ตอนที่ 293 พาหนะอันน่าเกรงขาม!
.
ในช่วงเวลานี้หวังเสียน ก็ได้รับความเข้าใจเกี่ยวกับสายเลือดมังกรศักดิ์สิทธิ์ในตัวของเขา
แก่นเลือดของเขาสามารถยกระดับการวิวัฒนาการให้แก่สัตว์อสูรจิตวิญญาณเหล่านี้ได้
แต่มันก็ยังมีข้อจำกัดเช่นเดียวกัน มันไม่สามารถหลอมรวมและยกระดับสายเลือดที่มีความสามารถสูงหรือสิ่งมีชีวิตที่มีระดับขั้นสูงกว่าตัวเขาได้
ในบรรดาสิ่งมีชีวิตในจักรวาล สายเลือดของราชันย์มังกรศักดิ์สิทธิ์ในตัวของหวังเสียนนั้นถือได้ว่าเป็นจุดสูงที่สุดแล้ว นอกจากเสียว่าเขานั้นจะสามารถวิวัฒนาการสายเลือดในตัวของเขาให้สูงขึ้นจนไปถึงระดับขั้นจักรพรรดิมังกรศักดิ์สิทธิ์ได้
แต่อย่างไรก็ตามความสามารถในปัจจุบันของหวังเสียนนั้นยังคงอ่อนแอและห่างไกลจากจุดสูงสุดของจักรพรรดิมังกรศักดิ์สิทธิ์มากเกินไป แก่นหยดเลือดของเขาในตอนนี้จึงไม่ทรงพลังมากนัก หากพูดให้เห็นภาพตัวเขานั้นก็เป็นเพียงแค่มังกรตัวเล็กที่เพิ่งเกิดใหม่ได้ไม่นานเพียงเท่านั้น
ดังนั้นความพยายามที่จะแทนที่สายเลือดของสัตว์อสูรที่มีระดับความแข็งแกร่งมากกว่าตัวเขานั้นจึงแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย [1]
และแม้ว่าผู้ที่มีความสามารถแข็งแกร่งกว่าหวังเสียน จะไม่สามารถเปลี่ยนสายเลือดให้กลายเป็นสายเลือดของมังกรศักดิ์สิทธิ์ได้ แต่แก่นเลือดของเขาก็ยังช่วยวิวัฒนาการและยกระดับความสามารถเพิ่มขึ้นได้อย่างมากเลยทีเดียว
และเมื่อหวังเสียน ก้าวไปถึงระดับจักรพรรดิมังกรศักดิ์สิทธิ์ของการเปลี่ยนแปลงครั้งที่ 9 ด้วยเลือดเพียงหยดเดียว เขาสามารถเปลี่ยนสิ่งมีชีวิตธรรมดาทั่วไป ให้กลายเป็นสัตว์อสูรที่ทรงพลังได้เพียงแค่ความคิดเดียวเท่านั้น
‘ดูเหมือนว่าสุนัขอสูรจิตวิญญาณตัวนี้จะมีสายเลือดที่แข็งแกร่งเป็นพิเศษ!’ หวังเสียน ครุ่นคิดอยู่ในใจ เขาเพิ่งเคยเห็นสัตว์อสูรจิตวิญญาณเช่นนี้เป็นตัวแรก ที่สามารถดูดซับแก่นหยดเลือดของเขาแล้วเปลี่ยนมันให้เป็นพลังงานเพื่อวิวัฒนาการตัวเองได้
แต่ถึงอย่างนั้นแก่นหยดเลือดของเขาก็ยังมีจิตสำนึกและพันธะสัญญาทางวิญญาณของเขาอยู่ด้วย
ฉะนั้นสุนัขอสูรจิตวิญญาณตัวนี้จึงยังคงอยู่ภายใต้เงื่อนไขและการควบคุมทางพันธะสัญญาจิตวิญญาณของเขา
หากว่าสุนัขอสูรจิตวิญญาณตัวนี้ต้องการปลดพันธะสัญญาทางจิตวิญญาณออกจากการถูกควบคุมโดยหวังเสียน มันจะต้องมีความสามารถมากกว่าเขาถึง 2 ระดับ
แต่ก็คงจะเป็นไปได้ยากอยู่ดี เพราะว่าความแข็งแกร่งและความสามารถของหวังเสียนนั้นสามารถพัฒนาขึ้นไปได้อย่างรวดเร็วมากกว่ามันมาก
“นายท่านขอรับ! เราได้รับข้อมูลบางส่วนมาจากฮาร์ดไดรฟ์ในคอมพิวเตอร์ของพวกมัน แต่ข้อมูลส่วนใหญ่ก็ถูกทำลายลงไปหมดแล้ว!” โม่ชิงหลง, โม่หยวนและเหล่านักรบมังกรเดินเข้ามารายงานกับหวังเสียน
“แล้วพวกเจ้าได้รับข้อมูลเกี่ยวกับภารกิจและการจ้างวานขององค์กรมือสังหารมนต์ดำมาหรือไม่?” หวังเสียนถามขึ้นมาในทันที
ท้ายที่สุดแล้วเหตุผลที่พวกเขามาทำลายล้างองค์กรมือสังหารมนต์ดำก็เพื่อต้องการที่จะแก้แค้นให้กับอสูรที่ 23 และอสูรที่ 31
และสิ่งที่สำคัญที่สุดนั่นก็คือพวกเขาต้องการหาผู้ที่อยู่เบื้องหลังการจ้างวานในครั้งนี้ ผู้ที่ซึ่งเป็นต้นเหตุให้สาวกของสำนักมังกรทั้งสองคนต้องเสียชีวิตลง
“ใช่ขอรับนายท่าน! พวกเราได้ข้อมูลของผู้ที่เป็นต้นเหตุให้คนของพวกเราต้องถูกสังหารมาด้วยขอรับ!” โม่ชิงหลงตอบแทนเหล่านักรบมังกรคนอื่นๆ
“ดีมาก! ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็กลับกันเถอะ!” หวังเสียน พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ ก่อนที่เขาจะนำคนอื่นๆทะยานโผล่ขึ้นไปบนผิวน้ำทะเลสาบตงหลิง
ฟ่ออออ!
งูยักษ์โลหิตสองตัวรีบเลื้อยตามกลุ่มของหวังเสียนไปติดๆ
ในตอนนี้ขนาดลำตัวของพวกมันนั้นใหญ่โตขึ้นมาก พวกมันทั้งคู่มีขนาดพอๆกับถังน้ำขนาดใหญ่และลำตัวของพวกมันก็ยาวมากกว่า 20 เมตร
“ไปกันเถอะ!” หวังเสียน หันไปพูดกับโม่ชิงหลงและเหล่านักรบมังกร ขณะที่อยู่บนผิวน้ำในใจกลางทะเลสาบ
หวังเสียนกระโดดขึ้นไปยืนอยู่บนหัวของงูยักษ์โลหิตตัวหนึ่ง
หัวของงูยักษ์โลหิตนั้นมีความกว้างมากกว่า 2 เมตร มันจึงมีพื้นที่ว่างมากพอให้ยืนอยู่ได้อย่างสบาย
ในขณะเดียวกันโม่ชิงหลง, โม่หยวนและเหล่านักรบคนอื่นๆ ก็ไปยืนอยู่บนหัวและลำตัวของงูยักษ์โลหิตอีกตัวหนึ่ง
ขนาดความกว้างและความยาวของงูยักษ์โลหิตสองตัว เพียงพอต่อการบรรทุกคนทั้งสิบคนได้อย่างสบาย
สุนัขอสูรจิตวิญญาณรีบตามกระโดดไปหมอบอยู่ที่ด้านข้างของหวังเสียน ด้วยท่าทางที่สงบเรียบร้อย
“ไป!” หวังเสียนสั่งงูยักษ์โลหิตทั้งสองตัวทันที
ฟ่อออ! ฟ่อออ!
งูยักษ์โลหิตแลบลิ้นยาวและส่งเสียงขู่ออกมา ก่อนที่พวกมันจะเคลื่อนตัวตามคำสั่งของหวังเสียนอย่างรวดเร็ว
ในเวลานี้เหล่าจอมยุทธที่เคยอยู่ในบริเวณริมทะเลสาบ ต่างก็แยกย้ายกลับกันไปนานแล้ว
งูยักษ์โลหิตทั้งสองตัวมีขนาดค่อนข้างที่จะใหญ่โต ด้วยการที่มันเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วทำให้ต้นไม้ที่มีความสูง 7-8 เมตรที่ขวางทางพวกมันหักโค่นลงอย่างง่ายดาย
กลุ่มของหวังเสียนยังคงเคลื่อนที่ไปข้างหน้ากันอย่างรวดเร็ว โดยที่ขี่อยู่บนตัวของงูยักษ์โลหิต
กลุ่มชายสวมหน้ากากทมิฬทั้งสิบคนที่อยู่ด้านหลังงูยักษ์โลหิตช่างน่าเกรงขามอย่างแท้จริง
ในขณะเดียวกันเหล่ากองกำลังของชาวยุทธ ที่กำลังเดินทางกลับต่างพูดคุยและอย่างออกรสเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นในก่อนหน้านี้
“เฮ้ออ! มันจะดีมากขนาดไหนกันนะถ้าพวกเรานั้นได้ เห่าฟ้า สัตว์อสูรจิตวิญญาณตัวนั้นมาเป็นสัตว์ขี่ของพวกเรา มันคงจะเท่มากน่าดูเลยทีเดียว!” จอมยุทธหนุ่มคนหนึ่ง พูดในสิ่งที่เขาจินตนาการด้วยรอยยิ้ม
“เจ้าอยากได้เห่าฟ้าตัวนั้นมาเป็นสัตว์ขี่ของเจ้าอย่างนั้นรึ? ทำไมไม่สำรวจดูความสามารถของตัวเองสักหน่อยก่อนล่ะ ถึงแม้ว่ามันจะถูกเจ้าจับได้ แต่เห่าฟ้าที่เป็นถึงสัตว์อสูรจิตวิญญาณมีความแข็งแกร่งระดับเดียวกับผู้เชี่ยวชาญก่อกำเนิดลมปราณ เจ้าคิดว่ามันจะยอมให้เจ้าขี่มันอย่างนั้นหรือ!” จอมยุทธหนุ่มอีกคนหนึ่งพูดตอบเขาออกมาอย่างไม่ใยดี
“ถ้าอย่างนั้นข้าก็จะเลี้ยงดูมันอย่างดีและรอให้มันคลอดลูกออกมา แล้วให้ลูกของมันยอมรับข้าในฐานะเจ้านายของมัน ลูกของมันต้องยอมให้ข้าขี่อย่างแน่นอน ฮ่าๆๆ!” จอมยุทธหนุ่มคนแรกพูดออกมาอย่างเพ้อฝัน
ผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกำเนิดลมปราณที่อยู่ในกลุ่มยิ้มออกมาเมื่อได้ยินคำพูดของจอมยุทธหนุ่มคนนั้น
“ถึงแม้ว่าสัตว์อสูรจิตวิญญาณระดับสูงจะคลอดลูกออกมา มันก็คงจะไม่ยอมเป็นสัตว์ขี่ของเจ้าอย่างแน่นอน ความรู้ความสามารถของพวกมันจะสืบทอดโดยตรงจากบรรพบุรุษของพวกมัน ต่อให้ลูกหลานของพวกมันจะมีสายเลือดที่เบาบางลงก็ตามที!”
“แต่ก็มีบางกรณีที่สัตว์อสูรจิตวิญญาณระดับสูงยอมเป็นสัตว์ขี่ให้แก่ผู้ฝึกตนที่มีความแข็งแกร่งด้อยกว่าพวกมัน นั่นก็คือทั้งสองฝ่ายต้องทำพันธสัญญาทางจิตวิญญาณต่อกัน แต่ในกรณีนั้นก็ยากมากที่สัตว์อสูรจิตวิญญาณจะยอมรับสัญญาจิตวิญญาณนี้หากไม่เกิดกรณีพิเศษขึ้นมาจริงๆ!”
ชายชราคนหนึ่งอธิบายให้กับเหล่าจอมยุทธหนุ่มที่ไร้ประสบการณ์ได้ฟัง
“แต่สำนักระดับชั้นศักดิ์สิทธิ์บางสำนักก็มีวิธีพิเศษเพื่อที่จะทำให้พวกมันยอมรับใช้พวกเขา ยกตัวอย่างเช่นการใช้เวทมนตร์บางชนิดกับพวกมัน หรืออาจสร้างสถานการณ์พิเศษเช่นทำให้พวกมันบาดเจ็บจนอ่อนแออยู่ในระดับที่ไม่สามารถต้านทานการทำพันธสัญญาทางจิตวิญญาณได้ หรืออาจจะใช้พันธะสัญญาทางจิตวิญญาณกับลูกของมันตั้งแต่เกิดใหม่เลยก็ได้ แต่ผู้ที่กระทำเช่นนี้ก็จะต้องมีความแข็งแกร่งและทรงพลังมากเลยทีเดียว!” ผู้อาวุโสอีกคนหนึ่งในกลุ่มพูดเสริมออกมา
คลืนน! โครมมม!
ในขณะที่พวกเขากำลังพูดคุยกันอยู่นั้น มีดังสะท้อนออกมาจากแนวป่าทางด้านหลังของพวกเขา
ฟังดูราวกับว่ามีวัตถุขนาดใหญ่ถูกลากผ่านแนวป่ามา
“ระวัง!” ชายชราคนหนึ่งร้องตะโกนเตือนเหล่าชาวยุทธ ด้วยท่าทางที่เคร่งเครียด
“หลบไปด้านข้างเร็วเข้า! กระจายตัวหลบกันออกไปอยู่ทางด้านข้าง!” กลุ่มชาวยุทธตะโกนออกมา พวกเขารีบกระจายตัวหลบออกไปอยู่ตามแนวป่ากันในทันที
ในทันใดนั้นสิ่งมีชีวิตขนาดมหึมาสองตัวก็ปรากฏตัวขึ้น หัวขนาดใหญ่พร้อมกับลิ้นสีแดงที่แลบยาวออกมาและดวงตาสีดำสนิท เมื่อมองดูแล้วช่างน่าหวาดกลัวจนขนลุกตั้งชันเลยทีเดียว
“โอ้วพระเจ้าช่วย!” สาวกหญิงคนหนึ่งยืนตัวแข็งค้างและตะโกนร้องออกมาอย่างหวาดกลัว
“ตรงนั้น!…มีคนยืนอยู่ตรงนั้นด้วย!”
ชายวัยกลางคนในกลุ่มชาวยุทธคนหนึ่งร้องตะโกนออกมาด้วยความตกใจ
“นั่นมัน!..หน้ากากทมิฬ!”
“กลุ่มองค์กรมือสังหารอเวจีทมิฬ!”
งูยักษ์โลหิตขนาดใหญ่สองตัวเลื้อยมาด้วยความเร็วพร้อมกับชายสวมหน้ากากสิบคนที่อยู่บนหัวและบนลำตัวของพวกมัน
เมื่อหวังเสียนได้ยินเสียงร้องตะโกนด้วยความตกใจของเหล่าชาวยุทธ เขาก็ยิ้มออกมาบางๆ
ในขณะเดียวกันสุนัขอสูรจิตวิญญาณก็จ้องมองไปที่ชาวยุทธพวกนั้นด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตร
“โฮ่งๆๆ!” มันเห่าออกมาเสียงดัง เพื่อแสดงออกถึงความไม่พอใจที่มันถูกตามล่าและรุมทำร้ายโดยเหล่าชาวยุทธกลุ่มนี้
เหล่าจอมยุทธหนุ่มและจอมยุทธสาว ต่างจ้องมองไปยังกลุ่มชายสวมหน้ากากทั้งสิบคนที่กำลังขี่งูยักษ์โลหิตด้วยความอิจฉา
“เท่มากจริงๆ…น่าอิจฉาเป็นบ้าเลย พวกเขาสามารถนำงูยักษ์ขนาดใหญ่แบบนั้นมาเป็นพาหนะส่วนตัวของพวกเขาได้!” ชาวยุทธหนุ่มคนหนึ่งตะโกนออกมาเสียงดัง
“ไม่รู้ว่าในชีวิตนี้ข้าจะสามารถมีโอกาสได้รับสัตว์ขี่ที่ทรงพลังเช่นงูยักษ์ทั้งสองตัวนี้บ้างหรือไม่?” ชายหนุ่มอีกคนนึงพูดออกมาด้วยสายตาที่คาดหวัง
แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกำเนิดลมปราณก็ยังรู้สึกอิจฉาเมื่อเห็นงูยักษ์โลหิตทั้งสองตัว “เฮ้อ! พวกเขานั้นมีความแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ไม่น่าแปลกใจเลยที่พวกเขาจะสามารถกวาดล้างองค์กรมือสังหารมนต์ดำได้อย่างง่ายดาย แม้แต่สัตว์ขี่ของพวกเขาก็ยังน่ากลัวมากขนาดนี้!”
งูยักษ์โลหิตทั้งสองตัวเคลื่อนที่กันอย่างรวดเร็ว ถึงแม้พวกมันจะบรรทุกกลุ่มของหวังเสียนไปด้วยก็ตาม แต่ด้วยจำนวนคนเพียงเท่านี้จึงไม่เป็นภาระใดๆกับพวกมันเลยแม้แต่น้อย
ระหว่างทางที่งูยักษ์โลหิตทั้งสองตัวผ่านไป ชาวยุทธจะจ้องมองไปที่กลุ่มของหวังเสียนด้วยความอิจฉา
หลังจากนั้นไม่นานงูยักษ์โลหิตก็เดินทางมาถึงที่ชายทะเล พวกเขาทั้งหมดกระโจนลงทะเลและออกเดินทางกลับไปยังเมืองเจียงเฉิง ผ่านทางทะเลโดยตรง
หลังจากผ่านไปห้าชั่วโมงหวังเสียน ก็เดินทางกลับมาถึงที่วิลล่าของเขา สุนัขอสูรจิตวิญญาณตามเขามาอย่างใกล้ชิด มันวิ่งวนไปรอบๆบริเวณอย่างตื่นเต้นและแสดงความอยากรู้อยากเห็นออกมาอย่างกระตือรือร้น
“พวกเรากลับไปที่สำนักมังกรกันเถอะ!” โม่หยวนและเหล่านักรบมังกร กล่าวอำลากับหวังเสียนด้วยความเคารพ ก่อนที่พวกเขาจะกลับไปที่เกาะสำนักมังกรพร้อมกับงูยักษ์โลหิตทั้งสองตัว
ส่วนโม่ชิงหลง ก็เดินตามหวังเสียน กลับไปที่วิลล่าของเขา ในฐานะพ่อบ้านตามเดิม
“นายท่านขอรับ! กระผมจะไปหาข้อมูลของผู้ที่จ้างวานองค์กรมือสังหารมนต์ดำก่อนนะขอรับ!” โม่ชิงหลงรายงานต่อหวังเสียน
โม่ชิงหลงรีบนำฮาร์ดไดรฟ์ที่พวกเขาได้รับมาจากฐานขององค์กรมือสังหารมนต์ดำ เข้าไปในห้องคอมพิวเตอร์เพื่อนำข้อมูลทั้งหมดออกมา
หวังเสียนพยักหน้าก่อนที่เขาจะเดินกลับไปนั่งที่โซฟาอย่างเกียจคร้าน
โฮ่งโฮ่ง!
สุนัขอสูรจิตวิญญาณเห่าเสียงดังพร้อมกับเดินไปรอบๆด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“เจ้ามาตรงนี้! เจ้าสามารถเปลี่ยนรูปลักษณ์ของเจ้าให้เล็กลงได้หรือไม่?” หวังเสียน พูดกับสุนัขอสูรจิตวิญญาณพร้อมกับกวักมือเรียกมันให้เข้ามาใกล้ๆเขา
รูปลักษณ์เดิมของสุนัขอสูรจิตวิญญาณตัวนี้นั้นเป็นที่รู้จักของหลายๆคนในโลกยุทธภพ เมื่อมีคนเห็นมันพวกเขาก็จะสามารถเชื่อมโยงตัวเขากับกลุ่มองค์กรมือสังหารอเวจีทมิฬได้โดยง่าย
โฮ่งโฮ่ง!
สุนัขอสูรจิตวิญญาณเห่าตอบรับเบาๆ ก่อนที่ขนสีทองบนร่างกายของมันจะค่อยๆสองแสงสว่างจ้าออกมา!
………
จบบท
EndNote: [1] ระดับในที่นี้หมายถึงระดับการฝึกฝนไม่ใช่ระดับของสายเลือด เช่น หวังเสียน อยู่ในระดับการเปลี่ยนแปลงของราชันย์มังกรศักดิ์สิทธิ์ครั้งที่ 1 [มีถึงครั้งที่9] ในระดับที่ 7 เขามีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับสัตว์อสูรจิตวิญญาณระดับ 13 ตัวเขาจะไม่สามารถเปลี่ยนสายเลือดของสัตว์อสูรที่สูงกว่าระดับที่ 14 ให้กลายเป็นสายเลือดมังกรศักดิ์สิทธิ์ได้