Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 55

ตอนที่ 55

บทที่ 55 ทำไมเขายังคงสนใจเธออยู่

“ผู้หญิงเขาก็คาดหวังเรื่องแบบนี้กันทั้งนั้นไม่ใช่หรอ”

เวินจิ้งมองเขา หลายปีแล้ว ที่เธอคาดหวังกับหลายๆเรื่อง แต่เธอก็ไม่เคยได้พูดออกมา

แต่อย่างน้อย ตอนนี้ก็มีคนๆนึงที่ทำให้เธอสมหวังได้เรื่องนึงแล้วสินะ

“ฉะ… ฉันเฉยๆนะ” เวินจิ้งวางช่อดอกไม้ลงด้วยท่าทีที่ประหม่า

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเธอรู้สึกดีมากขนาดไหน

“คุณผู้หญิงมู่ การที่เราใช้ชีวิตอยู่คนเดียวกับสองคนมันแตกต่างกันนะ”

มู่วี่สิงสตาร์ทรถ แล้วขับออกไปอย่างรวดเร็ว

เวินจิ้งก้มหน้ามองแหวนบนนิ้วนางของเธออยู่นาน สุดท้าย เธอก็เลือกที่จะไม่ถอดมันออก

ถ้าเป็นอย่างที่มู่วี่สิงพูด เราก็ต้องแสดงให้มันสมจริงกันหน่อยไม่ใช่หรอ

วันต่อมา ณ บริษัทการผลิตยาเทียนอี

โปรเจกต์การวิจัยและพัฒนาของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปและบริษัทการผลิตยาเทียนอีได้เริ่มต้นอย่างเป็นทางการ วันนี้เนื่องจากเสี้ยวหงต้องออกเดินทางไปทำงาน เขาจึงให้อั้ยเถียนมาแทน ส่วนเวินจิ้งที่เป็นผู้ช่วยของโปรเจกต์นี้ก็ต้องมาด้วย

“เวินจิ้ง วันนี้ฉืออี้เหิงมาด้วยนะ” อั้ยเถียนบอกด้วยความกังวลใจ

เวินจิ้งพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย : “สถานะของเขาเป็นแค่คนที่ร่วมงานกับเราก็เท่านั้นเอง”

“ถ้าเธอคิดได้อย่างนั้นก็ดีแล้วแหละ”

อั้ยเถียนยิ้ม แล้วบังเอิญไปเห็นแหวนบนนิ้วนางของเวินจิ้งเข้า ดวงตาเธอเป็นประกาย

“ฮั่นแหน่! แหวนแต่งงานหรอ”

“ก็คงใช่แหละ” เวินจิ้งตอบปัดๆ

“เอ ทำไมฉันเหมือนเคยเห็นแหวนวงนี้ที่ไหนมาก่อนเลยนะ”

อั้ยเถียนนึก อยู่ดีๆเธอก็ตีเข่าตัวเอง พร้อมกับเปิดมือถือของเธอให้เวินจิ้งดู

เมื่อครึ่งเดือนก่อน เมืองหนานเฉิงได้จัดงานการประมูลแหวนครั้งใหญ่ ซึ่งแหวนที่นำมาจัดการประมูลนั้น เป็นแหวนมูลค่า… 300 ล้านหยวน ซึ่งเป็นแหวนแบบเดียวกันกับที่อยู่บนนิ้วของเวินจิ้ง สะ… 300 ล้านหยวน…

เวินจิ้งตกใจ ไม่คิดว่าตัวเองจะใส่ของที่มีมูลค่า 300 ล้านนั่นอยู่กับตัว

“เถียนเถียน อันนี้คือของปลอมแน่ๆ ฉันมั่นใจว่านี่คือของที่ทำเลียนแบบขึ้นมาแน่นอน” เวินจิ้งพูดพลางอยากจะถอดแหวนนั้นออก

แต่เธอกลับถอดมันไม่ออก

“แหวนวงนี้มีแต่คนอยากได้ เพราะมันเป็นผลงานการออกแบบของ DG และได้รับรางวัลนานาชาติอีกมากมายนับไม่ถ้วน ไม่คิดเลยว่ามันจะถูกหมอมู่ประมูลไป” อั้ยเถียนก็อึ้งไปเหมือนกันพอรู้ ไม่คิดว่าหมอมู่ที่เป็นแค่หมอจะสามารถประมูลมันไปได้!

เวินจิ้งตกใจ พอรู้อย่างนั้น เธอก็ยิ่งไม่ลังเลที่จะถอดแหวนวงนั้นออก อั้ยเถียนพูดต่อว่า : “ยอมแพ้เถอะ นั่นมันคือแหวนวงนั้นจริงๆ นี่มันถูกออกแบบมาเพื่อคนๆเดียวบนโลกเลยนะนั่น เพราะฉะนั้นเธอถอดมันออกไม่ได้แล้วล่ะ”

เวินจิ้งไม่มีทางเลือก แต่ถึงยังไงเธอก็ยังอยากจะคืนแหวนวงนี้ให้มู่วี่สิงอยู่ดี

ไม่นาน คนจากบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปก็มา พร้อมกับเวินจิ้งที่เผลอเก็บนิ้วนางของตัวเองขึ้นโดยไม่รู้ตัว

ในห้องประชุม นอกจากฉืออี้เหิงที่มาแล้ว ก็ยังมีฉินเฟยกับผู้จัดการคนอื่นๆอีกไม่กี่คน

เสี้ยวหงที่เป็นหัวหน้าของบริษัทเทียนอีก็ได้วิดีโอคอลมา

รายละเอียดของการร่วมงานกันครั้งนี้ได้ตกลงกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว รวมถึงเรื่องการแบ่งกำไรกัน

เดิมทีบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปอยากได้ส่วนแบ่ง 50% ของกำไรทั้งหมด แต่บริษัทเทียนอีเสนอเรื่องการสรรหาคนที่มีทักษะมาช่วยดูแลโปรเจกต์ในครั้งนี้ด้วย และก็เป็นที่สรุปได้ว่า ส่วนแบ่งที่บริษัทเทียนอีควรจะได้ต้องไม่ต่ำกว่า 60% ของกำไรทั้งหมด

ซึ่งความขัดแย้งนี้ ทำให้ทั้งสองฝ่ายเกิดความชะงัก

“ซึ่งโปรเจกต์การวิจัยและพัฒนาครั้งนี้ทางเราได้สรรหาคนที่มีทักษะมาเองเรียบร้อยแล้วด้วย” เสี้ยวหงพูดเสียงเย็น

“แล้วใครกันล่ะคนที่มีทักษะนั่นน่ะ” ฉินเฟยถาม

ในรายงานที่เวินจิ้งได้อ่าน ก็ไม่มีระบุไว้ว่าคนๆนั้นคือใคร แต่ต้องเป็นคนที่เสี้ยวหงให้ความไว้วางใจมากแน่ๆถ้าฟังจากน้ำเสียงของเขาเมื่อกี้

“สำหรับโปรเจกต์นี้ คนที่จะมาช่วยนั้นก็คือมู่วี่สิงและทีมงานของเขา และด้วยเหตุนี้กำไรที่ทางบริษัทเทียนอีควรจะได้นั่นก็คือ 80% ”

มู่วี่สิง

สำหรับชื่อนี้ ในวงการแพทย์นั้น ไม่มีใครไม่รู้จัก

เขาเป็นแพทย์ที่มีชื่อเสียงอันเลื่องลือ ส่วนความสามารถและทักษะของเขานั้น ไม่ต้องสงสัยเลย

สมควรแล้วที่จะเป็นเขา

ฉืออี้เหิงพอได้ยินชื่อนี้ก็ขมวดคิ้วขึ้นมาทันที ผู้ชายคนนี้ใช่ไหมที่เป็นสามีของเวินจิ้ง

ฉินเฟยเองก็หน้าถอดสี พอดูข้อมูลและประวัติส่วนตัวของมู่วี่สิงในแฟ้มแล้ว การที่มีเขาเข้ามาเข้าร่วมโปรเจกต์ในครั้งนี้ บริษัทเทียนอีก็ไม่จำเป็นต้องเป็นกังวลกับผลกำไรอีกเลย

“ผมไม่มีปัญหาอะไร” ฉืออี้เหิงเซ็นสัญญาอย่างรวดเร็ว

ฉินเฟยชะงัก แต่เดิมทียังไงบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะตัดสินใจอะไรอยู่แล้ว

พอการประชุมสิ้นสุดลง เวินจิ้งก็จดรายงานการประชุมแล้วหันไปถามอั้ยเถียน : “มู่วี่สิงก็เข้าร่วมโปรเจกต์นี้ด้วยหรอ”

“ฉันก็ไม่รู้มาก่อนเหมือนกัน ดูเหมือนว่าเสี้ยวหงจะปิดเรื่องนี้เป็นความลับ แล้วรอตอนที่บริษัทฉินซื่อกรุ๊ปมาหักกำไร เขาเลยงัดไม้นี้ขึ้นมาสู้” อั้ยเถียนพูดแบบเคารพนับถือในตัวเสี้ยวหงมากๆ

“อ้าว แล้วนี่เธอเป็นภรรยาของเขา เขาไม่ได้บอกเธออย่างงั้นเหรอ” อั้ยเถียนถามเธอกลับ

เวินจิ้งไม่ตอบ เพราะปกติเธอกับเขา… ก็ไม่ค่อยจะได้คุยกันอยู่แล้ว

พอกำลังจะออกมาจากห้องประชุม เธอก็ไม่คิดว่าฉืออี้เหิงจะกลับมาเอาแฟ้มที่เขาลืมทิ้งไว้อีก แต่แทนที่เขาจะให้เลขาของเขามาเอา ทำไมเขาถึงมาเอาเองล่ะ

เขามองแหวนบนนิ้วนางของเวินจิ้ง

สายตาของเขาเย็นเยียบ

เวินจิ้งที่กำลังจะพาเขาออกไป ก็ถูกเขาเข้ามายืนขวางอยู่ตรงประตู

“หัวหน้าฉือ” เวินจิ้งพูดเสียงเย็น

“แหวนนั่นสวยดีนะ” ฉืออี้เหิงรีบพูด

เวินจิ้งขมวดคิ้วพูดเสียงเรียบ : “บังเอิญว่ารสนิยมของมู่วี่สิงเขาดีน่ะ”

พออั้ยเถียนเห็นทั้งสองคนอยู่ตรงประตู เธอก็รีบเดินมาข้างๆเวินจิ้งแล้วมองฉืออี้เหิง : “ตอนนี้การประชุมเสร็จสิ้นลงแล้วค่ะ หัวหน้าฉือยังมีธุระอะไรอีกหรือเปล่าคะ”

“เวินจิ้ง ฉันยังไม่ได้แสดงความยินดีกับเธอเลย สุขสันต์วันแต่งงานนะ” ฉืออี้เหิงมองเธอ

“ขอบคุณ” เธอตอบพร้อมกับเดินออกไป

เขาล้วงมือลงไปในกระเป๋า พร้อมกับมองตามหลังเวินจิ้งไปอย่างไม่วางตา

ยังไม่ทันจะได้ออกจากบริษัท เวินจิ้งกับอั้ยเถียนก็ได้รับสายจากทางบริษัทว่า เย็นนี้จะมีกินเลี้ยงตอนเย็นกันกับบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปเพื่อเป็นการฉลองให้กับโปรเจกต์นี้

“จิ้งจิ้ง เธอไม่ต้องไปหรอก” อั้ยเถียนรู้ว่าฉืออี้เหิงต้องมาแน่ๆ และกลัวว่าเขาจะมาทำอะไรเวินจิ้งเข้า

“ไม่เป็นไร ยังไงฉันก็หนีเขาไม่พ้นอยู่ดี ก็คงต้องเจอกันกว่าโปรเจกต์นี้จะเสร็จล่ะนะ นอกจากว่าฉันจะลาออกก่อน” เวินจิ้งขมวดคิ้ว สำหรับเธอตอนนี้งานคือสิ่งที่สำคัญที่สุด

ในเวลาเดียวกัน ณ บริษัทฉินซื่อกรุ๊ป

“อาเหิง คุณจะทำยังไง บริษัทเทียนอีมันจ้องจะตัดกำไรเราตั้งแต่แรกอยู่แล้วนะ” ฉินเฟยพูดเสียงเย็น

“พวกเขามีสิทธิ์ที่จะทำแบบนั้น เพราะกลุ่มคนที่มีทักษะเป็นคนของพวกเขา เราไม่ต้องรีบร้อนไปหรอก ยังไงเราก็พึ่งจะย้ายมา” ฉืออี้เหิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าต่างขมวดคิ้ว

มู่วี่สิง มู่วี่สิง

เห็นได้ชัดว่าเขาขุ่นเคือง

“ไม่รีบร้อนได้ไง พ่อฉันตั้งเป้าหมายเอาไว้นะ เราต้องหาวิธีอื่นที่จะมาหักลบกำไรที่เราพึ่งจะเสียไปนะ”

“ผมหาทางรับมือเอาไว้แล้ว คุณวางใจเถอะ คุณยุ่งแค่กับเรื่องงานแต่งงานของพวกเราก็พอ ส่วนเรื่องงานไม่ต้องเป็นกังวลไปหรอก” ฉืออี้เหิงดึงฉินเฟยเข้ามากอดพลางพูดด้วยเสียงนุ่มนวล

“ฉันก็ไม่ได้อยากจะเป็นกังวลหรอก” ถ้าเวินจิ้งไม่ได้เข้ามามีส่วนร่วมด้วย เธอก็จะไม่เข้ามายุ่งหรอก

“ช่างเถอะ เดี๋ยวเย็นนี้ฉันจะไปจัดการเรื่องงานแต่งงานต่อ คุณก็กลับเร็วหน่อยแล้วกันนะ”

ไม่นานนัก เลขาก็เดินเข้ามาถามว่าเขาจะไปงานเลี้ยงเย็นนี้ไหม

ปกติแล้วงานแบบนี้จะมีแต่คนที่อยู่ใต้บังคับบัญชาเข้าร่วมเท่านั้น แต่ยังไงครั้งนี้เขาก็จะไป

ทั้งๆที่เวินจิ้งก็อยู่เฉยๆของเธอ แต่ทำไมเขาถึงยังคงสนใจเธออยู่นะ

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท