Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 58

ตอนที่ 58

บทที่ 58 สูญเสียการควบคุม

เวินจิ้งไม่สามารถมองไปที่มู่วี่สิงได้ เพราะมองไปทีไรเขาก็เอาแต่พูดว่า : “ผู้ติดตามตัวน้อยของฉัน”

มันน่าหงุดหงิดจริงๆ เธอเป็นแค่เลขาต่างหากล่ะ!

เลขา!

พอเสี้ยวหงเดินออกไป เวินจิ้งก็อาละวาดใส่เขาทันที

“มู่วี่สิง นี่นายตั้งใจใช่ไหม”

“ตั้งใจอะไร”

“ก็ตั้งใจมาแกล้งฉันไง”

“ฉันไม่ทำตัวเด็กเหมือนเธอหรอกน่า” มู่วี่สิงพูดยิ้มๆ

“นี่นายมาทำงานจริงๆหรอ” เวินจิ้งถามย้ำเพื่อความแน่ใจ

“ก็ไม่เชิง หรือเธอคิดว่าที่ฉันมาที่นี่ก็เพื่อที่จะมาคอยตามดูเธอล่ะ” มู่วี่สิงเลิกคิ้วถาม

เวินจิ้งเงียบ ไม่มีทางที่เธอจะคิดแบบนั้นอยู่แล้ว

แต่เธอไม่อยากให้เขามาที่นี่เลยจริงๆ

พอทานข้าวเสร็จ ก็มีคนขับรถมารับพวกเขาไปส่งที่ฐานวิจัย ตลอดทางมู่วี่สิงก็ก้มหน้าก้มตาดูรายงานไปด้วยอย่างจริงจัง

เวินจิ้งมองไปที่ใบหน้าของเขา เธอชอบเขาในตอนนี้จัง

จะว่าไปก็อิจฉาพยาบาลที่ได้ทำงานข้างๆเขาเหมือนกันนะ

ด้วยความที่ทางขึ้นเขานั้นเป็นหลุมเป็นบ่อเยอะมาก เลยทำให้ตัวของเธอนั้นเอนไปเอนมา

พอมู่วี่สิงเห็นอย่างนั้นก็เข้ามาโอบที่ไหล่ของเธอ จนทำให้หัวใจของเธอนั้นเต้นแปลกๆ

“ฉันไม่เป็นไร” เธอพูด พลางนั่งหลังตรง

แต่มู่วี่สิงไม่ยอมปล่อย และพูดเสียงดุๆว่า : “พิงมา”

“อืม” พอเวินจิ้งถูกเขาพูดเสียงดุๆใส่ เธอก็ไม่กล้าปฏิเสธ

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถก็หยุดอยู่ที่ด้านหน้าตึกใหญ่ๆตึกนึง ทั้งสองลงจากรถโดยมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลและพาชมอยู่

เวินจิ้งเดินอยู่ข้างๆมู่วี่สิง แต่หลังจากที่ขึ้นไปถึงชั้นที่สามเธอก็เริ่มเดินช้าลง แล้วพอเธอหันมาอีกทีก็ไม่เจอมู่วี่สิงแล้ว

“หมอมู่… “ เธอตะโกนเรียก แต่ก็ไม่มีใครตอบ

เธอกังวลนิดหน่อย ตึกนี้เป็นตึกที่พึ่งจะซ่อมเสร็จ ไม่ว่าเธอจะยืนอยู่ตรงไหนก็รู้สึกหนาวไปหมด อีกทั้งเดินไปตรงไหนก็มีแต่เสียงสะท้อน จนเธอรู้สึกกลัว

หลังจากเดินไปได้ไม่นาน เวินจิ้งก็เห็นประตูบานนึง เธอเลยเปิดประตูบานนั้นแล้วเดินเข้าไปข้างใน แต่ทันใดนั้นเอง ประตูที่เปิดอยู่มันก็ปิดลงเองจนเธอออกไปไม่ได้!

เธอหน้าซีด ในห้องๆนั้นมีแต่เครื่องมือทางเคมีเต็มไปหมด และกลิ่นของพวกมันก็แรงมากจนเธอต้องสำลักออกมา

เธอหยิบหน้ากากอนามัยที่อยู่ข้างๆมาใส่ หลังจากนั้นก็เดินไปเปิดหน้าต่าง แต่หน้าต่างพวกนั้นกลับถูกล็อคเอาไว้หมด

เธอได้แต่กลั้นหายใจ พร้อมกับความรู้สึกที่เบลอมากขึ้นเรื่อยๆ…

ที่ชั้นหนึ่ง ฉืออี้เหิงที่พึ่งจะขึ้นลิฟต์มา ก็กำลังจะเข้ามาสมทบกับมู่วี่สิง

แต่พอประตูลิฟต์เปิดออก เขาก็สังเกตเห็นว่าบริเวณหน้าจอนั้นมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น อีกอย่างเขาเป็นคนควบคุมการสร้างที่นี่เอง เขาจึงรู้ดีว่ามีบางอย่างผิดปกติ

มีคนเข้าไปที่ห้องทดลองนั่นแน่ๆ!

เขารีบเปิดกล้องวงจรปิดดู พอเห็นร่างของเวินจิ้งนอนอยู่ เขาก็รีบวิ่งไปที่ห้องนั้นทันที

หนาว… หนาวเหลือเกิน

เวินจิ้งกอดตัวเองไว้ด้วยความหนาว พอเธอได้ยินเสียงฝีเท้าวิ่งเข้ามา เธอก็อยากจะลืมตาขึ้นมามอง แต่ตาของเธอนั้นกลับหนักอึ้ง

“จิ้ง!” ฉืออี้เหิงรีบถอดเสื้อนอกมาคลุมตัวเธอไว้ แล้วรีบอุ้มเธอออกมาจากห้องนั้น

เวินจิ้งขมวดคิ้ว มีคนมาช่วยเธอแล้วงั้นเหรอ

ใช่มู่วี่สิงหรือเปล่านะ…

“หมอมู่” เธอพึมพำแล้วคว้าเสื้อของเขาไว้โดยไม่รู้ตัว

พอได้ยินอย่างนั้น เท้าของฉืออี้เหิงก็แข็งทื่อ สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นเยือกเย็นขึ้นมาทันที

ทันใดนั้น มู่วี่สิงที่ตามมาพอดี พอเขาเห็นว่าฉืออี้เหิงอุ้มเวินจิ้งอยู่ เขาก็ก้าวเท้าเข้ามา

“ขอบคุณที่ช่วยชีวิตภรรยาของผมไว้นะครับ หัวหน้าฉือ”

พูดจบ เขาก็ยื่นมือออกมา

ฉืออี้เหิงเม้มปาก อุ้มเวินจิ้งอยู่ไม่ยอมปล่อย แต่ร่างของคนที่อยู่ในอ้อมกอดของเขานั้นเอาแต่พึมพำเรียกมู่วี่สิง : “มู่วี่สิง ฉันหนาว”

เสียงนั้น… ทำให้เขาต้องยอมปล่อยมือออกจากตัวของเธอ

มู่วี่สิงรับตัวเธอมา พร้อมกับมองเธอด้วยสีหน้ากังวลใจ

ณ โรงพยาบาล

เวินจิ้งถูกส่งเข้าห้องฉุกเฉิน ส่วนฉืออี้เหิงก็เดินเข้ามาขวางมู่วี่สิงไว้

“มู่วี่สิง ทำไมเธอถึงเข้าไปอยู่ในห้องทดลองนั่นคนเดียว! เธอไม่ได้เดินตามคุณไปหรือไง” ฉืออี้เหิงถามอย่างเกรี้ยวกราด

เคมีในห้องนั่นมันมีความผันผวนมาก ถ้าเกิดอะไรขึ้นมา มันอาจจะถึงแก่ชีวิตได้เลยนะ

ถ้าเขาเข้าไปช้ากว่านี้… ไม่อยากจะคิดถึงผลที่จะตามมาเลย

มู่วี่สิงมองเขาด้วยความรำคาญใจ

ห้องแต่ละห้องในอาคารนั้นล้วนถูกตั้งค่าให้ล็อคเองจากด้านนอกทั้งหมด ซึ่งคนข้างในจะไม่สามารถออกไปเองได้

เวินจิ้งเดินตามมู่วี่สิงไม่ทันสินะ ถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น

“คุณไม่ได้รักเธอเลย มู่วี่สิง คุณไม่รู้หรอว่าเธอเป็นพวกหลงทางง่ายน่ะ” ฉืออี้เหิงพูดเสียงเย็น

มู่วี่สิงหรี่ตามอง : “ผมรักหรือไม่รักมันก็เรื่องของผม คุณเลิกยุ่งกับภรรยาของผมสักทีเถอะ เพราะคุณไม่สมควรที่จะทำแบบนี้”

“ผมไม่สมควรที่จะทำแบบนี้ แล้วคุณสมควรที่จะทำแบบนั้นเหรอ”

“หัวหน้าฉือ อีกสามวันคุณก็จะแต่งงานแล้วนะ หรือคุณอยากจะพังมันเองซะก่อน ผมไม่สนหรอกนะว่าชื่อเสียงของคุณจะเป็นยังไง แต่เวินจิ้งคือภรรยาของผม และผมก็ดูแลของผมเองได้”

ใช่แล้ว อีกสามวัน เขาก็จะต้องแต่งงานกับฉินเฟยแล้ว

แต่ดูเหมือนว่าเขาจะยังปล่อยเวินจิ้งไปไม่ได้สักที

สามปีหลังจากที่เขากลับมาจากประเทศ B เขาก็กลัวมาตลอดว่าเขาจะอดไม่ได้ที่จะตามหาเวินจิ้ง เขาได้แต่ควบคุมตัวเองมาโดยตลอด

แต่ดูเหมือนว่า ตอนนี้เขาจะสูญเสียการควบคุมไปแล้วจริงๆ

“คนที่เธอรักมาตลอดก็คือผม พวกเราคบกันมาสามปีแล้ว เธอเคยพูดว่าเธออยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีผม” ฉืออี้เหิงพูด

“นั่นมันเป็นอดีตที่เลวร้ายของเธอไปแล้ว ตอนนี้เธอโอเคแล้ว” มู่วี่สิงพูดเข้าประเด็น

ในขณะเดียวกัน ไฟในห้องฉุกเฉินก็ดับลง พร้อมกับเตียงของเวินจิ้งที่ถูกเข็นออกมา

“คนไข้พ้นขีดอันตรายแล้วครับ แต่ว่าเธอสูดเคมีในขนาดที่มากเกินไป อาจจะอีกนานครับกว่าเธอจะฟื้น”

มู่วี่สิงเดินเข้าไปที่ห้องพักฟื้น เขามองใบหน้าที่ซีดเผือดของเวินจิ้งด้วยอาการสั่นเทา

เขาพยายามที่จะสงบสติอารมณ์ และทำใจให้นิ่ง

ไม่มีใครรู้ว่าหนึ่งชั่วโมงก่อนหน้าร่างที่เขาอุ้มอยู่บนแขนนั้นเย็นมากแค่ไหน และมันทำให้เขารู้สึกกลัวมากขนาดไหน

“จิ้งจิ้ง” เขาพูดกับเธอ

เวินจิ้งนิ่ง ใบหน้าที่สวยงามของเธอนั้นยังคงมีเสน่ห์แต่ไร้ซึ่งชีวิตชีวา

ฉืออี้เหิงยืนอยู่หน้าประตูกำมือแน่น ความรู้สึกลึกๆของเขาค่อยๆเผยออกมา

ขณะเดียวกับ ลิฟต์ที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลก็ถูกเปิดออกพร้อมกับร่างของฉินเฟยที่รีบเดินตรงเข้ามาหาเขา

ที่จริงเธอก่ะจะมาเซอร์ไพรส์ฉืออี้เหิง แต่พอมาถึงเธอโทรหาเขากี่ครั้งก็โทรไม่ติด เธอก็เลยโทรหาเลขาของเขาแทน ถึงจะรู้เรื่องที่เวินจิ้งเข้าโรงพยาบาล แล้วคนที่ช่วยเธอเอาไว้ก็คือฉืออี้เหิง!!

“อาเหิง” เธอเดินเข้ามาจับมือของฉืออี้เหิง

มือของเขาเย็บเฉียบและสั่นเทา

เธอรู้สึกได้เลยว่าเขาเป็นกังวลกับเรื่องเวินจิ้งมาก

“พวกเรากลับกันเถอะ เธอไม่เป็นไรแล้วแหละ” ฉินเฟยพยายามลากเขาเดินออกไป

ฉืออี้เหิงได้แต่มองเวินจิ้ง แล้วค่อยๆหันตัวกลับไป

พอออกมาจากโรงพยาบาลแล้ว ฉินเฟยก็ปล่อยมือเขา

“ฉืออี้เหิง นี่มันอะไรกัน” ฉินเฟยถาม

“หมายถึงอะไร” ฉืออี้เหิงถามเสียงเรียบ

เวินจิ้งยังไม่ฟื้น จะให้เขาวางใจได้ยังไง

“คุณใช่ไหมที่ช่วยเธอออกมา ฉืออี้เหิง พวกคุณเลิกกันแล้วนี่ อีกอย่างคนที่อยู่ข้างคุณมาตลอดหลายปีนี้ก็คือฉันนะ เพราะงั้นคุณช่วยแคร์กันบ้างได้ไหม”

“แต่นี่มันเกี่ยวกับชีวิตคนนะเฟยเฟย จะให้ผมมองข้ามไปได้ยังไง” ฉืออี้เหิงอธิบาย

“แต่ตอนนี้เธอก็ปลอดภัยแล้วไง แล้วคุณยังจะห่วงอะไรอีก”

“ไม่มีอะไร ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับพวกเราแล้ว เฟยเฟย เรากลับกันเถอะ อย่าเสียงดังเลย” ฉืออี้เหิงจับมือเธอขึ้นรถ

ฉินเฟยสะบัดมือออกจากเขา : “ฉันเปล่าเสียงดังซะหน่อย ฉืออี้เหิง ฉันไม่ใช่ของเล่นของคุณนะ หลายปีมานี้คุณรักฉันบ้างไหม ถามจริง”

เธอมองเข้าไปในตาของเขา แต่กลับไม่ได้อะไรเลย

ยิ่งเวลาผ่านไป เธอก็ยิ่งคาดเดาเขายากขึ้น

“ผมรักคุณนะเฟยเฟย คุณเลิกสงสัยในตัวผมเถอะ” ฉืออี้เหิงพูด พร้อมกับจูบที่หัวของเธอเบาๆ

แต่ในขณะที่เขาจูบเธอนั้น ใจของเขากลับไม่ได้อยู่ที่เธอเลยแม้แต่นิดเดียว

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท