Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 59

ตอนที่ 59

บทที่ 59 ทะเลาะ

สามชั่วโมงผ่านไป เวินจิ้งฟื้นขึ้นมา พร้อมกับเห็นเพดานสีขาวลายดอกไม้

เธอขยับนิ้ว พยายามที่จะลุกขึ้นนั่งแต่ก็ไม่สำเร็จ เธอจึงนอนอยู่ในท่าเดิม

“จิ้งจิ้ง!” อั้ยเถียนเข้ามาแล้วรีบไปเปิดไฟทันที พอเห็นว่าเวินจิ้งฟื้นแล้วเธอก็โล่งอก

“ฉัน… “ เวินจิ้งขมวดคิ้วพลางทำหน้าหงุดหงิด เมื่อภาพตอนที่เธอยังมีสติอยู่หวนกลับเข้ามาในหัวของเธอ

นี่เธอสร้างปัญหาอีกแล้วใช่ไหมเนี่ย

“ไม่ต้องพูดมาก มาให้ฉันกอดทีมา จิ้งจิ้ง เธอเกือบจะไม่รอดจากพิษเคมีนั้นแล้วนะ!” อั้ยเถียนพูดเหมือนจะร้องไห้

เวินจิ้งตบบ่าของเธอเบาๆเป็นการปลอบ ตอนนั้นเธอกลัวมาก เธอจำได้ว่าตอนหลังเหมือนจะมีคนวิ่งเข้ามาช่วยเธอด้วย

ใช่มู่วี่สิงหรือเปล่านะ

แต่จนถึงตอนนี้เธอก็ยังไม่เห็นเขาเลย

“ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วงนะ” เวินจิ้งพูดเสียงต่ำแล้วถามต่อ : “แล้วนี่มาได้ยังไง”

“หัวหน้าเสี้ยวบอกน่ะ แล้วอีกอย่างฉันก็หายดีแล้วด้วยเลยจะมารับช่วงแทน”

ทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงฝีเท้าเดินตรงมายังห้อง พร้อมกับร่างของมู่วี่สิง

เวินจิ้งมอง สายตาของเขานั้นทำให้เธอรู้สึกกลัว

ปกติเขาก็ดูน่ากลัวอยู่แล้ว แต่ยิ่งพอเขาทำสายตาเย็นชาใส่เขาก็ยิ่งดูน่ากลัวมากขึ้นไปอีก

ใจของเวินจิ้งเต้นไม่เป็นส่ำ เธอพยายามจะหลบหน้าเขา

พอเห็นว่ามู่วี่สิงมา อั้ยเถียนก็เลยรีบออกไป ทิ้งไว้ให้เธออยู่กับเขาเพียงลำพัง

มู่วี่สิงวางกล่องข้าวลงและเดินเข้ามาใกล้ๆ พอเห็นว่าเวินจิ้งฟื้นแล้วจริงๆ เขาก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก

“คุณผู้หญิงมู่” เขาพึมพำพลางเชยคางของเธอขึ้น พร้อมกับประกบริมฝีปากเธออย่างอ้อยอิ่งและลึกซึ้ง

เธอตัวแข็งทื่อ ทำไมเธอถึงไม่เรียนรู้กับจูบของเขาสักทีนะ หลายครั้งที่เธอทำให้เขาหัวเสียและเกือบจะทะเลาะกันทุกครั้งเพราะเรื่องนี้

“นาย… คือคนที่เข้าไปช่วยฉันใช่ไหม” เวินจิ้งถาม เธอจำได้ว่ามีคนเข้าไปช่วยเธอจริงๆ และจิตใต้สำนึกของเธอก็จำได้ว่าเป็นเขา

พอได้ยินคำถามนั่น สีหน้าของเขาก็เคร่งขรึมขึ้นมาทันที : “ฉืออี้เหิงน่ะ เธอคงไม่หวังให้เป็นเขาหรอกใช่ไหม”

มู่วี่สิงพูดอย่างกล้ำกลืน

พอเวินจิ้งเห็นว่ามู่วี่สิงทำหน้าบึ้ง เธอก็ยิ้มออกมาทันที

นี่เขาหึงเหรอ

“ฉันคิดว่าเป็นนาย และหวังให้เป็นนายด้วย มู่วี่สิง” เธอพูดอย่างจริงจัง

พอเห็นสายตาของเธอเขาก็ยอมที่จะเชื่อ

“เป็นเพราะฉันดูแลเธอไม่ดีเอง” เขาทำหน้าเศร้า สายตาเต็มไปด้วยความหงุดหงิดใจ

“ฉันโง่เองต่างหาก… “ เวินจิ้งหน้าแดง พลางเข้าไปซุกอยู่ตรงอกของเขา

คนอะไรเดินๆอยู่ยังหลงได้

“รู้ก็ดีแล้ว” เขาจับหัวเธอ ไม่ให้เธอตอบโต้อะไรเขาได้

เธอทำสายตาไม่พอใจใส่จนเขาต้องมองเธอแบบอ้อนๆ

หลังจากที่เวินจิ้งฟื้น หมอก็รีบเข้ามาดูอาการของเธอ ซึ่งเธอก็เข้าสู่สภาวะปกติแล้ว แต่ก็ยังต้องรอดูอาการไปอีกสักสองสามวัน

แต่งานของเธอล่ะ… จะทำยังไง แม้ว่าอั้ยเถียนจะมาแล้วก็จริง แต่คนก็ไม่พออยู่ดี

“มู่วี่สิง นายช่วยเอาฉันออกจากโรงพยาบาลที” เวินจิ้งมอง

ชายตรงหน้าขมวดคิ้วมองเธอ พอเขารู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่เขาก็พูดด้วยน้ำเสียงบูดบึ้ง : “ถึงจะออกจากโรงพยาบาลฉันก็ไม่อนุญาตให้เธอกลับไปทำงานหรอกนะ”

“นายไม่ต้องมายุ่งได้ไหม” เธอพูดอย่างโกรธๆ ไม่พอใจกับการที่เขามาบังคับเธอนู่นนี่นั่น

“อะไรนะ” เขาหรี่ตามอง “ถ้าไม่อยากให้ฉันยุ่ง แล้วอยากให้ใครยุ่งล่ะ”

“นั่นมันก็เรื่องของฉัน”

“แต่ตอนนี้เธอเป็นภรรยาของฉันแล้ว” เสียงของมู่วี่สิงทุ้มลง

เวินจิ้งเม้มปาก พลางดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมโปง ไม่สนใจมู่วี่สิงอีก

“ถ้าฉันยังไม่อนุญาต เธอก็ห้ามไปไหน” พูดจบ เขาก็เดินออกจากห้องไป

ในห้องแปรเปลี่ยนเป็นความเงียบ เวินจิ้งหลับตา ทั้งๆที่เขาออกไปแล้วแต่ทำไมอารมณ์ของเขายังคงคุกรุ่นอยู่ในห้องนี้อยู่นะ

พอเวินจิ้งทานข้าวเที่ยงเสร็จ เธอก็คิดที่จะออกจากโรงพยาบาล แต่ปรากฏว่ามีการ์ดสองคนยืนอยู่หน้าห้องของเธอ และไม่ยอมให้เธอออกไปไหน

“ห้ามออกครับ” เสียงเย็นๆลอยมา

เวินจิ้งขมวดคิ้ว นี่เขาจ้างการ์ดมาคุมเธอเหรอ

พอรู้อย่างนั้น เธอก็รีบโทรหาอั้ยเถียนทันที

“จิ้งจิ้ง มีอะไรหรือเปล่า ตอนนี้เธอยังออกจากโรงพยาบาลไม่ได้หรอ อยากให้ฉันไปรับไหม”

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันลองคิดหาวิธีอื่นดูอีกรอบ เธอทำงานต่อเถอะ” พอเธอรู้ว่าอั้ยเถียนกำลังทำงานอยู่ เธอก็ไม่อยากรบกวนอั้ยเถียนให้มารับเธอ

“ได้ยินหมอมู่พูดอยู่เหมือนกัน ว่าถ้าเกิดเธอออกจากโรงพยาบาลเมื่อไหร่ จะพาเธอกลับเมืองหนานเฉิงทันที”

พอวางสาย เธอก็คิดได้ว่าคงไม่มีทางที่เธอจะออกไปจากโรงพยาบาลนี่ได้แน่ๆ พอคิดได้อย่างนั้นเธอก็นอนอ่านหนังสือฆ่าเวลาไปเงียบๆ

แต่พออ่านไปอ่านมา ในหัวก็วกไปคิดถึงมู่วี่สิงอยู่ตลอด

ในขณะที่เธอกำลังคิดถึงเขาอยู่นั้น ประตูห้องของเธอก็ถูกเปิดออกพร้อมกับร่างของฉินเฟยที่เดินตรงเข้ามาหาเธอ

เวินจิ้งมองเธอ พร้อมกับสายตาที่บังเอิญเลื่อนไปเห็นแหวนหมั้นที่สวมอยู่บนนิ้วนางของเธอ

“คุณฉิน ฉันว่าคุณมาผิดห้องแล้วล่ะค่ะ” เวินจิ้งพูดด้วยสีหน้าเย็นชา

“ฉันมาหาเธอนั่นแหละเวินจิ้ง ที่อาเหิงเป็นคนช่วยเธอออกมา เธอคิดว่ามันบังเอิญเกินไปรึเปล่า” ฉินเฟยพูดพร้อมกับนั่งลงข้างๆเตียงของเวินจิ้ง

“นี่คุณคิดว่าฉันจัดฉากให้เขามาช่วยฉันอย่างงั้นเหรอ” เวินจิ้งถามโดยไม่แสดงสีหน้าใดๆ

“มันก็เป็นไปได้ไม่ใช่หรอ เธอคงนั่งไม่ติดสินะ พอรู้ว่ามะรืนนี้ก็จะถึงวันแต่งงานของฉันกับอาเหิงแล้ว”

เวินจิ้งขมวดคิ้ว คำพูดของฉินเฟย… มันยากเกินกว่าที่เธอจะทนฟังได้

“ฉินเฟย คุณไม่มั่นใจว่าอาเหิงจะรักคุณมากพอใช่ไหม” เวินจิ้งมองเธอ

หากความสัมพันธ์ของพวกเขานั้นแข็งแกร่งจริง แล้วทำไมฉินเฟยถึงดูไม่มีความสุขล่ะ

หนำซ้ำเธอยังมีแต่ความรู้สึกอิจฉาริษยาอยู่ด้วย

“อย่ามาพูดบ้าๆนะ อาเหิงเขารักฉันแน่นอนอยู่แล้ว แต่ถ้ามีแมลงหวี่แมลงวันมากวนใจ ก็ต้องกำจัดมันออกไปไม่ใช่หรอ”

“ถ้าเกิดคุณมาที่นี่เพื่อที่จะมาพูดเรื่องนี้ คุณกลับไปซะเถอะ เพราะฉันไม่อยากรับรู้เรื่องของพวกคุณ”

ฉินเฟยหรี่ตามอง เวินจิ้งในตอนนี้นั้นไม่เหมือนเมื่อสามปีก่อนเลย

ตราบใดที่เวินจิ้งยังอยู่ที่นี่ ก็ไม่มีวันที่เธอจะวางใจได้

“ยังไงก็ตาม เวินจิ้ง เธอก็น่าจะรู้ตัวนะว่าตอนนี้เธอแต่งงานแล้ว แล้วถ้าเธอเข้ามายุ่งกับพวกฉันอีกล่ะก็ อย่าหาว่าฉันไม่เตือน”

“ตั้งแต่เรื่องเมื่อตอนนั้น พวกเราก็ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกันอยู่แล้วหนิ” เวินจิ้งพูดพลางจ้องเขม็งไปที่ฉินเฟย

ฉินเฟยพูดเสียงเย็นพร้อมกับเดินออกไป : “แน่นอนว่าไม่”

เวินจิ้งขมวดคิ้วพลางกำมือแน่น

ยังไม่ทันที่ฉินเฟยจะได้ออกไปจากโรงพยาบาล ฉืออี้เหิงก็มาถึงพอดี : “คุณมาหาเธอหรอ”

“ใคร เวินจิ้งเหรอ” ฉินเฟยถามอย่างเฉยเมย

เหมือนฉืออี้เหิงเองก็จะพูดเป็นนัยๆด้วยเหมือนกัน

“ถ้าฉันมาหาเธอ แล้วยังไงล่ะ กลัวฉันจะทำอะไรเธออย่างงั้นเหรอ”

“ไม่ใช่ ผมแค่กลัวว่าคุณจะโกรธน่ะ” ฉืออี้เหิงพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล

“ทำไมต้องโกรธล่ะ ก็เห็นอยู่ว่าเป็นเพื่อนร่วมงานกัน จะเป็นห่วงกันบ้างก็ไม่แปลกนี่”

ฉืออี้เหิงขมวดคิ้ว อยากจะเข้าไปดูเวินจิ้งเต็มที แต่ในเมื่อฉินเฟยยังอยู่ตรงนี้แล้วเขาจะทำยังไงได้ล่ะ

คิดถึงตอนที่เวินจิ้งหมดสติทีไร เขาก็เป็นกังวลขึ้นมาทุกที

ช่วงเย็น พออั้ยเถียนทำงานเสร็จก็รีบมาหาเวินจิ้งทันที แต่คิดไม่ถึงว่าเสี้ยวหงจะอยู่ที่นี่ด้วย

หลังจากที่มู่วี่สิงออกไปตอนนั้น จนถึงตอนนี้ เขาก็ยังไม่กลับมาหาเธอเลย…

เขาโกรธรึเปล่านะ

เธอเงียบไปอยู่พักนึง เพราะมัวแต่คิดถึงความรู้สึกของมู่วี่สิงอยู่

“หมอมู่ล่ะ” อั้ยเถียนถามพลางวางแก้วน้ำลง

“ไม่รู้เหมือนกัน” เวินจิ้งตอบเสียงเรียบ

เสี้ยวหงขมวดคิ้ว ทั้งๆที่เขาเองก็ไม่ได้รีบร้อนเรื่องโปรเจกต์นี้สักหน่อย แต่มู่วี่สิงกลับเอาแต่อยู่ที่ห้องวิจัยทั้งวัน และดูเหมือนว่าจะอารมณ์เสียมากๆ ถึงขนาดที่ไม่มีใครกล้าคุยด้วยเลย

“นี่พวกเธอทะเลาะกันหรอ” อั้ยเถียนมองเวินจิ้ง เพราะปกติแล้วเวินจิ้งจะเป็นคนอ่อนโยน แต่นี่ดูเหมือนเธอจะอารมณ์เสียยังไงชอบกล

เวินจิ้งขมวดคิ้ว ทะเลาะอย่างงั้นเหรอ

ดูเหมือนว่าคงจะใช่มั้ง…

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท