ตอนที่ 338 ต้นกำเนิดทักษะทางการแพทย์โบราณ!
.
“จิ๊ๆๆ! คุณลักษณะของมันคล้ายกับแวมไพร์จริงๆ มันต้องการใช้เลือดของเหยื่อเพื่อพัฒนาความแข็งแกร่งของมัน ระหว่างที่มันดูดเลือดของเหยื่อมันจะฉีดสารพิษเข้าไปในร่างกายของเหยื่ออีกด้วย และสารพิษที่มันฉีดเข้าไปนี้มีฤทธิ์กัดกร่อนที่รุนแรงมากเลยทีเดียว!” หมอโลหิต หลับตาลงเล็กน้อยในขณะที่เขาปล่อยให้ปลิงดูดเลือดที่แขนของเขาต่อไป มันเป็นฉากที่น่าขนลุกมากเลยทีเดียว
“ร่างกายของมันช่างแปลกประหลาดมาก ในขณะที่มันนั้นกำลังดูดเลือดอยู่ลักษณะของมันคล้ายกับว่ามันกำลังฝึกฝนและบ่มเพาะอยู่ เหมือนกับมนุษย์ที่ใช้หินจิตวิญญาณหรือใช้ต้นยาจิตวิญญาณในการฝึกฝน นี่เป็นสัญญาณบ่งบอกว่ามันมีสายเลือดของสิ่งมีชีวิตระดับสูงอยู่ในตัวของมัน!”
หมอโลหิตอธิบายเพิ่มเติมในขณะที่เขามีสีหน้าประหลาดใจกับความสามารถของสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์เหล่านี้
หลังจากนั้นเขาก็ลืมตาช้าๆพร้อมกับพูดว่า “สิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์พวกนี้นั้นช่างน่ากลัวมากเลยจริงๆ!”
ฉัวะ! ~
หลังจากนั้นเขาก็ใช้ปลายนิ้วตัดตัวปลิงออกเป็น 2 ส่วน
เลือดที่ไหลออกมาจากตัวของมันนั้นเริ่มเชื่อมต่อตัวทั้งสองส่วนที่ขาดออกจากกัน ให้เป็นเหมือนเดิมได้ในทันที
จากปฏิกิริยาของมันนั้นดูเหมือนว่ามันจะไร้ความรู้สึกเจ็บปวด มันยังคงพยายามดิ้นรนจะกลับไปดูดเลือดของหมอโลหิตเช่นเดิม
“เจ้าสิ่งมีชีวิตที่น่ารังเกียจ!”
หมอโลหิตสลัดมือของเขาโยนปลิงกลายพันธุ์กลับเข้าไปในกล่องกระจกใสและล็อคมันไว้เช่นเดิม
หลังจากนั้นเขาก็หยิบหลอดแก้วทดลองขึ้นมาจากบนโต๊ะ ก่อนที่จะใช้พลังลมปราณบีบเอาหยดของเหลวสีน้ำตาลออกมาจากบาดแผลของเขา
“นี่คือสารพิษจากภายในร่างกายของปลิงกลายพันธุ์ตัวนี้ และมันน่าจะมีเชื้อไวรัสที่เปลี่ยนสภาพของสิ่งมีชีวิตอื่นๆหลังจากที่ถูกพวกมันกัดอยู่ในนี้ด้วย!” หมอโลหิตหันไปพูดกับนายทหารชายวัยกลางคน ในขณะที่แผลบนแขนของเขาก็เริ่มรักษาตัวเองอย่างรวดเร็วด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์
แววตาของนายทหารวัยกลางคนเป็นประกายออกมาในทันที เขารีบกล่าวคำขอบคุณหมอโลหิตอย่างจริงใจ “ขอขอบคุณหมอเทวะโลหิตเป็นอย่างมาก คุณสามารถเลือกสมบัติจิตวิญญาณจากคลังสมบัติแห่งชาติได้ 1 ชิ้นหลังจากเหตุการณ์นี้จบลงแล้ว!”
“ฮิๆๆ! นั่นเป็นสิ่งที่ดี! คนของหน่วยงานทางทหารของพวกคุณ ช่างใจกว้างดีจริงๆ ฮิๆๆ!” ดวงตาของหมอโลหิตสว่างขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินคำพูดของนายทหารวัยกลางคน
เมื่อเหล่าบรรดาหมอเทวะที่อยู่รอบๆได้ยินเช่นนั้น ต่างก็มองไปที่หมอโลหิตด้วยความอิจฉา
“ให้ข้าตรวจดูพิษนั่นหน่อยได้ไหม!” ชายชราคนหนึ่งจากสำนักเซิ่งเหมินถู ยื่นมือไปหยิบหลอดแก้วจากมือของนายทหารวัยกลางคนพร้อมกับจ้องมองมันอย่างพิจารณา [1]
“พิษชนิดนี้นั้นสามารถดูดซึมสายเลือดของสิ่งมีชีวิตได้โดยตรง และสายเลือดที่อ่อนแอนั้นจะถูกดูดซึมและปรับเปลี่ยนให้กลายพันธุ์อย่างรวดเร็ว!” ชายชราคนนั้นอธิบายพร้อมกับคิ้วที่ขมวดเข้าหากัน
“แล้วเราจะสามารถป้องกันและแก้ไขพิษชนิดนี้ได้อย่างไร!” นายทหารวัยกลางคนถามออกมาในทันที
“มันจำเป็นต้องใช้ต้นยาจิตวิญญาณระดับ 4 ชื่อของมันนั้นก็คือต้นหญ้าเลือดดำ ด้วยผลของต้นหญ้าเลือดดำมันจะสามารถใช้ล้างพิษได้อย่างสมบูรณ์ ถึงแม้ว่าพิษชนิดนี้จะเข้าสู่ร่างกายของมนุษย์ไปแล้วก็ตาม!” ชายชราตอบออกมาด้วยท่าทีที่เคร่งขรึม
“ต้นหญ้าเลือดดำ?” นายทหารวัยกลางคนขมวดคิ้วแล้วถามต่อออกมาอีกว่า “แล้วสำหรับคนที่ติดพิษต้นหญ้าเลือดดำนี้จะสามารถช่วยให้เขาฟื้นตัวได้หรือไม่?”
“น่าจะมีความเป็นไปได้ 80-90 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว!” ชายชราพยักหน้าแล้วตอบ
“เม็ดยาจิตวิญญาณระดับ 3 ที่ชื่อว่ายาล้างเลือดก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน!” ในขณะนั้นเองเสียงของเปี่ยนเหยาฉวนก็ดังขึ้นมา เขาเงยหน้าขึ้นแสดงออกถึงความภาคภูมิใจอย่างชัดเจน
“ยาล้างเลือด!” ชายชราจากสำนักเซิ่งเหมินถู พูดพึมพำออกมาเขาไม่คุ้นเคยกับชื่อยาชนิดนี้
“เนื่องจากคุณชายเปี่ยน มีความมั่นใจเป็นอย่างมากจึงไม่น่าจะผิดพลาดได้!” ชายชราพูดยืนยันออกมาเมื่อเขาเห็นความมั่นใจของเปี่ยนเหยาฉวน
“เรามีทหารกว่า 40 คนที่ติดพิษชนิดนี้และถูกจับมัดขังเอาไว้ในห้องดูแลพิเศษ คุณชายเปี่ยน คุณสามารถช่วยเราปรับแต่งเม็ดยาจิตวิญญาณชนิดนี้ได้หรือไม่? ทางเราจะจัดหาพืชสมุนไพรที่จำเป็นให้กับคุณเอง หลังจากนั้นคุณชายเปี่ยนสามารถเข้าไปที่คลังสมบัติแห่งชาติและเลือกสมบัติจิตวิญญาณออกมาได้ 1 ชิ้นเช่นเดียวกัน!”
นายทหารวัยกลางคนพูดต่อไปอีกว่า “นอกจากนี้เราจะเข้าไปยังจุดศูนย์กลางที่อยู่ทางฝั่งของแม่น้ำฮวงโหเพื่อค้นหาแหล่งที่มาของเชื้อไวรัสชนิดนี้ จากการที่เราได้ลงมือสำรวจไปก่อนหน้านี้หลายครั้ง เราได้พบว่ามันมีสัตว์กลายพันธุ์ที่แข็งแกร่งเฝ้าอยู่ที่บริเวณนั้นค่อนข้างจะหนาแน่น ฉะนั้นผมจึงอยากขอร้องให้คุณชายเปี่ยน ช่วยปรับแต่งเม็ดยาชนิดนี้ให้มากขึ้นเพื่อที่จะได้นำไปใช้ในกรณีฉุกเฉิน!”
“เชื่อมือข้าเถอะ! ข้ารับรองได้ว่าข้าสามารถปรุงยาชนิดนี้ให้กับพวกท่านได้อย่างแน่นอน!”
เปี่ยนเหยาฉวน แสดงรอยยิ้มออกมาอย่างมั่นใจ เขาเชิดหน้าขึ้นอีกครั้งพร้อมกับชำเลืองมองไปที่หวังเสียน ด้วยรอยยิ้มแห่งผู้ชนะ
“ทุกๆท่านได้โปรดพักผ่อนรอผมอยู่ที่นี่ก่อน ผมจะเตรียมที่พักไว้ให้กับพวกท่าน และผมจะทิ้งสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์ทั้ง 4 ชนิดนี้เอาไว้ให้พวกท่านได้ศึกษา แต่ได้โปรดระมัดระวังตัวกันเอาไว้หน่อยนะครับ!”
นายทหารวัยกลางคนพูดกับกลุ่มคนทั้งหมด ก่อนที่จะหันไปพูดกับเปี่ยนเหยาฉวน “คุณชายเปี่ยน ได้โปรดจดสิ่งที่คุณต้องการในการปรุงยา ผมจะได้รีบให้คนไปจัดเตรียมให้คุณโดยเร็วที่สุด!”
“ตกลง!”
เปี่ยนเหยาฉวน พยักหน้าและเดินไปที่โต๊ะเพื่อนเขียนในสิ่งที่เขาต้องการในการปรุงยา หลังจากนั้นเขาก็ยื่นแผ่นกระดาษให้แก่นายทหารวัยกลางคน
“คุณชายเปี่ยน คุณมีสิ่งที่ต้องการเพิ่มเติมมากกว่านี้อีกหรือไม่?” นายทหารชายวัยกลางคนถามขึ้นมาหลังจากที่เขาดูรายการในแผ่นกระดาษ
“ไม่มีอะไรต้องเพิ่มเติมแล้ว! เพียงแค่นี้ข้าก็สามารถปรุงเม็ดยาระดับ 3 ได้แล้ว ถึงแม้ว่าจะไม่มีเตากลั่นยาก็ตาม!” เปี่ยนเหยาฉวน ยิ้มอย่างมั่นใจ ต่อจากนั้นเขาก็พลิกฝ่ามือของเขา ต่อจากนั้นเปลวไฟสีเขียวก็ปรากฏขึ้นบนฝ่ามือของเขา
“เปลวไฟแห่งสวรรค์! มันคือเปลวไฟแห่งสวรรค์!”
เมื่อฝูงชนที่อยู่รอบ ๆ เห็นเปลวไฟบนมือของเปี่ยนเหยาฉวนพวกเขาก็ตกใจ
“เปลวไฟแห่งสวรรค์นั้นเป็นเปลวไฟชนิดพิเศษของสำนักสวนศาลาสมุนไพร มันมีไว้สำหรับการหลอมกลั่นและปรุงยา! เมื่อมีลูกศิษย์ที่มีพรสวรรค์ทางด้านการปรุงยา พวกเขาจะต้องเข้าไปในห้องโถงพิเศษเพื่อให้ได้รับการยอมรับจากจิตวิญญาณแห่งเปลวไฟประจำสำนัก!”
“เมื่อได้รับการยอมรับจากจิตวิญญาณแห่งเปลวไฟประจำสำนักแล้ว จิตวิญญาณแห่งเปลวไฟจะแบ่งเปลวไฟสวรรค์ออกมาเป็นเปลวไฟเล็กๆเพื่อให้พวกเขานำไปบ่มเพาะให้กลายเป็นจิตวิญญาณธาตุไฟประจำตัวของพวกเขา แต่ต่อให้เปลวไฟแห่งสวรรค์ยังไม่มีจิตวิญญาณแห่งเปลวไฟก็ตาม มันก็ยังสามารถนำมาหลอมกลั่นและปรุงยาได้!” ชายชราคนหนึ่งอธิบาย
“ช่างน่ามหัศจรรย์จริงๆ!” นายทหารวัยกลางคนพูดออกมาอย่างชื่นชม
“สำนักสวนศาลาสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์นั้นสมกับเป็นสำนักแห่งนักปรุงยาจริงๆ แม้แต่ลูกศิษย์หลักก็มีโอกาสได้รับเปลวไฟแห่งสวรรค์เพื่อนำมาใช้ในการปรุงยา!”
ฝูงชนโดยรอบรู้สึกตกใจกับความใจกว้างของสำนักสวนศาลาสมุนไพร ที่พวกเขายินยอมให้ลูกศิษย์สามารถได้รับเปลวไฟแห่งสวรรค์ได้
“คุณชายเปี่ยนพวกเราจะรีบนำส่งสมุนไพรและสิ่งต่างๆตามในรายการให้ได้ภายในครึ่งชั่วโมง!” นายทหารวัยกลางคนพูดออกมาด้วยรอยยิ้มอย่างสุภาพ
“ถ้าอย่างนั้นข้าจะรอท่านอยู่ที่นี่!”
เปี่ยนเหยาฉวน พยักหน้ารับคำ ก่อนที่เขาจะหันไปมองยังหวังเสียน ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยพร้อมกับพูดออกมาว่า “ทักษะทางการแพทย์โบราณในยุคนี้นั้นล้วนแล้วแต่มาจากสำนักสวนศาลาสมุนไพร แต่อย่างไรก็ตามสำนักสวนศาลาสมุนไพรของเรานั้นไม่ได้มุ่งเน้นไปที่ทักษะทางการแพทย์เป็นหลัก เพราะสำนักของพวกเรานั้นถือได้ว่าทักษะการหลอมกลั่นและปรุงยานั้น มีสถานะที่สูงกว่าผู้ที่มีทักษะการแพทย์มาก!”
เมื่อเขาพูดจบเขาก็หันไปยังซุนหลิงซิ่ว ก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาอย่างโกรธเคืองว่า “เทพธิดาแห่งแสงศักดิ์สิทธิ์เจ้าก็อย่าหยิ่งผยองให้มันมากนัก ในสายตาของข้าเจ้าก็ไม่ต่างจากหญิงสาวธรรมดาทั่วไป! ชิ!”
เปี่ยนเหยาฉวน เดินไปนั่งที่เก้าอี้หลังจากที่เขาพูดจบ
เหล่าหมอเทวะที่อยู่รอบๆ ต่างก็ขมวดคิ้วขึ้นมาพร้อมกัน แต่พวกเขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา แม้แต่คนจากสำนักเซิ่งเหมินถูก็ไม่ได้พูดตอบโต้ในสิ่งที่เปี่ยนเหยาฉวนพูดออกมา
ซึ่งเรื่องนี้ก็ค่อนข้างที่จะเป็นจริงอย่างคำอ้างของเปี่ยนเหยาฉวน ทักษะการแพทย์โบราณในยุคนี้นั้นมาจากสำนักสวนศาลาสมุนไพร
ตระกูลฮัวและตระกูลเปี่ยนของสำนักสวนศาลาสมุนไพรเป็นลูกหลานของฮัวโต๋และเปี่ยนเหอ คนทั้งสองนี้เป็นบรรพบุรุษผู้ก่อตั้งสำนักสวนศาลาสมุนไพร ในอดีตพวกเขานั้นเป็นสาวกของสำนักการแพทย์โบราณพวกเขาได้รับการถ่ายทอดทักษะมาจากปรมาจารย์ทางด้านการแพทย์ในยุคสมัยที่จิตวิญญาณทางธรรมชาติยังเฟื่องฟูอยู่
ฉะนั้นทักษะทางการแพทย์ส่วนใหญ่ในโลกยุทธภพสมัยนี้จึงมาจากสิ่งที่พวกเขาถ่ายทอดความรู้ให้แก่ชนรุ่นหลังทั้งสิ้น
หากพูดให้ตรงประเด็นเลยก็คือ ทักษะทางการแพทย์โบราณของเหล่าหมอเทวะที่มีชื่อเสียงในโลกยุทธภพในตอนนี้นั้นก็มีต้นกำเนิดมาจากสำนักสวนศาลาสมุนไพรนั้นเอง
สำนักสวนศาลาสมุนไพรนั้นมีประวัติมายาวนานกว่า 400 ปี แต่สิ่งที่พวกเขานั้นให้ความสำคัญมากที่สุดนั้นก็คือทักษะการปรุงยา ซึ่งพวกเขาจะให้ความสำคัญมากกว่าทักษะทางการแพทย์โบราณ
และเฉพาะสาวกผู้สืบเชื้อสายโดยตรงของตระกูลฮัวและตระกูลเปี่ยนเท่านั้นที่จะได้รับอนุญาตให้เรียนรู้ทักษะการหลอมกลั่นและปรุงยา ส่วนสาวกที่ไม่ได้มีสายเลือดของทั้งสองตระกูลดังที่กล่าวมาแล้วจะได้รับเพียงทักษะทางการแพทย์โบราณเพียงเท่านั้น
และเหล่าบรรดาหมอเทวะในยุคสมัยนี้ก็ทราบถึงต้นกำเนิดของทักษะการแพทย์ที่พวกเขาได้เรียนรู้มาอย่างดี
ดังนั้นแม้ว่าเจ้าสำนักของสำนักเซิ่งเหมินถู จะอยู่ในระดับที่สูงกว่าเจ้าสำนักสวนศาลาสมุนไพร ในการจัดอันดับหมอเทวะศักดิ์สิทธิ์แห่งโลกยุทธภพ แต่ศักดิ์ศรีและลำดับชั้น สำนักสวนศาลาสมุนไพรก็ยังอยู่เหนือกว่าสำนักเซิ่งเหมินถูมาก
แต่สำนักของพวกเขาทั้งสองสำนักนั้นเป็นพันธมิตรกันมาอย่างยาวนาน และได้เรียนรู้ระดับชั้นความสำคัญของพวกเขาเป็นอย่างดี ทั้งสองสำนักจึงไม่เคยมีเรื่องที่หมางใจกัน
“ตามข้อเท็จจริงแล้ว เส้นทางของนักปรุงยานั้นถือได้ว่าเป็นเส้นทางที่ยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง!” ชายชราในชุดขาวที่เป็นหมอเทวะอันดับที่ 5 พูดพึมพำออกมา
หมอเทวะนั้นสามารถรักษาอาการบาดเจ็บและช่วยชีวิตคนได้ แต่อาชีพนักปรุงยานั้นสามารถช่วยชีวิต ช่วยรักษาอาการบาดเจ็บรวมถึงสามารถเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับตนเองและผู้อื่นได้อีกด้วย
ถ้าพูดกันตามหลักการแล้ว คุณประโยชน์และสถานะนั้นแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดเลยทีเดียว
เหล่าบรรดาหมอเทวะต่างมองไปยัง เปี่ยนเหยาฉวน ด้วยสายตาที่ซับซ้อนและเต็มไปด้วยความอิจฉา แต่อย่างไรก็ตามพวกเขาก็เก็บความรู้สึกเช่นนั้นไว้กับตัวได้อย่างรวดเร็ว
พวกเขาหลายคนต่างเดินเข้าไปศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์ในกล่องกระจกใสอย่างตั้งใจ
หวังเสียนมองไปที่เปี่ยนเหยาฉวนพร้อมกับยิ้มเยาะออกมา ทักษะทางการแพทย์ของเขาและซุนหลิงซิ่ว นั้นไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับทักษะทางการแพทย์โบราณเลยแม้แต่น้อย!
ส่วนทักษะการหลอมกลั่นและปรุงยา สำหรับเขาแล้วนั้นมันเป็นเรื่องง่ายยิ่งกว่าการกินขนมเสียอีก!
……….
จบบท
EndNote: [1] ขออนุญาตเปลี่ยนชื่อ สํานักแสงอันศักดิ์สิทธิ์ เป็น สำนักเซิ่งเหมินถู แทนนะครับ