ตอนที่ 257 จุดจบของสำนักวังเปลวไฟ
“สำนักวังเปลวไฟจบสิ้นแล้ว!”
กลุ่มคนทั้งหกคนพูดออกมาเบา ๆ เมื่อพวกเขามองเห็นเหล่าสาวก
ของสำนักวังเปลวไฟกรีดร้องและวิ่งหนีตายกันอย่างชุลมุนวุ่นวาย
“นี่อาจเป็นสำนักศักด์ิสิทธ์ิที่น่าเศร้ามากที่สุดในโลก สำนักของพวก
เขาถูกกวาดล้างลงในทันทีหลังจากที่ได้เลื่อนตำแหน่ง!”
หมอโลหิตพูดออกมาพร้อมกับรอยยิ้มอย่างยินดีในความโชคร้าย
ของพวกเขา “สำนักเทพอัคคีมีความแข็งแกร่งกว่าสำนักวังเปลวไฟ
มากเลยทีเดียว!”
“แต่อย่างไรก็ตามสำนักวังเปลวไฟนั้นพึ่งได้เลื่อนขั้น หากพวกเขานั้น
เป็นสำนักระดับชั้นศักด์ิสิทธ์ิ ที่มีประวัติยาวนานอย่างเช่น สำนักดาบ
ทะเลศักด์ิสิทธ์ิ, สำนักแสงอันศักด์ิสิทธ์ิ คนของสำนักเทพอัคคีคงไม่
กล้าลงมือเช่นนี้แน่!” โม่หยวนพูดพร้อมกับถอนหายใจออกมาเบา ๆ
“สำนักเทพอัคคีจะไม่กล้าบุกเข้าไปอย่างเย่อหยิ่งอย่างแน่นอน หาก
ว่าพวกเขานั้นเป็นสำนักระดับชั้นศักด์ิสิทธ์ิที่มีประวัติมาอย่างยาวนาน
ข้านั้นกล้าพูดได้เลยว่าเพียงแค่พวกเขาออกไปตะโกนท้าทายที่หน้า
ประตูทางเข้าของสำนักศักด์ิสิทธ์ิเหล่านั้น พวกเขาจะต้องเจอกับการ
ต้อนรับที่รุนแรงอย่างแน่นอน แล้วที่สำคัญที่สุดสาวกและผู้อาวุโส
ของสำนักวังเปลวไฟนั้นยังคงอ่อนแอเป็นอย่างมากไม่เช่นนั้นพวก
เขาคงไม่จัดพิธีแสวงบุญขึ้นมาเพื่อรับสมัครเหล่าสาวกเข้าสู่สำนัก
ของพวกเขาเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน!” โม่ชิงหลงแสดงความคิดเห็น
ของเขาออกมาด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย
สำนักระดับชั้นศักด์ิสิทธ์ิ มีความแข็งแกร่งแตกต่างกันอยู่หลายระดับ
ยิ่งสำนักมีประวัติยาวนานเท่าใดความแข็งแกร่งของพวกเขานั้นก็จะ
มากขึ้นตามไปด้วย
หากไม่มีคำสั่งหรือบัตรผ่านเพื่อแสดงตัวตนในการจะเข้าสู่สำนัก
ใครก็ตามที่ต้องการจะเข้าสู่อาณาเขตของสำนักศักด์ิสิทธ์ิเหล่านั้น
เพียงแค่ค่ายกลและผู้พิทักษ์ที่เฝ้าอยู่ที่ประตูทางเข้าของสำนัก
ศักด์ิสิทธ์ิชั้นสูงเหล่านั้น ก็เพียงพอที่จะสังหารผู้เชี่ยวชาญระดับ
ก่อกำเนิดลมปราณได้หลายสิบคนอย่างไร้ปัญหา
เมื่อเปรียบเทียบกับสำนักวังเปลวไฟที่ไม่มีรากฐานและไม่มีค่ายกล
เพื่อปกป้องสำนักแล้ว ก็เปรียบเหมือนกับเมืองที่ไม่มีกำแพงป้องกัน
ใด ๆ เลย ศัตรูสามารถบุกเข้ามาได้ตลอดเวลา ต่อให้พวกเขานั้นมี
ทหารที่เข้มแข็งคอยดูแลและป้องกันอยู่ก็ตาม แต่ก็คงจะไม่สามารถ
ต้านทานศัตรูได้นานมากนัก
“เจ้าสำนักแห่งสำนักวังเปลวไฟกำลังตกอยู่ในอันตรายมากเลย
ทีเดียว!” ดาบคลั่งโลหิตจี พูดออกมาในขณะที่เขากำลังจ้องมอง
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสำนักวังเปลวไฟอย่างใจจดใจจ่อ
เมื่อเปรียบเทียบกับตัวเขาเองแล้วผู้คนในโลกยุทธภพที่อยู่ในสำนัก
ระดับชั้นศักด์ิสิทธ์ิยังคงอยู่สูงกว่าตัวเขามากนัก
เขาไม่สามารถเปรียบเทียบกับผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกำเนิดลมปราณ
จากสำนักเทพอัคคีได้เลยจริง ๆ
“มันใกล้ถึงวาระของพวกเขาแล้วล่ะ!”
หวังเสียน มองไปยังฉากการต่อสู้ที่กำลังเกิดขึ้น ผู้อาวุโสสองคนที่
พึ่งเข้าร่วมกับสำนักวังเปลวไฟ ได้ทำการแยกตัวออกจากสำนักและ
หลบหนีออกไปกันอย่างรวดเร็ว ในตอนนี้ผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกำเนิด
ลมปราณของสำนักวังเปลวไฟเหลือเพียงแค่ห้าคนเท่านั้น ห้าต่อสิบ
มันไม่ใช่การต่อสู้อีกต่อไปแล้วมันควรเรียกว่าเป็นการล้อมสังหาร
เสียมากกว่า แต่ถึงแม้ว่าตอนนี้จะเป็นการสู้ตัวต่อตัวก็ตาม คนของ
สำนักวังเปลวไฟก็ไม่สามารถสู้กับคนของสำนักเทพอัคคีได้อยู่แล้ว
ระดับชั้นมันต่างกันมากเกินไป
ผู้เชี่ยวชาญของสำนักเทพอัคคีที่เหลืออีกห้าคน กำลังปิดล้อมเพื่อ
สังหารเจ้าสำนักแห่งสำนักวังเปลวไฟ
“เจ้าสำนักฮั่วตู่ คนนั้นช่างทรงพลังอย่างแท้จริง เขาสามารถต่อสู้และ
ป้องกันตัวได้นานถึงขนาดนี้ ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขาสามารถทำให้
สำนักวังเปลวไฟเลื่อนระดับชั้นมาเป็นสำนักศักด์ิสิทธ์ิได้อย่าง
รวดเร็ว!” ดาบคลั่งโลหิตจีค่อนข้างที่จะตกใจกับความแข็งแกร่งของ
เจ้าสำนักวังเปลวไฟ
ด้วยลูกบอลเปลวไฟแห่งจิตวิญญาณที่อยู่เหนือหัวของเจ้าสำนักวัง
เปลวไฟ ความสามารถของเขาจึงเพิ่มมากขึ้นอย่างน่ากลัวจนสามารถ
ต่อสู้กับคนของสำนักเทพอัคคีพร้อมกันได้ถึงห้าคน
แต่มันเป็นเพียงเรื่องของเวลาเพียงเท่านั้น ก่อนที่ตัวเขาจะพ่ายแพ้
“ข้าไม่สามารถยอมรับได้! สำนักวังเปลวไฟของข้าเพิ่งเลื่อนขั้นเป็น
สำนักศักด์ิสิทธ์ิ แต่ก็ต้องมาถูกกวาดล้างสำนักลงในวันนี้จะให้ข้า
ยอมรับเรื่องนี้ได้อย่างไร ข้าไม่เต็มใจ….”
อ๊ากกกกก!
ทันใดนั้นเสียงที่สิ้นหวังและไม่เต็มใจของเจ้าสำนักแห่งสำนักวัง
เปลวไฟก็ตะโกนออกมาอย่างสิ้นหวัง
บรูมมมมม!
การระเบิดที่รุนแรงดังสนั่นไปทั่วทั้งหุบเขา ฮั่วตู่เจ้าสำนักแห่งสำนัก
วังเปลวไฟ ปลดปล่อยพลังงานชีวิตและแกนธาตุไฟของเขาทั้งหมด
ออกมาเพื่อระเบิดตัวเองตายไปพร้อมกับศัตรูของเขา
ผู้เชี่ยวชาญของสำนักเทพอัคคีไม่สามารถหลบได้ทันเวลาและโดน
คลื่นพลังที่ปล่อยออกมาจากเจ้าสำนักแห่งสำนักวังเปลวไฟโจมตี
อย่างรุนแรง
เปลวไฟขนาดมหึมาฉีกร่างของผู้เชี่ยวชาญคนนั้นออกเป็นชิ้น ๆ
ในทันที
“อัลฟ่า!”
คนของสำนักเทพอัคคีตะโกนเรียกชื่อผู้เชี่ยวชาญชายวัยกลางคนคน
ที่ถูกสังหารออกไปด้วยความตกใจ
….
“เฮ้อ!…นำลูกบอลเปลวไฟแห่งจิตวิญญาณกลับไปที่สำนักเทพอัคคี
ของพวกเรา!”
“ส่วนพวกเจ้าที่เหลือช่วยกันรื้อค้นสมบัติของสำนักวังเปลวไฟ และ
นำกลับสำนักของพวกเราให้หมด!”
“ฮึ่มม! ครั้งนี้เราต้องสูญเสียผู้อาวุโสระดับผู้เชี่ยวชาญอาณาจักร
เจ้าชายไปหนึ่งคน ช่างน่าเจ็บใจนัก!”
กลุ่มคนของสำนักเทพอัคคีแสดงความไม่พอใจกันออกมาในทันที
เมื่อเห็นว่าพวกเขาต้องสูญเสียคนของพวกเขาไปหนึ่งคน
“หนีเร็ว! พวกเราต้องรีบหนีกันให้เร็วที่สุด!”
“แม้แต่ท่านเจ้าสำนักของพวกเราก็ยังตายอย่างน่าอนาถ สำนักวัง
เปลวไฟของเราจบสิ้นแล้ว!”
“ข้าพึ่งจะเข้าร่วมกับสำนักวังเปลวไฟเพียงเท่านั้น แต่ข้าไม่เคยคิดมา
ก่อนเลยว่าสำนักระดับชั้นศักด์ิสิทธ์ิจะถูกทำลายลงได้ง่ายดายเช่นนี้
ข้าต้องเอาชีวิตของข้ามาทิ้งกับสำนักที่พึ่งเข้าร่วมจริง ๆ อย่างนั้นรึ
นี่?”
“หนีเร็ว! สำนักของพวกเราจบสิ้นแล้ว!”
“ไป ๆ ๆ รีบแยกย้ายกันหนีไป!”
สาวกของสำนักวังเปลวไฟไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่เกิดขึ้น พวกเขา
ต่างกระจายตัวรีบหนีออกจากเขตของสำนักกันอย่างบ้าคลั่ง
ในขณะเดียวกันกลุ่มผู้เชี่ยวชาญของสำนักเทพอัคคี ก็ปลดปล่อยแรง
กดดันอันทรงพลังของผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกำเนิดลมปราณพร้อมกับ
มีลูกศรเปลวเพลิงพุ่งตรงออกไปยังกลุ่มสาวกของสำนักวังเปลวไฟ
ที่อยู่บริเวณโดยรอบ
เสียงร้องอย่างสิ้นหวังดังขึ้นมาอีกครั้ง ในตอนนี้เหล่าสาวกหลาย
ร้อยคนของสำนักวังเปลวไฟเริ่มทยอยล้มตายกันมากขึ้นเรื่อย ๆ
การกวาดล้างสำนักวังเปลวไฟและจุดจบของสำนักกำลังเข้าสู่
จุดสิ้นสุดลงในไม่ช้านี้แล้ว!
หวังเสียนและคนของเขาที่ตั้งใจมาจัดการกับสำนักวังเปลวไฟ ยัง
ไม่ได้ทำอะไรเลยแม้แต่น้อยก็มีคนมาช่วยเขาจัดการในเรื่องนี้แล้ว
“ไปกันเถอะ! ต่อให้สำนักวังเปลวไฟเป็นศัตรูกับพวกเรา แต่อย่าง
น้อยคนของสำนักวังเปลวไฟก็เป็นคนร่วมชาติของพวกเรา ปัญหาที่
เกิดขึ้นภายในประเทศข้าไม่ต้องการให้ผู้อื่นนั้นเข้ามายุ่งเกี่ยวด้วย
คนต่างชาติพวกนี้อวดดีมากเกินไป พวกเขากล้าเข้ามาสังหารคนใน
ประเทศของพวกเราอย่างอุกอาจ ข้าจะให้พวกเขาทุกคนถูกฝังอยู่
ที่นี่!”
หวังเสียน พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นยะเยือกพร้อมกับกลิ่นอาย
สังหารอันรุนแรงจนคนรอบข้างรู้สึกหนาวสะท้านไปจนถึงกระดูก
สันหลัง
ในขณะที่คนของสำนักเทพอัคคีกำลังรวบรวมสมบัติภายในสำนักวัง
เปลวไฟกันอย่างคึกคัก หวังเสียนและกลุ่มคนของเขากระโดดลงมา
จากต้นไม้พร้อมกับมีรอยยิ้มที่มุมปากของเขา
“หลังจากที่พวกเขาได้กวาดเอาสมบัติของสำนักวังเปลวไฟกันจน
หมดแล้ว ตอนนี้ในตัวพวกเขาคงจะมีสมบัติอย่างมากมายแน่เลย
ขอรับนายท่าน!”
โม่ชิงหลงหัวเราะเบา ๆ ขณะที่เขาเดินตามหวังเสียนมาอย่างใกล้ชิด
“เอ่อ!…นี่นายท่านผู้ชายขอรับ ท่านต้องการที่จะโจมตีคนจากสำนัก
เทพอัคคีอย่างนั้นรึครับ?”
หมอโลหิตรีบพูดออกมาอย่างตกใจ
“ข้าคิดว่าพวกเราคงจะต้องลำบากมากทีเดียวล่ะ! ตัวข้าคงสามารถ
จัดการคนพวกนั้นได้เพียงแค่คนเดียวเท่านั้น แล้วพวกเจ้าล่ะ!”
หมอโลหิตหันไปมอง โม่ชิงหลง, โม่หยวนและดาบคลั่งโลหิตจี
“พวกเราน่าจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขา!”
ดาบคลั่งโลหิตจี ขมวดคิ้วเล็กน้อยขณะที่เขามองไปยัง หวังเสียน
ด้วยความสงสัย
“ไม่ต้องกระวนกระวายไป! ปล่อยให้เป็นหน้าที่ข้าเอง ข้าไม่ได้ต่อสู้
มานานแล้วอยากยืดเส้นยืดสายเสียหน่อย!”
หวังเสียน เพียงแค่อ้าปากเล็กน้อย ลูกไฟสีแดงเข้มจนเกือบจะเป็นสี
ดำก็ปรากฏขึ้นในมือของเขา
“ข้าอยากจะรู้จริง ๆ ว่าแก้วผลึกมังกรเพลิงโลกันต์ของข้ากับลูกบอล
เปลวไฟแห่งจิตวิญญาณและลูกบอลลาวาของพวกเขาสิ่งไหนกันแน่
ที่จะแข็งแกร่งกว่ากัน!”
ดวงตาของหวังเสียนสาดประกายคมกล้าออกมาอย่างน่ากลัว แก้ว
ผลึกมังกรเพลิงโลกันต์นี้ เขาหล่อเลี้ยงมันมาเป็นเวลานานแล้ว ดังนั้น
เขาค่อนข้างที่จะมั่นใจว่ามันสามารถฆ่าผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกำเนิด
ลมปราณระดับสูงสุดได้อย่างไม่ยากนัก
‘ถ้าข้าสามารถดูดซับลูกบอลลาวา และลูกบอลเปลวไฟแห่งจิต
วิญญาณได้ พลังของผลึกแก้วมังกรก็น่าจะเพิ่มขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง!’
หวังเสียน ยิ้มออกมาบาง ๆ ขณะที่เขายืนอยู่ไม่ไกลจากทางเข้าสำนัก
วังเปลวไฟ
เมื่อหมอโลหิตและดาบคลั่งโลหิตจี เห็นหวังเสียนพ่นลูกบอลไฟ
ออกมา พวกเขาก็ตกตะลึงกันจนอ้าปากค้าง มีความหวาดกลัวอยู่ใน
แววตาของพวกเขาเมื่อสัมผัสได้ถึงพลังของลูกบอลไฟที่หวังเสียน
พ่นออกมา
“นายท่านหวังเสียน ท่านก็เป็นผู้บ่มเพาะพลังธาตุไฟอย่างนั้นหรือ
ครับ!” หมอโลหิตถามออกมาอย่างตกตะลึง
“วิ่งหนีไปเดี๋ยวนี้! พวกเราต้องรีบออกไปจากที่นี่!”
หลังจากนั้นไม่นานมีกลุ่มสาวกของสำนักวังเปลวไฟวิ่งกันออกมา
อย่างตื่นตระหนก
“เฮ้ ดูนั่นสิ! ข้างหน้ามีคนอยู่?”
“บัดซบ! พวกมันเป็นใครกันบังอาจมายืนขวางทางพวกเราอยู่ที่
ทางเข้าของสำนัก!”
“ไอ้พวกสาระเลว! ถ้าไม่อยากตายก็หลบไปให้พ้นทางซะเดี๋ยวนี้!”
สาวกแห่งวังเปลวไฟประมาณแปดหรือเก้าคน ที่กำลังวิ่งหนีตาย
ออกมาจากในสำนักอย่างหวาดกลัว เมื่อพวกเขามองเห็นกลุ่มคน
ของหวังเสียนทั้งหกคน ที่กำลังยืนขวางทางอยู่ตรงประตูทางเข้าของ
สำนักวังเปลวไฟ พวกเขาก็หยิบอาวุธพร้อมกับตะโกนออกไปอย่าง
บ้าคลั่ง
“ออกไปให้พ้นทางไม่อย่างนั้นตาย!”
พวกเขาวิ่งตรงเข้ามาพร้อมกับชี้อาวุธตรงมาทางพวกของหวังเสียน
“โอ้ว!..ดูเหมือนพวกเราจะเจอคนที่รู้จักนะ?”
หวังเสียน เหลือบมองเห็นชายหนุ่มทั้งสี่คน ที่พวกเขาได้พบใน
ร้านอาหารเพลิงบุปผาเมื่อตอนบ่าย พวกเขาออกมาพร้อมกับ มู่
หวั่นหวันและกลุ่มเพื่อนของเธอ
“ไอ้พวกหมาขี้แพ้ วิ่งหนีกันจนหางจุกตูด แล้วยังมาทำอวดดีอีกรึ!”
เมื่อเห็นว่ากลุ่มสาวกของสำนักวังเปลวไฟตะโกนด่าพวกเขาพร้อม
กับชักอาวุธออกมา หมอโลหิตก็ยกแขนของเขาขึ้นมาโบกเบา ๆ
เลือดสีแดงเข้มพุ่งตรงเข้าไปหากลุ่มสาวกของสำนักวังเปลวไฟ
ในทันที
“มะ!…มันคือพวกเขา!”
“ไม่นะ!…พวกเขาคือผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกำเนิดลมปราณ…!”
กลุ่มสาวกของสำนักวังเปลวไฟที่กำลังพุ่งตรงเข้ามาโจมตีกลุ่มของ
หวังเสียน สะดุ้งตกใจกันในทันทีเมื่อพวกเขาเห็นหน้าของหมอ
โลหิตอย่างชัด ๆ
พวกเขาอ้าปากพูดกันได้ไม่กี่คำแล้วก็ล้มลงบนพื้นพร้อมกับมีกลุ่ม
เลือดสีแดงเข้มทะลวงเข้าไปในตัวของพวกเขา ความหวาดกลัวเป็น
สิ่งเดียวที่พวกเขารู้สึกได้ก่อนที่สติของพวกเขาจะดับวูบไป
“เฮ้อออ!”
หวังเสียน ถอนหายใจพร้อมกับส่ายหัวเบา ๆ ด้วยความสมเพช ตัว
เขานั้นไม่ได้มีความสงสารกลุ่มคนพวกนี้เลยแม้แต่น้อย เนื่องจาก
คนกลุ่มนี้นั้นตั้งใจจะโจมตีพวกเขาโดยตรง
หลังจากผ่านไปประมาณสิบห้านาที ก็มีร่างเงาของคนเก้าคนค่อย ๆ
ปรากฏตัวออกมา เดินตรงมาทางพวกเขาอย่างไม่เร่งรีบ
หวังเสียน เล่นกับผลึกแก้วมังกรเพลิงโลกันตร์ในมือ พร้อมกับมอง
ไปทางพวกเขาด้วยรอยยิ้ม!
Invincible Divine Dragon’s Cultivation System ระบบฝึกฝนมังกรอมตะ – ตอนที่ 257
ตอนที่ 257
Posted by ? Views, Released on กันยายน 20, 2022
, Invincible Divine Dragon’s Cultivation System ระบบฝึกฝนมังกรอมตะ
Status: Ongoing
แปลงร่างเป็น มังกรศักดิ์สิทธิ์ และครองโลก! ด้วยระบบมังกร เขาจะเป็นมังกรศักดิ์สิทธิ์ผู้เดียวในมหาสมุทรที่ก่อตั้งวังมังกรใต้มหาสมุทร ด้วยทหารฝูงปลาและเหล่าขุนพลสัตว์ทะเลในฐานะผู้ติดตามของเขา รวมทั้งสัตว์ทะเลขนาดมหึมาในฐานะลูกน้องคนสนิทของเขา เขาคือจักพรรดิ์มังกรผู้ปกครองวังมังกรศักดิ์สิทธิ์