ตอนที่ 369 ปลาวาฬสีน้ำเงิน!
.
ในก่อนหน้านี้ผลจากสงครามของเหล่าสัตว์อสูรและสาวกแห่งวังมังกรนั้นรุนแรงเป็นอย่างมาก แรงกดดันอันทรงพลังและการโจมตีของธาตุชนิดต่างๆ ที่ระเบิดในสนามรบส่งผลกระทบให้เกิดปรากฏการณ์ที่รุนแรงเหนือธรรมชาติขึ้นมาบนผิวน้ำทะเล
กวนชูชิงและหลานชิงเยว่ที่กำลังหลับสนิทอยู่ในห้องบนเรือยอร์ชสะดุ้งตื่นตกใจกันขึ้นมาในทันที
พวกเธอต่างร้องเรียกหวังเสียนออกมาเสียงดัง แต่พวกเธอก็ไม่สามารถหาเขาเจอได้ ในขณะที่พวกเธอกำลังตื่นตระหนกอยู่นั้นพวกเธอได้รับการปลอบใจจากซุนหลิงซิ่วและโม่ชิงหลง
โม่ชิงหลงและซุนหลิงซิ่วรู้ว่าหวังเสียน ลงไปทำอะไรที่ใต้ท้องทะเล แต่ทั้งคู่ก็รู้สึกตกใจมากเช่นเดียวกันเมื่อได้รับรู้ถึงแรงระเบิดและแรงกดดันอันทรงพลังที่เกิดขึ้นใต้ท้องทะเล
ถึงแม้ว่าทั้งคู่จะเป็นห่วงกังวลต่อหวังเสียนเป็นอย่างมากก็ตาม แต่ด้วยความผูกพันทางด้านจิตวิญญาณกับหวังเสียน ทั้งคู่จึงสามารถรับรู้ได้ว่าหวังเสียนนั้นไม่ได้ตกอยู่ในอันตรายใดๆ
ถึงแม้ว่ากวนชูชิงและหลานชิงเยว่จะได้รับคำปลอบใจจากซุนหลิงซิ่ว แต่ทั้งคู่ก็ยังคงจ้องมองลงไปในทะเลลึกพร้อมกับตะโกนเรียกชื่อหวังเสียนอยู่ตลอดเวลา
เด็กสาวทั้งสองคนยังคงรู้สึกเป็นห่วงและวิตกกังวลเป็นอย่างมาก และยิ่งเวลาผ่านไปมากเท่าไหร่ สีหน้าของเด็กสาวทั้งคู่ก็แย่ลงมากขึ้นเท่านั้น
แม้แต่ซุนหลิงซิ่วที่อยู่ข้างๆก็ไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้อีกต่อไป เธอมองไปที่ก้นทะเลด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียดไม่ต่างจากกวนชูชิงและหลานชิงเยว่
ฉะนั้นในเวลานี้เด็กสาวทั้งสามคนที่ยืนอยู่ท่ามกลางพายุฝนจึงเปียกโชกกันไปทั้งตัว
เปรี้ยงงงง!
คลื่นนนน!
ท่ามกลางท้องทะเลอันมืดมิดของพายุฝน สายฟ้าได้แล่บแปลบปลาบ บางครั้งมันก็ผ่าลงมากลางทะเลจนเกิดเสียงดังสนั่น
ตูมมมมม!
แต่ในขณะนั้นเองเสียงน้ำทะเลถูกกระทบอย่างแรงก็ดังขึ้นไม่ไกลจากเรือยอร์ชมากนัก
“นั่นมันอะไร….?”
หลังจากนั้นไม่นานเงาดำที่มีความยาวกว่า 30 เมตรก็ปรากฏขึ้นมาตรงหน้าของพวกเธอ
“มันต้องเป็นสัตว์ประหลาดขนาดใหญ่ที่อาศัยอยู่ในทะเลบริเวณนี้อย่างแน่นอน! เสี่ยวเสียนอาจจะตกอยู่ในอันตรายก็ได้!”
เมื่อเห็นร่างกายขนาดใหญ่กำลังดำลงไปที่ใต้ทะเล กวนชูชิง ก็ร้องตะโกนออกมาด้วยความวิตกกังวล น้ำตาก็ไหลลงมาอาบแก้มของเธอในทันที
“นายหญิงไม่ต้องกังวลใจไป! นั่นคือปลาวาฬสีน้ำเงินมันเป็นสัตว์ทะเลที่ไม่เป็นอันตรายมากนัก แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกำเนิดลมปราณขั้นต้นก็ยังสามารถสังหารมันได้!” โม่ชิงหลงอธิบายให้เด็กสาวทั้งสามคนได้ฟัง
“ไม่! ยังไงฉันก็ต้องลงไปดูที่ก้นทะเล! ในตอนนี้ฉันเป็นห่วงเสี่ยวเสียน มากจริงๆ!”
“ฉันก็จะลงไปด้วย!”
ในขณะที่กวนชูชิงพูดจบ หลานชิงเยว่ก็พูดตามขึ้นมาในทันที พวกเธอจ้องมองไปยังก้นทะเลที่เป็นสีดำด้วยดวงตาที่ยังคงเปียกชื้น
“ฉันก็จะไปกับพวกเธอด้วย!” ซุนหลิงซิ่ว หันไปพูดกับทั้งสองสาว ในครั้งนี้ซุนหลิงซิ่วไม่ได้ห้ามพวกเธอ
โม่ชิงหลงขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อยก่อนที่จะถอนหายใจออกมาเบาๆ ในขณะนี้เขารู้ตัวว่าเขาคงไม่สามารถหยุดทั้งสามสาวได้อีกต่อไป
“ถ้าอย่างนั้นผมจะนำพวกนายหญิงลงไปเองขอรับ!”
โม่ชิงหลงเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและกระโดดลงทะเลไปในทันที
โดยไม่ลังเลใจเลยแม้แต่น้อยทั้งสามสาวก็กระโดดตามโม่ชิงหลงไปติดๆ
ใต้ท้องทะเลยามค่ำคืนนั้นน่าหวาดกลัวเป็นอย่างมาก และในก่อนหน้านี้ยังมีแรงกดดันและแรงบีบคั้นอันทรงพลังที่ส่งออกมาจากใต้ท้องทะเล ต่อให้เป็นผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกำเนิดลมปราณขั้นสูงก็คงไม่คิดจะกล้าลงไปเสี่ยงชีวิตอย่างแน่นอน
แต่ในขณะนี้ดวงตาของเด็กสาวทั้งสามคนนั้นไม่มีความหวาดกลัวและลังเลใจใดๆเลยแม้แต่น้อย ต่อให้รู้ว่าใต้ท้องทะเลนั้นมีอันตรายเป็นอย่างมากพวกเธอก็เต็มใจที่จะลงไป พวกเธอเพียงแค่อยากรู้ว่าคนที่พวกเธอรักนั้นยังคงปลอดภัยดีอยู่หรือไม่?
ในขณะที่กลุ่มคนทั้งหมดกำลังดำดิ่งลงสู่ก้นทะเลอย่างรวดเร็ว กวนชูชิงและหลานชิงเยว่ที่มีระดับความแข็งแกร่งไม่มากนัก ก็รู้สึกอึดอัดขึ้นมาในทันทีเมื่ออยู่ในระดับความลึกที่หนึ่งพันเมตร
ซุนหลิงซิ่วที่อยู่ข้างๆพวกเธอก็โบกมือขึ้นเบาๆ พลังแห่งแสงศักดิ์สิทธิ์ได้เข้าไปห่อหุ้มกวนชูชิงและหลานชิงเยว่ไว้ในทันที
สำหรับผู้ที่มีสายเลือดมังกรศักดิ์สิทธิ์อยู่ในตัวและบ่มเพาะทักษะมังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสง ใต้ท้องทะเลก็เปรียบเสมือนบ้านของเธออีกหลังหนึ่งนั่นเอง
วู้ววววว!
หลังจากนั้นกลุ่มคนทั้งหมดก็เห็นปลาวาฬสีน้ำเงินตัวนั้นว่ายลงไปที่ก้นทะเลพร้อมกับส่งเสียงร้องคำรามออกมาเบาๆ
“มีแสงอยู่ตรงนั้น!”
หลังจากดำน้ำลึกลงไปอีก 2-3 ร้อยเมตรกลุ่มของโม่ชิงหลง ก็ต้องตกตะลึงกับสิ่งที่เห็น
“นั่นคือวังมังกร!”
โม่ชิงหลงตะโกนออกมาด้วยความตื่นเต้น ที่แห่งนี้คือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาที่องค์ราชาของเขาเคยพูดเอาไว้
“วังมังกร?”
ทั้งกวนชูชิงและหลานชิงเยว่ ต่างรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างยิ่งพวกเธอหันไปจ้องมองโม่ชิงหลงพร้อมๆกัน
“เสี่ยวเสียน เคยได้รับมรดกจากมังกรศักดิ์สิทธิ์ และที่นี่นั้นก็คือวังมังกรศักดิ์สิทธิ์ที่เขาสร้างขึ้นเอาไว้ใต้ท้องทะเล มันคือสถานที่ที่เขาตั้งใจพาพวกเรามา!”
ซุนหลิงซิ่วอธิบายให้กับกวนชูชิงและหลานชิงเยว่ ในขณะที่เธอจ้องมองไปยังวังมังกรที่อยู่ใต้ก้นทะเลด้วยดวงตาที่เปล่งประกาย
หลังจากนั้นเธอพูดเสริมออกมาอีกว่า ” เสี่ยวเสียนต้องการที่จะเซอร์ไพรส์เธอทั้งสองคน!”
ทั้งกวนชูชิงและหลานชิงเยว่ต่างอยู่ในความตกตะลึงในขณะที่พวกเธอจ้องมองไปยังวังมังกรศักดิ์สิทธิ์ด้วยความอัศจรรย์ใจ
วังมังกรศักดิ์สิทธิ์นั้นดูหรูหราอลังการและยิ่งใหญ่เป็นอย่างมาก พวกเธอทั้งสองคนไม่เคยเห็นพระราชวังหรืออาคารใดๆในโลกที่มีความสวยงามที่สามารถเปรียบเทียบได้กับวังมังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ได้มาก่อนเลย
ภายในพระราชวังสว่างไสวด้วยปะการังเรืองแสงทุกชนิด และทุกๆสถานที่ก็ยังเต็มไปด้วยไข่มุกราตรีอันมีค่าที่ส่องแสงสว่างสวยงามอยู่อีกด้วย
ที่ด้านหลังของวังมังกรมีภูเขาขนาดใหญ่เป็นสถานที่ตั้งของเสาสีทองขนาดยักษ์ที่เปล่งประกายแสงสว่างไปทั่วทั้งวังมังกร
ภาพของวังมังกรศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกออกแบบมาอย่างวิจิตรพิสดารสามารถสร้างความประทับใจให้กับพวกเธอได้ในทันที
ในขณะที่กลุ่มคนทั้งหมดว่ายน้ำลงไปยังด้านบนเหนือวังมังกร พวกเธอก็ชนเข้ากับเกราะสนามป้องกันของวังมังกรในทันที
พวกเธอต่างรู้สึกตกใจและประหลาดใจกันเป็นอย่างมาก เมื่อไม่สามารถผ่านเกราะป้องกันของวังมังกรเข้าไปได้ พวกเธอทำได้แค่เพียงลอยตัวอยู่รอบๆวังมังกรเพียงเท่านั้น
โฮกกกก!
ในขณะนั้นเองนาคาพิษทั้ง 9 ตัวก็รู้สึกได้ถึงบางสิ่ง พวกมันมองไปที่ซุนหลิงซิ่วและโม่ชิงหลง และรู้สึกได้ถึงออร่าที่คล้ายกันกับพวกมันได้ในทันที
“องค์ราชามังกรอยู่ที่นี่หรือไม่?” โม่ชิงหลงถามเหล่านาคาพิษทั้ง 9 ตัวโดยตรง
เนื่องจากตัวเขาเองก็มีแก่นหยดเลือดมังกรศักดิ์สิทธิ์ของหวังเสียนอยู่ในร่างกาย มันจึงไม่มีปัญหาเกี่ยวกับการสื่อสารกับเหล่านาคาพิษทั้ง 9 ตัว
ฮูมมมมม!
นาคาพิษตัวหนึ่งลังเลใจเล็กน้อยก่อนที่มันจะรีบพุ่งทะยานไปยังห้องโถงราชามังกรเพื่อรายงานกับกษัตริย์ของมัน
“นะ!…นั่นมันตัวอะไรกัน?”
กวนชูชิงและหลานชิงเยว่จ้องมองไปที่กลุ่มนาคาพิษอีก 8 ตัวที่เหลือ และพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่หวาดกลัว
สิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้านี้สร้างความตกใจกลัวให้กับพวกเธอทั้ง 2 คนเป็นอย่างยิ่ง
“สัตว์อสูรเหล่านี้นั้นเป็นหนึ่งในสมาชิกแห่งวังมังกรขององค์ราชาขอรับนายหญิง!” โม่ชิงหลงตอบ
….
“กราบทูลฝ่าบาท ที่ด้านนอกวังมังกรในตอนนี้มีมนุษย์สองคนที่มีสายเลือดแห่งมังกรศักดิ์สิทธิ์อยู่ข้างนอกพะยะค่ะ!”
ขณะที่หวังเสียนกำลังนอนหลับอย่างสนิท นาคาพิษก็เข้ามารายงานเขาด้วยความเคารพ
หวังเสียนตื่นลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ ก่อนที่เขาจะพูดทวนคำออกมา “มนุษย์สองคนที่มีสายเลือดมังกรศักดิ์สิทธิ์?”
“ใช่แล้วพะยะค่ะ! มีมนุษย์อยู่ที่ด้านนอกวังมังกรทั้งหมดสี่คน และสองคนในนั้นมีสายเลือดของมังกรศักดิ์สิทธิ์พะยะค่ะ!”
“สี่คนรึ?” หวังเสียนตัวแข็งไปชั่วขณะ แต่เขาก็นึกถึงกวนชูชิง, หลานชิงเยว่, ซุนหลิงซิ่วและโม่ชิงหลงได้ขึ้นมาในทันที เขาจึงรีบพุ่งทะยานออกไปข้างนอกอย่างรวดเร็ว
หวังเสียนเห็นคนทั้งสี่ในทันทีหลังจากที่เขาออกมาด้านนอกห้องโถงแห่งราชามังกร
เขารีบลอยตัวพุ่งเข้าไปหากลุ่มของกวนชูชิงอย่างรวดเร็ว
“เสี่ยวเสียน คุณทำให้พวกเรากลัวมากรู้ไหม!”
เด็กสาวทั้งสองคนเห็นหวังเสียนออกมาหาพวกเธอ ดวงตาของพวกเธอแดงก่ำและน้ำตาก็ไหลลงมาอาบแก้มจนเต็มไปหมด ก่อนที่เด็กสาวทั้งคู่จะพุ่งตัวเข้าไปกอดเขาเอาไว้แน่น
“อึก!…แค่กๆ..!”
หวังเสียนสะดุ้งด้วยความเจ็บปวด เขาไอออกมาเบาๆ พร้อมกับฝืนยิ้มให้หญิงสาวทั้งคู่ในขณะที่เขาใช้มือเช็ดน้ำตาให้กับพวกเธอ
“เสี่ยวเสียน คุณเป็นอะไร? คุณได้รับบาดเจ็บอย่างนั้นเหรอ?”
เมื่อพวกเธอเห็นใบหน้าที่ซีดเซียวของเขา กวนชูชิงและหลานชิงเยว่จึงถามออกมาด้วยความกังวลใจในทันที
“ไม่! ผมสบายดี เพียงแค่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย หากได้พักฟื้นก็คงจะหายดีในไม่ช้า!”
หวังเสียนยิ้มออกมาพร้อมกับส่ายหัวปฏิเสธ เขาไม่ต้องการให้พวกเธอนั้นเป็นห่วงกังวลมากเกินไป
วิ้งงงงงง!
ซุนหลิงซิ่วพุ่งตัวเข้าไปยืนอยู่ใกล้ๆหวังเสียนอย่างรวดเร็ว พร้อมกับส่งแสงศักดิ์สิทธิ์เข้าไปสู่ร่างกายของเขา
“คุณเรียกอาการบาดเจ็บขนาดนี้ว่าเล็กน้อยอย่างนั้นเหรอ!” ซุนหลิงซิ่วพูดออกมาด้วยสีหน้าที่เป็นกังวล ในขณะที่เธอยังคงส่งพลังแสงศักดิ์สิทธิ์เพื่อช่วยรักษาอาการบาดเจ็บของเขาตลอดเวลา
“ผมไม่เป็นอะไรมากจริงๆ! หากได้พักฟื้นสัก 1 เดือนก็คงจะหายเป็นปกติดีได้เช่นเดิม!”
หวังเสียนยังคงส่ายหัวและยิ้มให้กับเด็กสาวทั้งสามคนอย่างอ่อนโยน ก่อนที่เขาจะพูดออกมาว่า “ผมอยากทำให้พวกคุณประหลาดใจ แต่ไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าจะเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินขึ้นมา ผมต้องขอโทษพวกคุณด้วยจริงๆที่ทำให้พวกคุณต้องเป็นห่วง เดี๋ยวผมจะพาพวกคุณไปเที่ยวรอบๆวังมังกรเพื่อเป็นการชดเชยความผิดก็แล้วกัน!”
หวังเสียน พูดออกมาด้วยรอยยิ้มในขณะที่เขาพยักหน้าให้กับเด็กสาวทั้งสามคน
“เสี่ยวเสียนคุณไม่เป็นอะไรจริงๆเหรอ!” กวนชูชิงและหลานชิงเยว่ยังคงถามออกมาด้วยความเป็นห่วง
“เชื่อผมเถอะ! พวกคุณดูสิร่างกายของผมยังไม่มีส่วนไหนที่บุบสลายลงไปเลยแม้แต่ส่วนเดียว เพียงแค่ยังอ่อนเพลียอยู่บ้างเล็กน้อยก็เท่านั้นเอง!”
หวังเสียนยิ้มออกมาในขณะที่เขาดึงมือของกวนชูชิงและหลานชิงเยว่ เข้าไปที่วังมังกรของเขา
……….
จบบท