บทที่ 42: เจออะไรไม่สบายใจแล้วต้องบอกผม
มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ผลักเธอออกไปอย่างง่ายดาย แล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “เย่กวนกวน”
เธอไม่กล้าทำอะไรต่อทันที มองไปทางเขาด้วยสีหน้าน่าเอ็นดู “พรุ่งนี้คุณส่งฉันกลับบ้านเถอะนะ พ่อฉันไปทำงานนอกสถานที่ ไม่มีคนรับฉัน”
“ข้างนอกมีบอดี้การ์ดเยอะแยะ”
“แต่ถ้าฉันเกิดอะไรขึ้นในระหว่างทางกลับบ้าน…คุณก็ช่วยฉันได้ทันทีเลย”
“ถ้าเกิดอะไรขึ้น ผมไม่อยากโดนคุณถ่วง” น้ำเสียงของมู่วี่สิงยิ่งเย็นชากว่าเดิม
เมื่อเผชิญกับความเย็นชาของมู่วี่สิง เย่กวนกวนได้แต่ค่อยๆ เก็บมือตัวเองกลับมา
ครึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น มู่วี่สิงออกมาจากโรงพยาบาล หลี่ซานรีบตามเข้ามา
“คุณหมอมู่ ผอ.บอกแล้วว่าจะให้เย่กวนกวนอยู่เฝ้าดูอาการอีกสักพัก”
“งั้นให้เขาไปเฝ้าดูอาการเอง” มู่วี่สิงไม่แสดงสีหน้าใดๆ
มีแค่เขากล้าต่อต้านผอ.ซึ่งๆ หน้าแบบนี้ หลี่ซานชินแล้ว
เมื่อมาถึงบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป เวินจิ้งและอั้ยเถียนกำลังคิดว่าจะดักรอรถ ปอร์เช่คาเยนน์สีดำขับมาจอดเทียบข้างๆ เวินจิ้ง
มู่วี่สิงลงจากรถก็เห็นหน้าเห่อบวมของเวินจิ้ง
“ใครทำ?” น้ำเสียงเขาแสนจะเยือกเย็น
“อีฉินเฟย….” อั้ยเถียนเพิ่งจะเอ่ยปากพูด เวินจิ้งรีบดึงเธอเอาไว้
เธอไม่อยากให้มู่วี่สิงมายุ่งเรื่องของเธอ
“เถียนเถียน ฉันส่งแกกลับไปก่อนดีกว่า” เวินจิ้งเบี่ยงประเด็น
อั้ยเถียนโบกมือ “รถแท็กซี่มาแล้ว”
พูดจบเธอรีบเดินออกไปทันที เธอไม่อยากเป็นก้างขวางคอหรอกนะ!
เวินจิ้งขมวดคิ้วขึ้นด้วยความลำบากใจ ได้แต่ฝืนตัวเองขึ้นรถ แต่เธอไม่ได้พูดอะไรเลย
มู่วี่สิงได้ยินที่อั้ยเถียนพูดตั้งนานแล้ว ฉินเฟยตบเธองั้นหรอ?
เธอเคยสืบประวัติเวินจิ้งมาก่อน รู้ว่าฉินเฟยเป็นเพื่อนมหาลัยของเธอ แล้วก็เป็นคู่หมั้นปัจจุบันของฉืออี้เหิง
แล้วผู้หญิงคนนี้ไม่รู้จักบอกสามีอย่างเขาบ้างหรอ?
“ทำไมไม่บอกผม?” มู่วี่สิงสีหน้าบึ้งตึง ขณะไฟแดง เขาหันหลังไปมองเวินจิ้ง
“พูดว่าไงนะ” เวินจิ้งสีหน้าดูลำบากใจ
แต่ขณะที่เธอกำลังพูด ความแข็งเกร็งบนหน้ายังคงแฝงไปด้วยความไม่สบายใจของเธอ
“หน้าใบนี้ใครก็จับไม่ได้ทั้งนั้น รู้ไหม” จู่ๆ มู่วี่สิงบีบคางเธอเอาไว้ด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
เวินจิ้งชะงักไปครู่หนึ่ง มู่วี่สิงสบตาที่เต็มไปด้วยความขุ่นเคียงของ นี่เขากำลัง…เป็นห่วงเธอหรอ?
แต่เธอรีบปฏิเสธความคิดนี้ไป มู่วี่สิงจะเป็นห่วงเธอที่ไหนหละ เธอไม่ใช่คนที่เขาชอบซะหน่อย
“เจออะไรที่ลำบากใจแล้วต้องบอกผมนะคุณผู้หญิงมู่” เขามองไปที่สีหน้าเรียบนิ่งของเธอ น้ำเสียงมู่วี่สิงยิ่งดูฟังดูดุดันเข้าไปอีก
“คุณหมอมู่จะออกตัวแทนฉันหรอ?” ถามกลับไปอย่างเก้อๆ กังๆ
“คุณ…มีแค่ผมที่แกล้งได้”
เวินจิ้ง:……
ตอนกลางคืน คนใช้ต้มไข่ให้เวินจิ้งประคบหน้า แต่เหมือนจะร้อนเกินไป เวินจิ้งถือไว้ไม่ได้ ไข่จึงตกหล่นลงพื้นไปในพริบตา
มู่วี่สิงเพิ่งเดินเข้ามา เห็นไข่ที่หล่นอยู่ข้างๆ เท้า ณ ตอนนี้ เวินจิ้งย่อตัวอยู่ข้างๆ ขาเขา กำลังจะก้มเก็บขึ้นมา
“เฮ้ย!” เธอเรียกเขาไว้ทันที ถ้ามู่วี่สิงเดินไปอีกก้าวจะเหยียบไข่เละแล้ว
มู่วี่สิงขมวดคิ้ว สั่งให้คนใช้เข้ามาเก็บกวาด ผ่านไปไม่นานคนใช้ไปต้มไข่แล้วเอาเข้ามาให้ใหม่
เห็นมู่วี่สิงรับเอาไว้ เวินจิ้งมองเขาด้วยสายตาอึ้งทึ่ง “คุณไม่ร้อนหรอ?”
เมื่อกี้ก็เพราะว่าร้อนเกินไปเธอถึงถือไว้ไม่ได้นั่นแหละ
“ผิวหนา” มู่วี่สิงพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แล้วกดตัวเวินจิ้งไว้บนเตียง ส่วนเขาอาศัยจังหวะโน้มตัวอยู่เหนือเธอ
ท่าทางบนเตียงนี้ทำให้เวินจิ้งตกอยู่ในความลำบากใจ…
“ฉันทำเองก็ได้” เวินจิ้งกัดฟัน ความแดงเห่อขึ้นหน้าเล็กน้อย แล้วทำท่าอยากคว้าไข่
มู่วี่สิงกลับล็อคข้อมือเธอเอาไว้ ประจบเข้าที่สายตาล่อกแล่กของเธอ ริมฝีปากบางเจ้าเล่ห์นั้นเสยขึ้นเบาๆ หยิบเข็มขัดข้างๆ ขึ้นแล้วมัดมือเวินจิ้งไว้
เวินจิ้งอึ้งจนทำตัวไม่ถูก