“แย่แล้ว! คราวนี้พวกเราจะทำยังไงกันดี?”
ทางด้านหนึ่งของงานเลี้ยง กลุ่มวัยรุ่นหนุ่มสาวกว่า 10 คนกำลังเดินหาที่นั่งในมุมที่ห่างไกลผู้คนด้วยใบหน้าที่ซีดเซียวและเปื้อนเปียกไปด้วยน้ำตา เด็กสาวบางคนบ่นพึมพำออกมาในขณะที่ร้องไห้
สิ่งที่ทั้งสามคุณชายแห่งหลี่เฉิงพูดออกมา พวกเขาเชื่อมั่นว่านั่นคงไม่ใช่เรื่องตลก อาจกล่าวได้ว่าพวกเขาทุกคนในกลุ่มนี้กำลังอยู่ในช่วงวิกฤติของความเป็นและความตาย
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อพวกเขาได้เห็นทั้งสามคุณชายแห่งเมืองหลี่เฉิงนั่งยอง ๆ อยู่ที่พื้นแสดงความเคารพต่อเด็กหนุ่มในชุดนักเรียนและยังเรียกเขาว่านายน้อยอีกด้วย?
คนที่คุณชายแห่งตระกูลใหญ่ทั้งสามในเมืองหลี่เฉิงเรียกว่านายน้อย คงจะไม่พ้นเป็นทายาทของกลุ่มตระกูลที่ปกครองเมืองหลี่เฉิงทั้งหมดอยู่เป็นแน่!
นี่คือการดำรงอยู่ของระดับที่น่ากลัวอย่างแท้จริง!
แต่พวกเขากลับไปกระตุ้นการดำรงอยู่ของคนระดับนั้นเขาจนได้ สิ่งนี้จึงทำให้พวกเขารู้สึกได้ถึงสิ้นหวัง
ในกลุ่มของพวกเขาหลายคนยังคงรู้สึกสับสนและมึนงง เหงื่อเย็นๆยังคงไหลหยดออกมาจากใบหน้าของพวกเขาอย่างต่อเนื่อง
ลูกพี่ลูกน้องของหวังต้าไห่ก็รู้สึกสับสนเช่นเดียวกัน เธอไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าเด็กหนุ่มในชุดนักเรียนและเด็กหนุ่มที่หล่อเหลาที่เป็นเพื่อนร่วมชั้นกับลูกพี่ลูกน้องของเธอคนนั้น จะมีอิทธิพลมากถึงเพียงนี้
เพียงแค่ระดับสามคุณชายซึ่งเป็นทายาทชั้นนำในเมืองหลี่เฉิง ตระกูลของพวกเขาแต่ละคนในที่นี้รวมถึงแฟนหนุ่มของเธอก็ไม่สามารถจะเทียบได้ถึง 1 ใน 10 ของทั้งสามคุณชาย
แต่ทั้งสามคุณชายกลับนั่งยองๆลง เรียกเด็กหนุ่มในชุดนักเรียนว่านายน้อย และยังเรียกชายหนุมรูปหล่อคนนั้นว่าพี่ใหญ่ด้วยความเคารพ
สิ่งเหล่านี้ทำให้เธอตกตะลึงและมึนงงมากจริงๆ เธอยังคงจ้องมองไปทางเด็กหนุ่มในชุดนักเรียนที่กำลังพูดคุยกันด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แต่ลักษณะท่าทางของเขานั้นก็ยังคงเรียบร้อยและขี้อายเป็นอย่างยิ่ง
“พวกเราควรจะบอกคนในตระกูลของพวกเขาดีหรือไม่? หากเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นมาจริงๆ … ตระกูลของพวกเราทั้งหมดที่อยู่ที่นี่อาจจะต้อง….”
ชายหนุ่มคนหนึ่งหันไปพูดกับกลุ่มเพื่อนๆของเขาและพูดออกมาด้วยความหวาดกลัว หยดน้ำตายังคลออยู่ในหน่วยตาของเขาตลอดเวลา
“เสี่ยวโหย่ว! ลูกพี่ลูกน้องของเธอเป็นเพื่อนสนิทกับหนุ่มรูปหล่อคนนั้นไม่ใช่หรอกหรือ? เธอช่วยขอร้องให้ต้าไห่ญาติของเธอช่วยขอร้องและพูดคุยกับเพื่อนของเขาว่าให้ยกโทษให้พวกเราได้ไหม มิฉะนั้นทั้งสามคุณชายคงจะฆ่าพวกเราทุกคนอย่างแน่นอน!”
ชายหนุ่มคนที่เป็นแฟนของเสี่ยวโหย่ว จับแขนของเธอเขย่าและพูดด้วยน้ำเสียงที่ตื่นตระหนก
“ฉัน!… ฉันจะลองถามลูกพี่ลูกน้องของฉันดูก่อนว่าเขาจะยินยอมหรือไม่?”
เสี่ยวโหย่วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างสับสน
“ไม่ว่าจะยังไงเธอก็ต้องช่วยพวกเรา! เธอเป็นลูกพี่ลูกน้องของต้าไห่เขาคงจะไม่ทำร้ายเธออย่างแน่นอน แต่กับพวกเราทั้งหมดที่นี่พวกเราคงจะถูกฆ่าตายอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะยังไงเธอก็จะต้องช่วยพูดให้พวกเราให้ได้!” ชายหนุ่มคนที่เป็นแฟนของเสี่ยวโหย่วและกลุ่มเพื่อนๆ ของเธอต่างพูดในทำนองเดียวกัน
เสี่ยวโหย่วที่ยังคงอยู่ในความงุนงง ยิ่งรู้สึกสับสนมากยิ่งขึ้น ตอนนี้เธอต้องอ้อนวอนขอร้องลูกพี่ลูกน้องของเธอ ซึ่งเป็นคนที่เธอเคยดูถูกมาโดยตลอด
“แจ้งคุณปู่ของเธอ! บอกคุณปู่ของเธอให้ช่วยพูดกับพี่ลูกน้องของเธอ ให้เขาช่วยพูดให้กับพวกเรา! ไม่อย่างนั้นในครั้งนี้พวกเราทั้งหมดในที่นี้จะต้องตายจริงๆอย่างแน่นอน เสี่ยวโหย่วได้โปรดรีบไปขอร้องคุณปู่ของเธอเดี๋ยวนี้เลยเถอะ!”
คนหนุ่มสาวที่อยู่ใกล้ๆ หลายรีบพูดกับเธอท่านด้วยท่าทางที่ร้อนรน
“ได้โปรดเถอะเสี่ยวโหย่ว! เธอคือความหวังเดียวของพวกเรา!” แฟนหนุ่มของเธอพูดกับเธออีกครั้งด้วยดวงตาที่แดงก่ำ
“ตกลง! ฉันจะไปพูดกับคุณปู่ของฉันให้!”
เสี่ยวโหย่วเห็นแฟนหนุ่มและเพื่อนๆของเธอแสดงออกถึงความหวาดกลัวต่อความตายออกมาอย่างสุดขีด จนจิตใจของพวกเขานั้นแทบจะพังทลายลงไป เธอจึงรีบลุกขึ้นเพื่อออกไปตามหาคุณปู่ของเธอในทันที
….
“เฮ้ เฒ่าหวัง! นั่นเด็กของนายไม่ใช่เหรอ!”
ในขณะนั้นเองเสียงเย้าแหย่ของหวังต้าไห่ก็ดังขึ้นมา หวังเสียนขมวดคิ้วเล็กน้อยและหันมองไปที่ประตูทางเข้าตามทิศทางที่หวังต้าไห่ทำปากบุ้ยใบ้ให้กับเขา
ใบหน้าที่งดงามราวกับเทพธิดาและรูปร่างที่สมบูรณ์แบบของนางมารร้าย เด็กสาวที่สง่างามสวมชุดสีแดงเดินเข้ามาในงานเลี้ยงและติดตามมาด้วยกลุ่มชายหญิงวัยกลางคนอีกหลายคนจากตระกูลหลาน
เด็กสาวคนนี้นั้นก็คือหลานชิงเยว่นั่นเอง!
เธอเดินเข้ามาในห้องโถงของงานเลี้ยง ด้วยรอยยิ้มที่สง่างามในชุดราตรีสีแดงและรองเท้าส้นสูงสีแดง
ในตอนนี้รอยยิ้มของเธอนั้นสดใสมากกว่าหลานชิงเยว่ผู้เย็นชาและหยิ่งผยองคนก่อนมาก
หลังจากที่เธอได้รับสายเลือดของเทพเจ้าโบราณคุนเผิง ร่างกายภายในและภายนอกของเธอนั้นก็วิวัฒนาการต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
ในตอนนี้การกระทำในทุกท่วงท่าและอิริยาบถของเธอนั้นดูสูงส่งและสง่างามไม่ต่างจากเทพธิดาเลยทีเดียว
งานเลี้ยงในห้องโถงขนาดใหญ่เงียบเสียงลงในทันที จุดสายตาของคนทั้งหมดนั้นได้ไปตกรวมกันอยู่ที่ตัวเธอเพียงคนเดียว
และด้วยออร่าจากร่างกายของเธอ ทำให้บรรยากาศในงานเลี้ยงดูสดใสและสวยงามขึ้นมากกว่าเดิมอีกหลายเท่าตัว
“ดูนั่นสิ! เด็กสาวที่งดงามราวกับเทพธิดาคนนั้นคือประธานกรรมการของบริษัทเครื่องประดับทะเลครามแห่งตระกูลหลาน เธอคือ ‘หลานชิงเยว่’ คุณหนูใหญ่ว่าที่ผู้นำคนต่อไปแห่งตระกูลหลาน!”
“โอ้ววพระเจ้า! สวยมาก เธอช่างงดงามมากจริงๆ ชุดราตรีสีแดง หุ่นสูงและสมบูรณ์แบบ จนนางแบบระดับนานาชาติก็ยังไม่สามารถที่จะติดฝุ่นรองเท้าของเธอได้!”
“นี่คือเด็กสาวที่สมบูรณ์แบบมากจริงๆ เธอมีอายุเพียงแค่ 22 ปี ถึงแม้เธอจะได้ขึ้นชื่อว่าเป็นว่าที่ผู้นำของตระกูลหลานคนต่อไป แต่จริงๆแล้วในตอนนี้ตระกูลหลานและบริษัทเครื่องประดับทะเลครามที่มีมูลค่าทางการตลาดมากกว่าสามหมื่นล้านหยวนก็อยู่ภายใต้การบริหารของเธอทั้งหมดแล้ว!”
“ฉันรู้มาว่าความสามารถในการบริหารธุรกิจของเธอนั้นเป็นระดับอัจฉริยะเลยทีเดียว! ความสามารถในระดับนี้นั้นเกินกว่าผู้บริหารใหญ่ๆระดับโลกซะอีก!”
“ตำนาน! เธอคือสุดยอดนักธุรกิจอัจฉริยะระดับตำนานเลยทีเดียว! หนังสือธุรกิจและเศรษฐกิจชั้นนำทั่วประเทศต่างเคยลงตีพิมพ์เรื่องเกี่ยวกับเธอและยกย่องให้เธอนั้นเป็นยักษ์ใหญ่ทางด้านธุรกิจอย่างแท้จริง!”
“ด้วยความสามารถและรูปร่างหน้าตาที่ราวกับเทพธิดาเช่นนี้ หากว่าฉันได้แต่งงาน….”
“เชี่ยยย! หุบปากไปเลย นายอยากตายมากนักใช่ไหมถึงได้กล้าพูดจาไร้สาระเช่นนี้ออกมา! นายรู้ไหมว่าเธอนั้นเป็นผู้หญิงของใคร หากนายยังไม่อยากตายอย่าได้พูดไร้สาระอะไรเช่นนี้ออกมาอีกอย่างเด็ดขาด!”
“เธอเป็นผู้หญิงของใครอย่างงั้นเหรอ?”
“คิงออฟเจียงเฉิงหรือหมอเทวะหวังแห่งเมืองเจียงเฉิงยังไงล่ะ! นายไม่เคยได้ยินชื่อเสียงของเขามาก่อนบ้างหรอกหรือ? ชายหนุ่มผู้นี้นั้นเป็นผู้มีอำนาจอันน่าสะพรึงกลัวและเป็นผู้สนับสนุนอยู่เบื้องหลังของหลานชิงเยว่ ชายหนุ่มคนนี้นั้นคือยักษ์ใหญ่ตัวจริง ระดับอำนาจและความแข็งแกร่งของเขานั้นสามารถปกคลุมท้องฟ้าได้ด้วยมือข้างเดียว!”
“ก่อนหน้านี้ฉันเคยได้ยินข่าวลับๆมาว่าคนที่เข้ามายุ่งกับหลานชิงเยว่ ผู้หญิงของเขาถูกกวาดล้างยกตระกูลเลยทีเดียว หมอเทวะหวังผู้นี้นั้นถือได้ว่าเป็นจอมทรราชอย่างแท้จริง!”
“และด้วยระดับความแข็งแกร่งของเขา รายชื่อเทียนเจียวอันดับที่หนึ่งจึงตกเป็นของเขาในทันที ไม่เพียงเท่านั้นด้วยทักษะการแพทย์ของเขาเขาก็อยู่ในอันดับที่เก้าของหมอเทวะศักดิ์สิทธิ์แห่งโลกยุทธภพ และล่าสุดฉันยังรู้มาอีกด้วยว่าเขานั้นยังมีความสามารถในการปรับแต่งและปรุงยาอยู่ในระดับที่ 3 อีกด้วย!”
“และล่าสุดข่าวที่สร้างความตกตะลึงไปทั่วทั้งโลกยุทธภพในไม่นานมานี้นั่นก็คือ เขาได้สังหารกลุ่มผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกำเนิดลมปราณนับสิบคนที่ภูเขาเทียมเมฆ
ข่าวนี้ได้รับยืนยันมาแล้วว่าเป็นเรื่องจริงมิหนำซ้ำยังมีคลิปวีดีโอที่ค่อนข้างชัดเจนอยู่อีกด้วย และล่าสุดก็ยังมีข่าวที่เขานั้นมีความขัดแย้งกับกลุ่มผู้คุมกฎแห่งสำนักเซิ่งเหมินถู แต่เนื้อหาข่าวต่อมาก็ค่อนข้างที่จะคลุมเครือเป็นอย่างยิ่ง ฉันก็ไม่แน่ใจและไม่กล้าพูดออกไปว่าเนื้อหาข่าวอันแท้จริงนั้นเป็นเช่นไร แต่ฉันคิดว่ากลุ่มผู้อาวุโสผู้คุมกฎและเหล่าสาวกผู้คุมกฎของหอพิพากษาแห่งสำนักเซิ่งเหมินถูคงอาจจะตกตายภายใต้คมดาบของเขาไปแล้วอย่างแน่นอน!”
“แม้แต่ดาบคลั่งโลหิตจี ราชาผู้อยู่เบื้องหลังแห่งเมืองหลี่เฉิงของพวกเรา ก็ยังคงต้องฟังเขาสั่งของเขา!”
“เฮ้! ฉันจำได้แล้วว่าในก่อนหน้านี้ ดาบคลั่งโลหิตจี ได้นำกลุ่มชาวยุทธจากตระกูลใหญ่ๆในเมืองหลี่เฉิงของพวกเราไปที่เมืองเจียงเฉิง หลังจากนั้นมาตระกูลระดับชั้น 1 ก็ได้ถูกกวาดล้างและกำจัดออกไปยกตระกูล!”
“หมอเทวะหวังราชาแห่งเมืองเจียงเฉิง ถือได้ว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าสะพรึงกลัวมากที่สุดในมณฑลทางตอนใต้ของเราเลยทีเดียว แม้แต่ผู้นำตระกูลซุนที่กล่าวได้ว่าเป็นชายผู้ร่ำรวยมากที่สุดในมณฑลทางตอนใต้ก็ยังไม่มีโอกาสเข้าถึงเขาและทำความรู้จักกับเขาได้ง่ายๆ!”
เมื่อกลุ่มผู้คนในงานเลี้ยงเห็นหลานชิงเยว่เดินเข้ามา พวกเขาก็ต่างกระซิบกระซาบพูดคุยกันหลากหลายเรื่อง และหนึ่งในนั้นที่เป็นเรื่องใหญ่มากที่สุดก็คือเรื่องเกี่ยวกับหวังเสียน
ส่วนชื่อเสียงของตระกูลหลานในตอนนี้นั้นก็ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในแวดวงของนักธุรกิจ
บริษัทเครื่องประดับทะเลครามที่สามารถซื้อบริษัทการค้าเครื่องประดับตระกูลโจวได้ในราคาที่ต่ำกว่าการประเมินมูลค่าที่แท้จริง ถือได้ว่าเป็นข่าวใหญ่เป็นอย่างมากในแวดวงธุรกิจในก่อนหน้านี้ และด้วยเหตุนี้บริษัทเครื่องประดับทะเลครามของตระกูลหลาน จึงกลายเป็นบริษัทจิวเวลรี่ที่ใหญ่มากที่สุดในประเทศ
มูลค่าทางการตลาดจึงเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมถึง 3 เท่าตัว และยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุกไตรมาส ข่าวนี้จึงกลายเป็นข่าวที่โด่งดังและสั่นสะเทือนวงการธุรกิจทั่วทั้งประเทศเลยทีเดียว
ในก่อนหน้านี้นักธุรกิจส่วนใหญ่ต่างรู้ดีว่าบริษัทเครื่องประดับทะเลครามนั้นเกือบสะดุดล้มลงและเกือบจะอยู่ในภาวะล้มละลาย แต่หลังจากนั้นไม่นานบริษัทเครื่องประดับทะเลครามก็ได้รับเงินทุนสนับสนุนเป็นจำนวนมากในรูปแบบของหินหยกหลายพันกิโลกรัมซึ่งหากตีเป็นมูลค่าแล้วก็นับได้ว่าเป็นราคาหลักหมื่นล้านหยวนเลยทีเดียว
มิหนำซ้ำยังได้รับการเซ็นสัญญาการค้าขายโดยตรงจากประเทศหินหยกอีกด้วย พวกเขาต่างรู้กันดีว่าสาเหตุที่บริษัทเครื่องประดับทะเลครามนั้นฟื้นตัวกลับมาได้ก็เป็นเพราะพลังที่หนุนหลังของหมอเทวะหวังแห่งเมืองเจียงเฉิงนั่นเอง
จนล่าสุดบริษัทการค้าเครื่องประดับตระกูลโจวก็ยังต้องยอมแพ้ ถึงกับขายทอดตลาดบริษัทของพวกเขาในราคาที่ถูกกว่าราคาประเมินให้แก่บริษัทเครื่องประดับทะเลคราม เนื่องจากทนแรงกดดันจากอำนาจความแข็งแกร่งของหมอเทวะหวังไม่ได้อีกต่อไป
และสาเหตุหลักๆทั้งหมดนั้นก็มาจากเทพธิดาแห่งโชคลาภของตระกูลหลาน ‘หลานชิงเยว่’ ที่เป็นผู้หญิงของหมอเทวะหวังราชาแห่งเมืองเจียงเฉิงนั่นเอง
อาจจะกล่าวได้ว่าในตอนนี้ชื่อของหมอเทวะหวังราชาแห่งเมืองเจียงเฉิง ในโลกยุทธภพและแวดวงธุรกิจชั้นสูงนั้นไม่มีใครไม่รู้จักชื่อของเขา
นี่คือตำนานของเด็กหนุ่มที่น่ากลัวมากที่สุดในมณฑลทางตอนใต้เลยทีเดียว!
ฝูงชนในห้องจัดเลี้ยงพูดคุยกันอย่างเบาๆ พวกเขาต่างมองไปที่หลานชิงเยว่ด้วยความกลัวและความอิจฉา
หวังเสียนแสดงรอยยิ้มออกมาบางๆ เมื่อได้ยินเสียงกระซิบพูดคุยและความคิดเห็นจากคนในงานเลี้ยง เขาลุกขึ้นยืนและเดินตรงเข้าไปหาหลานชิงเยว่อย่างช้าๆ
“หืออ? เด็กหนุ่มหน้าสำอางคนนั้นกำลังเดินตรงเข้าไปหาเทพธิดาหลานชิงเยว่อย่างนั้นรึ?”
“ชายหนุ่มคนนี้ช่างไม่รู้อะไรเอาเสียเลย! เขาคงมั่นใจในความหล่อเหลาของเขามาก ถึงกับขนาดตั้งใจเดินเข้าไปพูดคุยกับหลานชิงเยว่เชียวรึ? ช่างรนหาที่ตายเสียจริงๆ!”
“ชายหนุ่มคนนี้นั้นเป็นลูกหลานของคนตระกูลไหนกัน? ถึงได้โง่เง่าและบ้าคลั่งได้มากถึงขนาดนี้!”
“เพียงเพราะเห็นหญิงสาวหน้าตาสวยงาม ถึงกับโง่เง่าไร้สติจนพาให้ทุกคนในตระกูลของเขาจะต้องถูกกวาดล้างออกไป หากเด็กหนุ่มคนนี้เป็นลูกหลานในตระกูลของฉัน ฉันจะจับมันตอนทำเป็นขันทีอย่างแน่นอน!”
“ฮึๆๆ! มีเรื่องน่าสนุกให้ดูแล้ว ฉันกำลังรู้สึกเบื่อๆอยู่พอดีเลยทีเดียว!”
“ดูการแต่งตัวของเจ้าหนุ่มคนนั้นสิ! ถึงจะกล้าใส่ชุดลำลองเข้ามาในงานเลี้ยงของผู้นำตระกูลซุนเลยเหรอเนี่ย? ช่างไร้มารยาทเสียจริงๆ!”
“เขาเป็นเด็กหนุ่มจากตระกูลไหนกันใครพอจะรู้บ้าง! หากฉันมีความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับคนในตระกูลของพวกเขาฉันจะได้รีบตัดความสัมพันธ์นั้นทิ้งเสีย ฉันไม่อยากจะลงหลุมไปพร้อมๆกับคนในตระกูลของพวกเขา!”
ในตอนนี้ทุกคนในงานเลี้ยงต่างหันไปจ้องมองหวังเสียนที่กำลังเดินตรงเข้าไปหาหลานชิงเยว่ ด้วยความดูถูก
ตระกูลหลานสามารถติด 1 ใน 5 อันดับแรกของตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดแห่งมณฑลทางตอนใต้ แต่ความแข็งแกร่งโดยรวมของตระกูลหลานนั้นย่อมถือได้ว่าแข็งแกร่งมากยิ่งกว่าตระกูลซุนที่ร่ำรวยเป็นอันดับ 1 แห่งมณฑลทางตอนใต้เลยเสียอีก
เพราะผู้หนุนหลังของตระกูลหลานนั่นก็คือหมอเทวะหวังราชาแห่งเมืองเจียงเฉิงนั่นเอง
ต่อให้ตระกูลที่ร่ำรวยทั้งหมดแห่งมณฑลทางตอนใต้ร่วมมือกัน พวกเขาก็ไม่กล้าจะต่อสู้กับตระกูลหลานโดยตรงอย่างแน่นอน
การกระทำที่เป็นการยั่วยุ หลานชิงเยว่ ของตะกูลหลานนั้นถือได้ว่าเป็นการแสวงหาความตายให้แก่ตัวเองอย่างแท้จริง
“ชิงเยว่!”
แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้ทุกคนในห้องโถงของงานเลี้ยงต้องอ้าปากค้างและยืนตัวแข็งทื่อเป็นก้อนหิน ก็เพราะว่าในขณะที่เด็กหนุ่มหน้าหล่อคนนั้นเดินตรงเข้าไปหาหลานชิงเยว่
คนในตระกูลหลานทั้งหมดที่ติดตามหลานชิงเยว่เข้ามา รีบแยกย้ายกันเป็นสองแถวพร้อมกับโค้งตัวลงทำความเคารพเด็กหนุ่มหน้าหล่อคนนั้นอย่างนอบน้อม
และตัวเทพธิดาหลานชิงเยว่ยังแสดงรอยยิ้มที่สดใสพร้อมกับวิ่งมากอดแขนของเด็กหนุ่มคนนั้นด้วยใบหน้าที่มีความสุขเป็นอย่างยิ่ง
“เสี่ยวเสียน!” หลานชิงเยว่เรียกชื่อของหวังเสียนอย่างกระตือรือร้นในขณะที่เธอกอดแขนของเขา
ตูมมมม!
“เชี่ยยยย! ชายหนุ่มคนนั้นคือ…”
“โอ้พระเจ้าช่วย! เทพธิดาหลานชิงเยว่เรียกเขาว่าเสี่ยวเสียนอย่างสนิทสนมเช่นนี้… ก็ไม่ผิดแล้วหล่ะ…”
อึก!
“มะ!… หมอเทวะหวัง! ชายหนุ่มคนนั้นต้องใช่หมอเทวะหวังแน่นอนอยู่แล้ว! หมอเทวะหวังนั้นมีชื่อว่าหวังเสียน! ฉันคิดเอาไว้อยู่แล้วหล่ะว่าคนที่มีออร่าอันสง่างามเช่นนี้นั้นต้องไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน!”
“ใช่! ฉันก็คิดเอาไว้แล้วอยู่เหมือนกันว่าคนที่หล่อเหลาราวกับมหาเทพบุตรขนาดนี้นั้นจะต้องเป็นผู้มีอำนาจล้นฟ้าอย่างเช่นหมอเทวะหวังอย่างแน่นอน! ฉันกำลังจะเข้าไปทักทายเขาอยู่พอดีแต่ติดตรงที่ว่าเขารีบเดินเข้าไปหาเทพธิดาหลานชิงเยว่เสียก่อน!”
“นี่… นี่คือไอดอลของฉัน! ฉันเคยเห็นรูปถ่ายของหมอเทวะหวังมาก่อน ทำไมฉันถึงได้โง่เง่าเช่นนี้! ทั้งๆที่ไอดอลของฉันอยู่ในงานเลี้ยงเดียวกันแท้ๆ แต่ฉันกลับจำเขาไม่ได้ ก็ยังว่าอยู่ทำไมตอนที่เขาเดินเข้าไปหาเทพธิดาหลานชิงเยว่ฉันถึงรู้สึกว่าคุ้นหน้าเขามากนัก!”
“โอ้ว! ฉันไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าผู้ที่มีอำนาจมากที่สุดในมณฑลทางตอนใต้ จะมาซ่อนตัวอยู่อย่างเงียบๆเช่นนี้! หากว่าฉันรู้ว่าหมอเทวะหวังนั้นอยู่ที่นี่ด้วย ฉันจะรีบไปคารวะทำความรู้จักกับเขาอย่างแน่นอน!”
ในตอนนี้กลุ่มคนทั้งหมดในห้องโถงของงานเลี้ยงต่างเปลี่ยนสีหน้ากันได้อย่างรวดเร็ว นักธุรกิจชนชั้นสูงเหล่านี้นั้นถือได้ว่าเป็นจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์กันแทบจะทุกคน ไม่อย่างนั้นพวกเขาคงจะไม่สามารถทำธุรกิจจนประสบความสำเร็จและร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐีได้กันจนถึงทุกวันนี้อย่างแน่นอน
……….