Invincible Divine Dragon’s Cultivation System ระบบฝึกฝนมังกรอมตะ – ตอนที่ 403 แผนการสร้างฐานอำนาจ

ตอนที่ 403 แผนการสร้างฐานอำนาจ

“ใช่!”

หวังเสียนไม่รู้สึกแปลกใจมากนักเมื่อชายชรารู้จักเขา ในโลกยุทธภพนั้นมีคนไม่มากนักที่รู้จักหน้าตาอันแท้จริงของเขา แต่คนส่วนมากก็รู้จักความแข็งแกร่งและระดับอายุของเขาเป็นอย่างดี

ผู้ฝึกตนอายุน้อยที่สามารถสังหารผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกำเนิดลมปราณสี่คนได้อย่างง่ายดาย มีเพียงหมอเทวะหวังแห่งเมืองเจียงเฉิงเท่านั้น

ฉะนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรหากชายชราจะสามารถเดาตัวตนของเขาได้

“เป็นหมอเทวะหวังราชาแห่งเมืองเจียงเฉิงจริงๆ!”

ชายชราโค้งตัวประสานมือคารวะอีกครั้ง การแสดงออกของเขาค่อนข้างจะประหม่าเล็กน้อย “หมอเทวะหวังมีความแข็งแกร่งมากสมกับเป็นเทียนเจียวอันดับหนึ่งแห่งโลกยุทธภพ และข้ายังทราบมาอีกว่าหมอเทวะหวังยังเป็นแพทย์ผู้ชำนาญการที่อายุน้อยที่สุดและยังเป็นนักปรุงยาอันดับ 3 อีกด้วย!”

“หามิได้ท่านผู้อาวุโส! แค่คำเล่าลือคำเล่าอ้างเท่านั้น!”

หวังเสียนประสานมือคารวะตอบ พร้อมกับแสดงรอยยิ้มออกมาบางๆ อย่างถ่อมตัว หลังจากนั้นพวกเขาก็พูดคุยกันอีกเล็กน้อยก่อนที่หวังเสียนจะขอตัวกลับไปหาคนของเขา

“เสี่ยวเสียน!”

“พี่ชาย!”

เมื่อเห็นการกลับมาของหวังเสียน กลุ่มเด็กสาวก็ร้องเรียกเขากันทันที

“มันน่าผิดหวังจริงๆ ตอนแรกพวกเราอยากจะเที่ยวเล่นอยู่ที่นี่สักสองสามวัน แต่ดันมาเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นเสียได้ ช่างน่าหงุดหงิดจริงๆ!”

เสี่ยวหยู กวนชูชิงและกลุ่มสาวๆ มองดูความยุ่งเหยิงรอบๆตัวของพวกเธอและพูดออกมาด้วยความไม่พอใจ

หลังจากที่ตั้งใจมาพักผ่อนและสนุกสนานยังสถานที่ที่สวยงาม แต่เรื่องแบบนี้กลับมาเกิดขึ้นทำให้พวกเธอนั้นรู้สึกหมดอารมณ์และไม่อยากอยู่ที่นี่กันอีกต่อไป

“กลับกันเถอะ!”

เรือสำราญที่อยู่รอบๆ จมลงไปในทะเลทั้งหมด ถึงแม้ว่าตัวเรือสำราญจะไม่ได้จมลงไปในทะเลทั้งลำ แต่ในตอนนี้มันก็ไม่สามารถเปิดให้บริการแก่นักท่องเที่ยวได้อีกต่อไปแล้ว

บนเกาะยังมีกลุ่มนักท่องเที่ยวและนักรบบางส่วนที่ได้รับบาดเจ็บและรอการรักษาพยาบาลอยู่อีกมาก

และถึงแม้คนส่วนใหญ่ที่เหลืออยู่จะไม่ได้รับบาดเจ็บและเป็นอันตราย แต่ก็ไม่มีใครมีความคิดที่จะอยู่เที่ยวเล่นที่นี่อีกต่อไป กลุ่มมหาเศรษฐีและนักรบบางส่วนจึงรีบแยกย้ายกันกลับบ้านของพวกเขากันในทันที

“เฮ้อออ! ช่างน่าผิดหวังเสียจริงๆ อุตส่าห์ได้ออกมาเที่ยวพร้อมๆกันทั้งที!” หลานชิงเยว่ส่ายหัว

“กลับไปที่เรือยอร์ชของพวกเรากันก่อนเถอะ! ถ้าพวกคุณยังอยากจะไปเที่ยวกันต่อพวกเราก็ลองหาสถานที่อื่นๆดูอีกได้!” หวังเสียนพูดด้วยรอยยิ้ม

“อืมม! ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็กลับไปพูดคุยกันที่เรือกันเถอะ! ยังมีเวลาอีกตั้ง 10 วันกว่าจะถึงปีใหม่!”

กลุ่มสาวๆต่างพูดคุยกันและกลับไปที่เรือยอร์ช

เมื่อกลับมาถึงที่เรือยอร์ชความหดหู่ใจของกลุ่มเด็กสาวก็ค่อยๆหายไป เสี่ยวหยูชักชวนให้คนอื่นๆรวมตัวกันเล่นไพ่นกกระจอก เด็กสาวทั้งหมดจึงนั่งเล่นไพ่นกกระจอกกันอย่างกระตือรือร้น

หวังเสียนที่นอนเล่นอยู่บนเก้าอี้ชำเลืองมองไปยังกลุ่มสาวๆพร้อมกับส่ายหัวเล็กน้อย “สาวๆพวกนี้ช่างไร้ความกังวลและลืมง่ายกันเสียจริงๆ!”

“หมอเทวะหวังท่านอยู่ที่นี่หรือไม่?”

ในขณะนั้นก็มีเสียงดังขึ้นมาจากทางด้านนอก

“ขึ้นมาสิ!”

หวังเสียนเดินออกมาจากห้องนั่งเล่นและขึ้นไปที่บนดาดฟ้าของเรือ

ชายชราและชายวัยกลางคนจากกองกำลังซิงไป๋เดินเข้ามาหาเขาพร้อมกับถือของบางอย่างไว้ในมือ

“ต้องขออภัยหมอเทวะหวังจริงๆที่มารบกวนในขณะนี้!”

ชายชราและชายวัยกลางคนเดินเข้ามาโค้งตัวคารวะหวังเสียน หลังจากนั้นชายวัยกลางคนก็นำของมาวางบนโต๊ะด้วยความสุภาพ

“หมอเทวะหวัง ผู้เฒ่าชราคนนี้มีชื่อว่าต้วนมู่เหวินเป็นตัวแทนของกองกำลังซิงไป๋ได้นำของกำนัลมามอบให้แก่หมอเทวะหวังเพื่อแสดงถึงความขอบคุณและมิตรภาพ หากไม่ได้หมอเทวะหวังช่วยเอาไว้กองกำลังซิงไป๋ของพวกเราคงจะเสียหายหนักอย่างแน่นอน ข้าต้องขอขอบคุณหมอเทวะหวังเป็นอย่างมากอีกครั้ง!”

ชายชราต้วนมู่เหวินกล่าวคำขอบคุณอีกครั้ง

“ท่านผู้อาวุโสเกรงใจไปแล้ว! และข้าขอขอบคุณสำหรับมิตรภาพของพวกท่านและขอรับเอาไว้ด้วยความเต็มใจ!”

หวังเสียนยิ้มพร้อมกับกล่าวคำขอบคุณ เขาไม่ได้ปฏิเสธสิ่งของที่ชายชรานำมามอบให้ แต่เขาก็ไม่ได้สนใจมันมากนัก

“การข่มขู่และการปล้นของกองกำลังพเนจรเช่นนี้โดยปกติแล้วเกิดขึ้นบ่อยหรือไม่?” หวังเสียนถามออกไปด้วยความอยากรู้

“โดยส่วนมากแล้วกลุ่มพเนจรจะออกปล้นไม่ค่อยบ่อยมากนัก และแทบจะไม่มีเลยที่กลุ่มกองกำลังพเนจรจะกล้าเข้ามาบุกปล้นอย่างอุกอาจอย่างเช่นวันนี้ เพราะส่วนมากแล้วกลุ่มกองกำลังพเนจรนั้นไม่ค่อยมีความแข็งแกร่งมากนัก ในน่านน้ำแถบนี้นั้นมีเพียงแค่ไม่กี่กลุ่มเท่านั้นที่มีความแข็งแกร่งพอๆกับกลุ่มกองกำลังร้อยภูตผี!”

ชายชรายิ้มแห้งๆออกมาพร้อมกับส่ายหัว “ในน่านน้ำเอเชียมีเพียง 4 หรือ 5 กลุ่มเพียงเท่านั้นที่มีความแข็งแกร่ง และโดยส่วนมากคนพวกนี้นั้นจะปล้นเรือสินค้าอยู่กลางทะเลเสียเป็นส่วนใหญ่ คนพวกนี้จะไม่ค่อยกล้าเข้ามาสร้างปัญหาในอาณาเขตของกองกำลังต่างๆโดยตรง แต่กองกำลังพเนจรบางส่วนนั้นก็มีผู้หนุนหลังที่แข็งแกร่งอยู่ในทะเลแห่งความวุ่นวายเช่นเดียวกัน!”

“ทะเลแห่งความวุ่นวาย?”

หวังเสียนนึกขึ้นได้เกี่ยวกับทะเลแห่งความวุ่นวายบนแผนที่ “รบกวนผู้อาวุโสช่วยอธิบายพื้นที่ในเขตทะเลแห่งความวุ่นวายให้ข้าได้ทราบหน่อยจะได้หรือไม่?”

“ไม่รบกวนเลยข้าเต็มใจ!” ชายชราโบกมือไปมาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเรียบเรียงภาษาพร้อมกับพูดขึ้นมา “ในพื้นที่ที่เรียกว่าทะเลแห่งความวุ่นวายนั้นเป็นพื้นที่ทางทะเลที่ไม่ได้ถูกยึดครองโดยกองกำลังใดๆ พื้นที่ในบริเวณนั้นเปรียบเสมือนขุมทรัพย์ที่มีค่าเป็นอย่างยิ่ง ไม่ใช่ว่าไม่มีกองกำลังใดๆ ต้องการยึดครองพื้นที่แห่งนั้นเป็นอาณาเขตส่วนตัวของพวกเขา แต่เนื่องจากพื้นที่บริเวณนั้นเป็นรอยต่อระหว่างท้องทะเลของ 5 ประเทศ ถึงแม้จะเป็นกองกำลังที่มีความแข็งแกร่งระดับชั้นศักดิ์สิทธิ์ก็ตามมันเป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะสามารถยึดครองพื้นที่ทะเลแห่งความวุ่นวายแห่งนั้นเป็นอาณาเขตส่วนตัวได้!”

“และสาเหตุอีกอย่างหนึ่งที่เรียกว่าทะเลแห่งความวุ่นวายก็เพราะว่าภายในเขตพื้นที่ใต้ท้องทะเลบริเวณนั้น มีทรัพยากรสำหรับบ่มเพาะอยู่อย่างมากมาย พื้นที่บริเวณนั้นจึงมักจะมีกลุ่มกองกำลังที่แข็งแกร่งเข้าไปค้นหาสมบัติจิตวิญญาณกันอยู่ตลอดเวลา!”

“และในบางครั้งสัตว์อสูรในทะเลที่ทรงพลังก็จะปรากฏขึ้นมา ไล่ล่าสังหารกลุ่มกองกำลังเหล่านั้นที่ไปบุกรุกอาณาเขตของพวกมัน มันจึงเป็นพื้นที่แห่งความวุ่นวายอย่างแท้จริงไม่ว่าจะเป็นเผ่ามนุษย์หรือสัตว์อสูรในทะเลล้วนแล้วแต่เป็นผู้ที่แข็งแกร่งด้วยกันทั้งนั้น!”

“ฉะนั้นพื้นที่ทะเลแห่งความวุ่นวายจึงมีแต่ผู้ที่สิ้นหวังที่ถูกไล่ล่าจากโลกภายนอกอย่างรุนแรงหรือผู้ที่แข็งแกร่งและทรงอำนาจเท่านั้นที่จะสามารถอยู่ที่นั่นเป็นเวลานานๆได้!”

ชายชราอธิบายให้หวังเสียนเข้าใจเกี่ยวกับพื้นที่ทะเลความวุ่นวายโดยละเอียด

หวังเสียนพยักหน้าขณะฟังคำอธิบายของชายชรา ในขณะนี้เขาเข้าใจกระจ่างชัดเลยว่าพื้นที่ทะเลแห่งความวุ่นวายนั้นเต็มไปด้วยสมบัติทางจิตวิญญาณที่ใช้สำหรับการบ่มเพาะสำหรับผู้ฝึกตน และพื้นที่แห่งนั้นยังเต็มไปด้วยเหล่ามังกรและงูดินผสมปนเปกันทั่วทั้งพื้นที่

ด้วยเหตุนี้ท้องทะเลแห่งความวุ่นวายจึงสามารถสังหารกันได้อย่างเปิดเผยเพราะในพื้นที่บริเวณนั้นถือได้ว่าเป็นพื้นที่เฉพาะที่ไร้ซึ่งด้วยกฎหมาย

“แต่ข้าก็ยังไม่เข้าใจว่าเหตุใดกองกำลังพเนจรของกลุ่มร้อยภูตผีจึงได้บุกเข้ามาในอาณาเขตของฝ่ายกองกำลังซิงไป๋ของพวกเรา แต่จากการวิเคราะห์ของข้าข้าคาดเดาว่าสาเหตุอาจจะเนื่องมาจากกองกำลังต่างชาตินั้นต้องการทดสอบความแข็งแกร่งของผู้ฝึกตนในประเทศจีนของเรา เพราะว่าหากให้เปรียบเทียบกันแล้วกลุ่มชาวยุทธในประเทศของเรานั้นยังอ่อนแอมากเกินไปเมื่อเทียบกับระดับสากล!”

ชายชราถอนหายใจเล็กน้อย “ด้วยสถานการณ์ในปัจจุบันของพวกเรา เราไม่รู้ว่าอีก 10 ปีพวกเราจะสามารถตามระดับความแข็งแกร่งของกองกำลังต่างชาติได้ทันหรือไม่?”

หวังเสียนพยักหน้าและคิดใคร่ครวญตามคำพูดของชายชรา ด้วยในขณะนี้ชาวยุทธในโลกยุทธภพของประเทศจีนนั้นอ่อนแอเป็นอย่างมากเมื่อเทียบกับผู้ฝึกตนของกองกำลังต่างชาติ

สาเหตุก็เนื่องมาด้วยปัจจัยหลายๆอย่าง แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดนั่นก็คือผู้ฝึกตนของประเทศจีนนั้นมักจะหวงแหนทักษะวิชายุทธของพวกตนมากเกินไป ในบางครั้งทักษะการบ่มเพาะและวิชายุทธที่ทรงพลังบางอย่างก็ถูกกลบฝังตายไปพร้อมกับบรรพบุรุษผู้แข็งแกร่งที่ยังไม่ได้สืบทอดวิชายุทธอันล้ำค่าเหล่านั้นให้แก่ทายาท

ในบางครั้งตระกูลผู้ฝึกตนโบราณที่แข็งแกร่งบางตระกูลนั้นก็จะไม่ส่งต่อทักษะวิชายุทธของพวกเขาให้แก่บุตรตรีของพวกเขา เพราะถือว่าในวันนึงเมื่อบุตรีของพวกเขาแต่งงานออกไป บุตรีของพวกเขาก็จะกลายเป็นคนนอกตระกูลไปในทันที

และสาเหตุสำคัญอีกอย่างหนึ่งนั่นก็คือในช่วงประวัติศาสตร์เมื่อครั้งสมัยเหล่าฮ่องเต้และราชวงศ์ยังครองความเป็นใหญ่ในเขตพื้นที่มณฑลต่างๆ ได้มีคำสั่งปราบปรามกลุ่มผู้ฝึกตนที่แข็งแรงบางครั้งถึงกับนำทักษะวิชายุทธออกมาเผาทำลายเพื่อป้องกันการกบฏของกลุ่มตระกูลที่ทรงอำนาจเหล่านั้น

ทักษะวิชายุทธที่ทรงพลังมากมายที่เหล่าบรรพบุรุษของจีนคิดค้นสืบต่อกันรุ่นสู่รุ่น จึงได้ถูกทำลายและสูญหายไปอย่างน่าเสียดาย

บางตระกูลถึงกับขาดช่วงผู้ฝึกตนที่แข็งแกร่งและตกต่ำไปเลยก็มี

ส่วนกลุ่มผู้ฝึกตนของทางทวีปยุโรปและอเมริกานั้นพวกเขาสืบทอดความสามารถกันทางสายเลือดและไม่ได้หวงแหนทักษะวิชา ยกตัวอย่างเช่นสายเลือดแห่งทวยเทพโบราณ, สายเลือดอัศวิน, สายเลือดพ่อมด, สายเลือดแวมไพร์และสายเลือดสมิง (กลุ่มที่สามารถแปลงกายได้เช่น หมาป่า, เสือ, สิงโต และกระทิงเป็นต้น)

ระดับความแข็งแกร่งของชนต่างชาตินั้นเรียกได้ว่าแทบจะไม่เคยตกต่ำเลย พวกเขาสามารถสืบทอดความแข็งแกร่งกันได้อย่างต่อเนื่อง และด้วยเหตุนี้สำนักเทพอัคคีของฝั่งยุโรปจึงสามารถกวาดล้างสำนักวังเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างง่ายดายโดยใช้กลุ่มคนเพียงแค่ 10 คนเท่านั้น

หลังจากพูดคุยกับชายชราต้วนมู่เหวินมาระยะหนึ่ง หวังเสียนรู้สึกว่าตัวเขานั้นเป็นห่วงคนในประเทศจีนเป็นอย่างมาก เขาไม่เต็มใจเป็นอย่างยิ่งเมื่อได้รู้ว่าผู้ฝึกตนในโลกยุทธภพของประเทศจีนนั้นมีความแข็งแกร่งด้อยกว่าชนชาติอื่นๆ

และในเวลาเดียวกันคนในโลกยุทธภพของประเทศจีน ก็ยังคงต่อสู้และห่ำหั่นกันอย่างดุเดือดโดยไม่สนใจร่วมแรงร่วมใจกันต่อสู้กับกลุ่มคนต่างชาติกันเลย

พวกเขาสนใจเพียงแค่สำนักหรือตระกูลของพวกเขาจะควรจะหาทรัพยากรสำหรับฝึกฝนหรืออาวุธวิเศษชั้นเยี่ยมได้มาจากที่ไหน? ต่อให้พวกเขาต้องสังหารคนในชนชาติเดียวกันพวกเขาก็หาสนใจไม่!

แต่ในทางกลับกันชนชาติอื่นๆนั้นกลับพยายามแย่งชิงทรัพยากรในมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ดึงกลับเข้ามาให้คนในประเทศของพวกเขาอย่างต่อเนื่อง และพยายามกีดกันชนชาติอื่นๆกันอย่างสุดกำลัง มีเพียงแค่ผู้ฝึกตนในประเทศจีนเท่านั้นที่ยังคงไม่รู้สึกตัวว่าพวกเขานั้นกำลังอยู่ในจุดที่วิกฤติเป็นอย่างยิ่ง

อย่างเช่นในวันนี้กองกำลังของฝ่ายซิงไป๋ก็ยังถูกรุกรานโดยกลุ่มพเนจรร้อยภูตผีที่เป็นกองกำลังพเนจรของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้อาจจะถูกหนุนหลังโดยรัฐบาลของญี่ปุ่นก็เป็นได้

หวังเสียนได้พูดคุยและฟังคำอธิบายของชายชราต้วนมู่เหวินมาเป็นเวลากว่าครึ่งชั่วโมงแล้ว ก่อนที่ชายชราและชายวัยกลางคนของฝ่ายกองกำลังซิงไป๋จะขอตัวจากไปด้วยความเคารพ

“ผู้ฝึกตนของกองกำลังซิงไป๋ถือว่ามีนิสัยที่ค่อนข้างดีใช้ได้เลยทีเดียว!”

จากการสนทนากับต้วนมู่เหวิน หวังเสียนก็รู้สึกได้ว่ากองกำลังทางท้องทะเลและมหาสมุทรนั้นมีนิสัยค่อนข้างที่จะดีกว่ากองกำลังทางภาคพื้นดินเป็นอย่างมาก

อาจจะเป็นเพราะว่าสภาพแวดล้อมที่อยู่ท่ามกลางท้องทะเลและมหาสมุทรนั้นต้องพบเจอและต่อสู้กับกองกำลังอื่นๆอยู่ตลอดเวลา กลุ่มผู้อาวุโสและกลุ่มสาวกของกองกำลังทางท้องทะเลและมหาสมุทรจึงเรียกได้ว่าแทบจะไม่มีความเย่อหยิ่งต่อกลุ่มกองกำลังอื่นๆ

พวกเขาพยายามวางตัวกันอย่างดีที่สุดเพราะการต่อสู้ที่ดุเดือดในท้องทะเลนั้นพวกเขาต้องได้พบเจอกับกลุ่มกองกำลังอื่นๆอยู่ตลอดเวลา ฉะนั้นพวกเขาจึงพยายามที่จะสร้างมิตรภาพมากกว่าการสร้างศัตรู

“ทะเลแห่งความวุ่นวาย!”

หวังเสียนหยิบแผนที่ที่เขาได้รับมาจากสาวกของสำนักดาบทะเลออกมาอีกครั้ง

ในตอนนี้ระดับความสามารถของเขานั้นไม่สามารถควบคุมความแข็งแกร่งของคนในโลกยุทธภพแห่งประเทศจีนได้ แต่เขาก็สามารถเริ่มต้นสร้างฐานอำนาจในพื้นที่ทะเลแห่งความวุ่นวายนี้ก่อนได้

กองกำลังของชาติติพันธ์อื่นๆ ในท้องทะเลแถบบริเวณนี้จะต้องถูกกวาดล้างและทำความสะอาดให้หมดสิ้น

“แต่ในตอนนี้ข้าคงจะต้องรอให้กลุ่มสาวกของวังมังกรศักดิ์สิทธิ์ฟื้นคืนชีพกันให้เรียบร้อยเสียก่อน และอีกอย่างหนึ่งกลุ่มเผ่าพันธุ์ปลาดาบและกลุ่มเผ่าพันธุ์อโนมาโลคาริส ก็กำลังฝึกฝนและบ่มเพาะเพิ่มความแข็งแกร่งกันอยู่ เมื่อถึงเวลาที่สาวกแห่งวังมังกรของข้าสมบูรณ์พร้อมเมื่อไหร่ เมื่อนั้นข้าคิดว่ามันคงจะไม่ใช่เรื่องยากอะไรที่จะสามารถยึดครองพื้นที่ในเขตทะเลแห่งความวุ่นวายได้!”

……….

Invincible Divine Dragon’s Cultivation System ระบบฝึกฝนมังกรอมตะ

Invincible Divine Dragon’s Cultivation System ระบบฝึกฝนมังกรอมตะ

Status: Ongoing

แปลงร่างเป็น มังกรศักดิ์สิทธิ์ และครองโลก! ด้วยระบบมังกร เขาจะเป็นมังกรศักดิ์สิทธิ์ผู้เดียวในมหาสมุทรที่ก่อตั้งวังมังกรใต้มหาสมุทร ด้วยทหารฝูงปลาและเหล่าขุนพลสัตว์ทะเลในฐานะผู้ติดตามของเขา รวมทั้งสัตว์ทะเลขนาดมหึมาในฐานะลูกน้องคนสนิทของเขา เขาคือจักพรรดิ์มังกรผู้ปกครองวังมังกรศักดิ์สิทธิ์

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท