Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 67

ตอนที่ 67

บทที่ 67 อยากยืนยาวชั่วฟ้า

เวินจิ้งยิ้มขำ มองดูตัวเองในโทรทัศน์แวบหนึ่ง วันนี้เธอไม่ได้แต่งแต้มใบหน้าก็ออกจากบ้านแล้ว แต่ว่าไปพอขึ้นกล้องก็ไม่ได้ขี้เหร่หรินะ!

แต่นี่ยังไม่ทันได้ดื่มด่ำกับความสุขไปเท่าไหร่เลย มู่วี่สิงกลับเอ่ยพูดอยู่ข้างกาย “วันนี้คุณไม่ได้สระผมออกจากบ้านไปนะ?”

เวินจิ้งใบหน้าไม่สบ เธอแค่ไปซื้อวัตถุดิบผักเอง ใครจะไปคิดว่าจะต้องเจอนักข่าวเยอะแยะมากมายแบบนี้หละ……..

“ยุ่งหน่าคุณ?” เวินจิ้งไม่สุข

“คุณเป็นภรรยาผมนะ ผมต้องยุ่งสิ” มู่วี่สิงโอบรัดกอดเอวบางเธอไว้

มู่เฉิงอยู่ด้วย เวินจิ้งจึงไม่สะดวกพลักไสเขา

มู่เฉิงมองดูทั้งสองหวานละมุนจนมดขึ้น เลยยิ้มขบขำอย่างชอบใจมากโข

เพราะบทสัมภาษณ์นี้ของเวินจิ้ง บริษัทฉินซื่อกรุ๊ปจึงถูกโจมตีอีกครั้ง เดิมทีระดับหุ้นค่อย ๆ กลับมาขึ้นแล้วแต่กลับต้องดิ่งเหมือนลงเหวอีกครั้ง

และครั้งนนี้ ขึ้นอยู่กับมู่วี่สิงแล้วว่าจะสามารถดึงหน้ากลับมาได้อีกหรือไม่

เวินจิ้งไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้เลย เวลาหยุดพักช่วงนี้จึงผ่อนคลายไม่ตึงเครียด มู่วี่สิงผู้ที่ยุ่งเป็นปกติ แต่ก็กลับมาบ้านทุกค่ำคืน เวินจิ้งเองก็ไปเยี่ยมเหยียนเจี่ยนอีเป็นบางครั้งบางคราว แต่เพราะมู่วี่สิงไม่ได้ไปพร้อมกับเธอด้วย เจี่ยนอีเลยบ่นพึมพำ

“เวินจิ้ง ตอนนี้ลูกเป็นคนดังในระแวกนี้ของพวกเราไปแล้วนะ” เจี่ยนอีตบต้นขาเอ่ย อย่างตื่นเต้น

สองวันก่อนเวินจิ้งขึ้นข่าวหน้าหนึ่ง เพราะเธออยู่ชุมชนอันหนิงตั้งแต่เล็กจนโต ผู้คนย่านนี้จึงล้วนรู้จักเธอดี และยังรู้ด้วยว่าเธอแต่งงานไปกับผู้ชายสูงส่งคนหนึ่ง

“แม่คะ หนูกับหมอมู่ใช้ชีวิตอย่างปกติดีคะ”

“ปกติไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ตอนนี้แม่ก็โอเคกับพวกเขามาก และแม่ก็ไม่ได้ขอให้พวกแกต้องจัดงานตงงานแต่งอะไร ได้ใช้ชีวิตอยู่อย่างเป็นสุขก็ดีแล้ว การเคียงข้างกันคือคำสารภาพรักที่ยาวนานที่สุดนะ”

จู่ ๆ เจี่ยนอีก็พูดจาโลดโผนถึงเรื่องความรักอย่างซาบซึ้ง จนเวินจิ้งยิ้มขบขำ “รู้แล้วค่ะแม่”

เมื่อไปจากชุมชนเล็ก ๆ เวินจิ้งก็มาถึงบริเวณห้างสรรพสินค้าแถวนี้ เพราะค่ำคืนนี้เธอและอั้ยเถียนนัดชวนมาเดินถนนคนเดินทานข้าวดูหนังกัน ทั้งคู่ไม่ได้พบเจอกันมาอาทิตย์หนึ่งแล้ว และเวินจิ้งเองก็อยากถามเรื่องตรวจสอบเรื่องนั้นด้วย

เพราะอยู่ไม่ไกลห่างมาก เวินจิ้งเลยเดินไป ทว่า ราวมีคนจ้องตามหลังอยู่ตลอดเวลา เวินจิ้งเดินไปหยุดอยู่ถนนมุมหนึ่งลง

รอให้หญิงสาวเดินมาก่อนตอนนั้น เวินจิ้งจึงรั้งขวางเธอไว้

ฉือซิน?

“คุณน้าคะ คุณน้าต้องการจะทำอะไรอีกค่ะ?” เวินจิ้งม่สบอารมณ์

คราวก่อนเรื่องที่ฉือซินพยายามลักพาตัวเธอไปจนตอนนี้เงายังไม่จางหายไปจากหัวเธอเลย

และขนาดเดียวกัน บอดี้การ์ดลับที่ค่อยปกป้องเวินจิ้งก็โผล่เผยตัวออกมา

ฉือซินไม่กล้าเข้าใกล้ในทันที

“เสี่ยวจิ้ง น้าไม่รู้จะทำอย่างไรแล้วจริง ๆ ขอร้องหละ อย่าจ้องใส่ร้ายอาเหิงอีกเลยนะ” ฉือซินเอ่ยพูดน้ำตาพลางหลั่งไหลแอบแก้มอย่างไม่ขาดสาย

เธอแต่งตัวดั่งผู้ดีสูงส่ง แต่งแต้มไปด้วยความสง่างาม การร้องไห้ขึ้นมานี้ กลับบดบังความชราของเธอไม่ได้

เวินจิ้งสั่นหวาบหวามอ่อนไหวเล็กน้อย เมื่อตอนนั้นฉือซินดีกับเธอเป็นอย่างมาก แต่มันก็ผ่านพ้นราวสายน้ำไหลไปแล้ว ผู้คนมากมายล้วนเปลี่ยนไปแล้ว

“หนูไม่ได้ทำร้ายเขานะค่ะ คุณน้า คุณน้าเลิกตามหนูได้แล้วค่ะ” เวินจิ้งเอ่ยอย่างเฉยเย็น

“เป็นไปได้ไงกัน ตอนนั้นหนูชื่นชอบอาเหิงสักขนาดนั้น หนูยังอยากกลับไปหาเขา”

ขีดจำกัดความเป็นมนุษยธรรมของเวินจิ้งใกล้สิ้นแล้ว ฉือซินเป็นถึงผู้หลักผู้ใหญ่คนหนึ่ง แต่ความเคารพนี้อยู่บนพื้นที่ขึ้นอยู่กับความไว้วางใจซึ่งกันและกัน

หายใจเข้าลึก ๆ และน้ำเสียงของเวินจิ้งช่างเย็นชา “คุณน้าคะ คำพูดเหล่านี้คุณน้าควรเก็บไปบอกกับฉืออี้เหิงนะค่ะ”

สิ้นสุดถ้อยคำลง เวินจิ้งก็ไม่แลใยดีกับเธออีก

ฉือซินเงยหน้าขึ้น ความเกลียดแค้นฉายผุดอยู่ในแววตาขึ้นมาทันที ในมือหยิบจับมีดออกมาเล่มหนึ่ง และคว้าจับข้อมือบางของเวินจิ้งไว้ ใบมีดนั้นจี้อยู่ที่ลำคอระหงของเวินจิ้ง!

บอดี้การ์ดที่อยู่ไม่ไกลห่างก็รีบโผล่พรวดออกมากันเหมือนผีมาในทันที แต่ฉือซินกลับจับจี้เวินจิ้งไว้ไม่ปล่อย จึงทำให้ทั้งสองไม่กล้าเข้าใกล้

“คุณน้าคะ คุณน้าบ้าไปแล้วเหรอค่ะ!” เวินจิ้งดวงตาโพลงโต มือบางอยากผลักดันฉือซินออก

“ใช่ฉันมันบ้าไปแล้ว เธอไม่รู้หรอกว่าหลายปีมานี้อาเหิงต้องเจออะไรมาบ้าง ครอบครัวตระกูลฉินดูหมิ่นดูแคลนเขา ไม่ว่าเขาจะพยายามทุ่มเทแค่ไหนก็ตาม….”

เวินจิ้งขมวดคิ้ว “หนูกับเขาเราเลิกกันตั้งนานแล้วนะค่ะ เรื่องของเขาไม่เกี่ยวกับหนูเลย……”

“จะไม่เกี่ยวได้ยังไง กว่าเขาจะเป็นที่ยอมรับของตระกูลฉินได้ แต่ตอนนี้เธอกลับออกมายั่วยวนเขา เสี่ยวจิ้ง อาเหิงของเราไม่เคยทำเรื่องไม่ดีกับเธอ…….ทำไมเธอต้องมาทำร้ายเขาแบบนี้ด้วยหละ….”

อารมณ์ของฉือซินนั้นใจรร้อนดั่งเปลวไฟ มือไม้กำลังสั่นสะท้าน และผิวบางของเธอถูกใบมีดนั้นเฉียดเฉียวไปเล็กน้อย

เธอเจ็บระทมจนยืนแทบไม่ไหว แต่ฉือซินกลับจับเธอไว้ไม่ปล่อย

ส่วนบอดี้การ์ดก็ได้รายงานกับมู่วี่สิงแล้ว ทว่าระยะทางจากโรงพยาบาลมาที่นี้นั้น ต้องใช้เวลาอย่างน้อยสามสิบนาที

“คุณน้าค่ะ คุณน้าใจเย็น ๆ ก่อนนะค่ะ”

“เสี่ยวจิ้ง เธอไปอธิบายบอกกับนักข่าวให้ชัดเจน ว่าเธอเป็นมือที่สาม อาเหิงไม่ได้เกี่ยวพันอะไรกับการแต่งงานของเธอ เธอเองที่เป็นคนตอแยกเขา….” ฉือซินเอ่ยสั่ง

เวินจิ้งกัดริมฝีปากบาง “ค่ะ หนูรับปากค่ะ”

ใบหน้าฉือซินผุดพรายความดีใจออกมา “จริง ๆ นะ?”

“จริงค่ะ คุณน้าปล่อยหนูเถอะค่ะ เดี๋ยวหนูจะไปบอกกับนักข่าวตอนนี้เลยค่ะ” เวินจิ้งมองประสานตากับเธอ ดวงตาเย็นสงบลง

ฉือซินกลับสงสัยขึ้นมา “เธอไม่ได้หลอกฉันใช่มั้ย? เสี่ยวจิ้ง เธอต้องจัดการเรื่องนี้ให้มันกระจ่างแจ้งนะ…..”

“หนูรับปากค่ะคุณน้า” เวินจิ้งส่งสัญญาณสายตาให้กับบอดี้การ์ด

ในเวลานั้นฉือซินได้ปล่อยวางใจกับเหตุการณ์แล้ว และจะติดต่อบอกเหล่านักข่าว

เมื่อมือข้างหนึ่งของเธอปล่อยลงนั้น บอดี้การ์ดจึงรีบมุ่งหน้า ด้วยการจัดการที่รวดเร็วในการจับตัวฉือซินไว้ และเวินจิ้งก็รีบจับข้อมือเธอทีเผลออย่างชาญฉลาด แล้วผลักดันเธอกระแทกไปชนกำแพง

สีหน้าฉือซินสลด “เสี่ยวจิ้ง เธอ….เธอหลอกฉัน!”

เวินจิ้งจ้องมองเธออย่างเยือกเย็น “คุณน้าคะ ที่หนูพูดล้วนเป็นความจริงทั้งนั้นค่ะ คนที่โกหกคือฉืออี้เหิง”

“ไม่! เธอนั่นแหละที่โกหาฉันอยู่!”

เวินจิ้งเองก็ไม่เคยคิดว่าจะพูดให้ฉือซินสบายใจได้ พอเห็นบอดี้การ์ดจับตัวเธอไว้ เวินจิ้งก็วางมือ

แต่แค่ในพริบตาเท่านั้น ฉือซินก็ไม่เกร่งกลัวกระโจนออกมา จับมีดไว้ไม่สนเกร่งกลัวอะไรพุ่งแทงมา

เวินจิ้งหลบเลี่ยงไม่ทัน ดวงตามองดูแขนที่จะโดนทำร้าย แขนหนาข้างหนึ่งก็ยื่นออกมาขวางบังเวินจิ้งไว้แทน และใบมีดก็ทิ่มแทงเข้าไปตรงมือใหญ่ของมู่วี่สิ!

เธอเงยขึ้นมอง จ้องมองผู้ชายที่ราวโผล่มาจากฟากฟ้าอย่างตะลึงตะลานอึ้ง หยดโลหิตในมือหนาของเขาไหลหลั่งออกมาอย่างไม่ขาดสาย

เลือดเหลวแดงสดที่สะท้อนอยู่ในดวงตาของเวินจิ้ง นัยน์ตาชุ่มไปด้วยโลหิตสีแดงสด จนหัวใจกระตุกเจ็บแปลบในทันที จ้องมองประสานกับใบหน้าคมคายหล่อเหลาของมู่วี่สิง ร่างกายที่อ่อนปวกเปี่ยกลับแข็งทื่อ

“ทำไมคุณ….”

สีหน้าชายหนุ่มเฉยเมยจนในที่สุด แววตาแผลงรังสีอำมหิตจ้องมองฉือซิน ช่างน่ากลัวหวาดเสียวสันหลัง

ฉือซินถูกมู่วี่สิงจ้องมองจนช็อกเสียวสันหลังขึ้นมา ร่างกายสั่นสะท้านไปหมด ข้อมือเธอถูกเขาจับกุมไว้ จนเธอไม่อาจขยับได้

บอดี้การ์ดรีบจับกุมเธออย่างแรงหดหู่ด้วยร่างเกร่งสมเป็นบอดี้การ์ด

เวินจิ้งพามู่วี่สิงไปยังรถกู้ภัย แต่โลหิตสีแดงสดของเขานั้นไหลไม่หยุดหย่อนมากขึ้นเรื่อย ๆ จนเวินจิ้งกล้ำกลืนไม่ไหวแล้ว เลยร้องไห้โฮออกมา

“ทำไมคุณต้องมาปกป้องบังแทนฉันด้วยคะ….”

วินาทีอันตรายขนาดนั้น….

“ไม่เช่นนั้น คุณหญิงมู่อาจได้รับบาดเจ็บได้” ลมเสียงมู่วี่สิงเอ่ยอย่างรักใคร่เอ็นดู

เวินจิ้งซบบนไหล่เขา แววตาล้นไปด้วยภาพแดงสด หัวใจของเธอเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส

เธอยอมที่จะเป็นคนบาดเจ็บเอง

“คุณจะได้รับบาดเจ็บไม่ได้ คุณเป็นหมอนะคะ คุณเป็นคนที่ต้องรักษาช่วยชีวิตคน คุณจะปล่อยให้ตัวเองบาดเจ็บได้ไงคะ….” เวินจิ้งเสียงต่ำ

มู่วี่สิงมองเธออย่างอ่อนโยน ใช้มืออีกข้างที่ไม่บาดเจ็บโอบกอดเธอไว้ “คนดี ไม่ร้องนะ”

เวินจิ้งเงยหน้ามอง ด้วยเสียงคำเรียกนั้น ทำให้อ่อนระทวยมือไม้ชา

ช่างอ่อนหวานสนิทสนม

ในขนาดที่เงย มู่วี่สิงก็ประทับจูบหวานละมุนลงไป ปิดกั้นลมหายใจเธอไว้อย่างหดหู่

เวินจิ้งไม่ได้ต้านค้านอะไร เวินจิ้งอยากให้จูบนี้อยู่อย่างยาวนานชั่วฟ้า

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท