หวังเสียน มองไปที่ชายหนุ่มพร้อมกับยิ้มแล้วส่ายหัวเบา ๆ
“เนื่องจากหมอเทวะหวังไม่เต็มใจที่จะเข้าร่วมกับสำนักวังเปลวไฟ
ของพวกเรา พวกเราก็จะไม่พูดถึงเรื่องนี้อีกต่อไป ข้าหวังว่าต่อไปใน
อนาคตหมอเทวะหวังคงจะสามารถใช้ชีวิตอย่างไม่ประมาทเพราะ
อุบัติเหตุนั้นมักเกิดขึ้นได้เสมอ ๆ ฮึฮึ!”
ชายหนุ่มเผยรอยยิ้มเยาะออกมาอย่างเย็นชาก่อนที่พวกเขาจะจากไป
“เขาเป็นแค่หมอตัวเล็ก ๆ แต่ยังกล้าปฏิเสธการเข้าร่วมกับสำนักวัง
เปลวไฟ ไร้ความคิดสิ้นดี ช่างโง่เง่าอย่างแท้จริง!”
มู่หวั่นหวัน มองไปที่หวังเสียน ด้วยสายตาที่เย็นชาก่อนที่เธอจะเดิน
ตามหลังชายหนุ่มคนนั้นไป
แก๊งงง! แก๊งงง!
เสียงระฆังดังก้องกังวานไปทั่วทั้งภูเขาหวู่ต้วน
แก๊งงง! แก๊งงง!
เหล่าชาวยุทธรวมถึงกองกำลังที่เข้ามาร่วมในงานพิธีทั้งหมดต่างลุก
ขึ้นยืน และค่อย ๆ เดินเข้าไปรวมกันยังจุดศูนย์กลางตรงที่ด้านหน้า
แท่นพิธี
ฟ้าววว! ตุบบ ๆ ๆ ๆ !
ในขณะนั้นเองมีกลุ่มคนสี่คน โฉบร่อนลงมาจากบนยอดเขา ก่อนที่
พวกเขาจะลงสู่พื้นกลางลานพิธีอย่างสง่างาม
ชายชราสามคนและชายวัยกลางคนหนึ่งคน ยืนอยู่ที่มุมทั้งสี่ของ
หม้อกลั่นขนาดใหญ่ตามลำดับ
บรูมมม!
เปลวไฟในหม้อกลั่นขนาดใหญ่ที่อยู่ด้านล่างโหมกระหน่ำลุกโชติ
ช่วงขึ้นมาอย่างร้อนแรงและลอยสูงขึ้นไปบนฟ้ากว่าสิบเมตร
ออร่าของชายทั้งสี่คนเชื่อมโยงถึงกันพร้อมกับปลดปล่อยพลังและ
ความกดดันอันแข็งแกร่งออกมาจนขยายครอบคลุมไปทั่วทั้งเขต
ภูเขาหวู่ต้วน
“เป็นระดับพลังที่แข็งแกร่งมาก!”
“แรงกดดันช่างมากมายอะไรเยี่ยงนี้!”
เหล่าชาวยุทธต่างตกตะลึงกับความแข็งแกร่งในระดับนี้ ทุกคนลด
ศีรษะลงเล็กน้อยขณะเดินไปยังจุดศูนย์กลาง
พรึบ ๆ !พรึบ ๆ
ที่ทางเข้าทั้งห้าของภูเขาหวู่ต้วนกลุ่มสาวกของสำนักวังเปลวไฟ ต่าง
เดินเข้ามากันทั้ง 5 เส้นทางแต่ละเส้นทางนั้นมีสาวกประมาณ 200 คน
พวกเขาทั้งหมดสวมชุดเรียบร้อยและให้ความรู้สึกที่พิเศษ
ผู้อาวุโสของสำนักวังเปลวไฟทั้งสี่ที่ยืนอยู่ที่มุมทั้งสี่ของหม้อกลั่น
ขนาดใหญ่ แสดงรอยยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ พวกเขากวาดสายตา
มองไปยังบรรดาเหล่าชาวยุทธทั้งหมดที่กำลังตื่นตกตะลึงกับความ
แข็งแกร่งของสำนักวังเปลวไฟของพวกเขา พวกเขาเชิดหน้าขึ้น
อย่างภาคภูมิใจ
นี่คือสิ่งที่ควรจะมีในงานพิธีแสวงบุญของสำนักระดับชั้นศักด์ิสิทธ์ิ
นั่นก็คือการแสดงความยิ่งใหญ่และความแข็งแกร่งของสำนัก!
“นี่คือระดับความแข็งแกร่งของสำนักระดับชั้นศักด์ิสิทธ์ิ ความ
แข็งแกร่งของผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกำเนิดลมปราณของสำนักชั้น
ศักด์ิสิทธ์ินั้น ผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกำเนิดลมปราณทั่ว ๆ ไปไม่
สามารถเปรียบเทียบกับพวกเขาได้เลย! เอ๊ะ!..นั่นมันอสูรที่ห้าสิบ
ไม่ใช่หรือ?”
โม่ชิงหลงหรี่ตามองไปที่กลุ่มของชาวยุทธที่อยู่ตรงด้านหน้าใกล้
ลานพิธี เขาจดจำชายหนุ่มคนนี้ได้เป็นอย่างดีเพราะมันเป็นหนึ่งใน
กลุ่มของเหล่ามนุษย์มังกรสาวกแห่งสำนักมังกร อสูรอันดับที่ห้าสิบ
“เขาคืออสูรที่ห้าสิบ! ในตอนที่องค์ราชามังกรประกาศให้เหล่ามนุษย์
มังกรออกแยกย้ายและเข้าสู่โลกยุทธภพเพื่อฝึกฝนนั้น เด็กหนุ่มคนนี้
ได้แยกตัวออกมาเพียงคนเดียว เพื่อสร้างชื่อเสียงให้กับตัวเอง!” โม่
หยวน ยิ้มออกมาบาง ๆ เมื่อเขามองเห็นระดับความสามารถและการ
พัฒนาที่เพิ่มขึ้นของอสูรที่ห้าสิบ
…
“เมื่อสามวันก่อนสำนักวังเปลวไฟของพวกเรา ได้ประกาศรับสมัคร
ลูกศิษย์เพื่อเข้าสู่สำนักวังเปลวไฟของพวกเราในงานพิธีแสวงบุญ
และในวันนี้เหล่าชาวยุทธรวมถึงกองกำลังทั้งหมดในมณฑลทาง
ตอนใต้ ต่างได้เข้ามาร่วมกันในงานพิธีของสำนักเรา ข้านั้นขอขอบคุณ
ทุกท่านเป็นอย่างยิ่ง ที่ให้การยอมรับสำนักวังเปลวไฟของพวกเรา!”
เมื่อเห็นฝูงชนที่อยู่รอบ ๆ ฟังคำพูดของเขาอย่างเงียบสงบ ชายชรา
คนหนึ่งก็ประกาศเรื่องนี้ขึ้นมาด้วยรอยยิ้มอย่างภาคภูมิใจ
“สำนักวังเปลวไฟของพวกเรานั้นต่อตั้งขึ้นเมื่อ 230 ปีก่อน และ
ในตอนนี้สำนักของเราได้ก้าวเข้าสู่ระดับชั้นสำนักศักด์ิสิทธ์ิแล้ว
สำนักของพวกเราต้องการรับสมัครผู้เชี่ยวชาญและสาวกที่มีความ
สามารถและต้องการเข้าร่วมกับสำนักวังเปลวไฟของพวกเรา เพื่อที่
เราจะได้เติบโตและแข็งแกร่งไปพร้อม ๆ กัน!”
ชายชรากวาดสายตามองไปข้างหน้าพร้อมกับยิ้มออกมาอย่างจริงใจ
ให้กับเหล่าชาวยุทธที่มาเข้าร่วมในงานพิธีแสวงบุญ
“ข้า หยานกวนเหวิน จะขอนำเหล่าสาวกทั้งหมดของสำนักไฟโบราณ
เข้าร่วมกับสำนักวังเปลวไฟ และตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปสำนักไฟโบราณ
จะไม่มีอีกต่อไป!”
ท่ามกลางเหล่าชาวยุทธทั้งหมดชายชราคนนึงเดินไปข้างหน้าพร้อม
กับตะโกนขึ้นมา
แซ่ด ๆ ๆ !
“สำนักระดับชั้นหนึ่ง สำนักไฟโบราณ ได้เข้าร่วมกับสำนักวังเปลว
ไฟ ช่างน่าตกใจมากจริง ๆ !”
“นั่นคือกองกำลังระดับชั้น 1! และระดับความแข็งแกร่งของสำนัก
ไฟโบราณนั้น อีกคงไม่เกิน 10 ปีพวกเขาก็น่าจะเข้าสู่ระดับชั้นสำนัก
ศักด์ิสิทธ์ิได้แล้ว ช่างน่าเหลือเชื่อมากจริง ๆ ที่พวกเขานั้นยอมเข้า
ร่วมกับสำนักวังเปลวไฟ!”
“เหลือเชื่อมาก! สำนักวังเปลวไฟสามารถโน้มน้าว สำนักไฟโบราณ
ได้แล้วจริง ๆ !”
เมื่อเจ้าสำนักของสำนักไฟโบราณประกาศเข้าร่วมกับสำนักวังเปลว
ไฟเหล่าชาวยุทธโดยรอบก็ตื่นตะลึงกันไปทั่วอย่างเห็นได้ชัด
“และนอกจากนี้ นินจาพเนจรฉายา พันเงาลวงตา ผู้สืบทอดวิชาคาถา
แยกเงาพันร่าง และ จอมยุทธฉายา ฝ่ามือสายฟ้ากัมปนาท ศิษย์เหลน
ในนามของ ชูเฟิงเทพเจ้าสายฟ้า พวกเขานั้นเป็นระดับผู้เชี่ยวชาญ
ก่อกำเนิดลมปราณ ก็ยังจะเข้าร่วมกับสำนักวังเปลวไฟของเราใน
ฐานะผู้อาวุโสอีกด้วย!”
“และข้า! เฉาห้าวกงก็จะเข้าร่วมสำนักวังเปลวไฟ ในฐานะผู้อาวุโส
ของสำนักเช่นเดียวกัน!”
ชายชราคนหนึ่งเดินไปข้างหน้าอย่างช้า ๆ กำหมัดขวาไว้บนฝ่ามือ
ซ้ายแล้วยกขึ้นคารวะ ไปยังกลุ่มบรรดาชาวยุทธที่มาร่วมในงานพิธี
แสวงบุญทั้งหมด
ระหว่างมือของเขาทั้งสองข้างเกิดเปลวไฟลุกขึ้นมาอย่างร้อนแรง
“เฉาห้าวกง! เขาคือเฉาห้าวกง ฉายา ฝ่ามือเพลิงพิโรธ เขาก็เข้าร่วม
เป็นผู้อาวุโสของสำนักวังเปลวไฟอย่างนั้นหรือ?”
“ใครจะคาดคิดว่าเหล่าผู้มีชื่อเสียงในโลกยุทธภพหลายคน ต่างก็เข้า
ร่วมกับสำนักวังเปลวไฟในฐานะผู้อาวุโส พวกเขาแต่ละคนนั้นเป็น
ผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกำเนิดลมปราณและมีชื่อเสียงด้านความแข็งแกร่ง
กันทั้งสิ้น!”
“ในตอนนี้สำนักวังเปลวไฟแข็งแกร่งขึ้นอย่างมากเลยทีเดียว ต่อให้
กองกำลังชั้นนำในเขตมณฑลทางตอนใต้ทั้งหมด ร่วมมือกันก็ไม่
น่าจะสามารถเป็นคู่ต่อสู้กับสำนักวังเปลวไฟได้อย่างแน่นอน!”
เหล่าบรรดาชาวยุทธมองไปยังคนของสำนักวังเปลวไฟ อย่างตื่นตะลึง
“หมอเทวะอันดับที่ 23 จากการจัดอันดับหมอเทวะศักด์ิสิทธ์ิในโลก
ยุทธภพ หมอเทวะไท่หมิงโจว ก็จะเข้าร่วมกับสำนักวังเปลวไฟของ
เราด้วย!” ชายชรายังคงประกาศการเข้าร่วมสำนักของชาวยุทธที่มี
ชื่อเสียงในโลกยุทธภพ ด้วยรอยยิ้ม
“ข้าคือไท่หมิงโจวแห่งสำนักวังเปลวไฟ!” ชายชราเดินไปข้างหน้า
และตะโกน
“และสำหรับการประกาศครั้งสุดท้ายนี้ขอต้อนรับหมอเทวะเซิ่งหัวผู้
ซึ่งจะเข้ารับตำแหน่งหัวหน้าผู้อาวุโสฝ่ายการแพทย์ของสำนักวัง
เปลวไฟ ซึ่งท่านเจ้าสำนักวังเปลวไฟของเรานั้นได้เข้าไปเชิญท่านมา
ด้วยตัวเอง!”
เมื่อชายชราพูดจบชายชราที่มีหน้าตาเป็นชาวต่างชาติก็เดินไปที่
ด้านหน้าของไท่หมิงโจว
เขามีแสงออร่าออกมาจากร่างกายจาง ๆ ซึ่งค่อย ๆ ขยายปกคลุม
พื้นที่ทอดยาวออกไปไกลเป็นร้อยเมตร
พื้นที่ทั้งหมดกลายเป็นม่านหมอกคล้ายกับดินแดนอมตะ ไท่หมิง
โจว กล่าวทักทายหมอเทวะเซิ่งหัว ด้วยความเหม่อลอย
“หมอเทวะระดับสูงสุด! หมอเทวะเซิ่งหัว จากทวีปยุโรปใครจะ
คาดคิดว่าสำนักวังเปลวไฟ จะสามารถเชิญหมอเทวะเซิ่งหัว มาเข้า
ร่วมกับสำนักวังเปลวไฟได้!”
“บ้ามาก! นี่มันบ้าไปแล้ว! ช่างน่ากลัวมากจริง ๆ สมควรแล้วที่พวก
เขาได้รับการเลื่อนลำดับชั้นขึ้นมาเป็นสำนักศักด์ิสิทธ์ิ ช่างเหมาะสม
มากจริง ๆ สำนักวังเปลวไฟศักด์ิสิทธ์ิ!
Invincible Divine Dragon’s Cultivation System ระบบฝึกฝนมังกรอมตะ – ตอนที่ 242
ตอนที่ 242
Posted by ? Views, Released on กันยายน 5, 2022
, Invincible Divine Dragon’s Cultivation System ระบบฝึกฝนมังกรอมตะ
Status: Ongoing
แปลงร่างเป็น มังกรศักดิ์สิทธิ์ และครองโลก! ด้วยระบบมังกร เขาจะเป็นมังกรศักดิ์สิทธิ์ผู้เดียวในมหาสมุทรที่ก่อตั้งวังมังกรใต้มหาสมุทร ด้วยทหารฝูงปลาและเหล่าขุนพลสัตว์ทะเลในฐานะผู้ติดตามของเขา รวมทั้งสัตว์ทะเลขนาดมหึมาในฐานะลูกน้องคนสนิทของเขา เขาคือจักพรรดิ์มังกรผู้ปกครองวังมังกรศักดิ์สิทธิ์