บทที่ 156 อาหารหมาเขาไม่กิน
วันต่อมา แสแดดสาดส่องเข้ามา เวินจิ้งพลิกตัว พื้นที่ข้างๆนั้นว่างแล้ว
เมื่อคืนมู่วี่สิงกลับมาพร้อมกลิ่นเหล้าแล้วยังทำเธอไร้เรี่ยวแรง….แต่เธอก็ไม่เคยขัดเขาได้
หลังจากล้างหน้าแปรงฟันเสร็จจึงเดินออกไป ใบหน้าเวินจิ้งไม่พอใจ แต่เพียงเห็นบางคนอยู่ในชุดสูทกำลังเตรียมอาหารให้เธออยู่ในครัว ความโกรธของเธอก็ลดลงไปไม่น้อย
อุณหภูมิตอนเช้าลดต่ำ เวินจิ้งจามออกมา มู่วี่สิงหันหน้ากลับมาแววตาฉายแววเป็นห่วง
เวินจิ้งสวมเพียงชุดนอนบางๆเดินออกมา ตั้งใจจะทานอาหารเช้าก่อน
มู่วี่สิงทำก๋วยเตี๋ยวน้ำใส น้ำซุปรสชาติกำลังดี กลิ่นไก่แพร่กระจาย หอมอบอวล
ผู้ชายคนนี้ไม่เพียงแต่หน้าตาดี….ฝีมือการทำอาหารก็ยังดีสุดๆ
“เมื่อคืนคุณไปดื่มเหล้ากับใคร” เวินจิ้งคิดเรื่องนี้อยู่ตลอด
แม้จะรู้ว่าเป็นเรื่องงาน แต่เมื่อคืนทั้งคู่ก็เหมือนทำสงครามเย็น มู่วี่สิงไม่ได้บอกอะไรเธอเลย
มู่วี่สิงนั่งลงข้างๆเธอ คนก๋วยเดี๋ยวให้เข้ากันแล้วค่อยยื่นมาตรงหน้าเธอ
เขาหยุดไปพักหนึ่ง เข้าไปหยิบเสื้อคลุมมาคลุมให้เธอ
“ขอบคุณค่ะ” เธอเอ่ยเบาๆ
“ตำแหน่งสูงของมู่ซื่อกร๊ปไม่กี่คน พวกเขาเป็นเพื่อนผม” มู่วี่สิงเอ่ยตอบเธอ
“ฉันยังคิดว่าเป็นเรื่องงานพวกคุณเลยต้องประชุมหน่อย?” เวินจิ้งมองเขา
ช่วงนี้เธอใส่ใจเรื่องราวของมู่วี่สิงมากยิ่งขึ้น บางทียังมีปฏิกิริยาแบบผู้หญิง
เธอรู้ว่าไม่ควรใส่ใจ แต่มันควบคุมได้ที่ไหนกัน
“อืม คุณอยากเจอพวกเขาหรอ ต่อไปถ้ามีนัดทานข้าวผมจะมารับคุณด้วย” มู่วี่สิงเอ่ยอย่างอ่อนโยน
เวินจิ้งเงยหน้าขึ้น รู้สึกแปลกใจ
แต่ก่อนมู่วี่สิงทำงานที่โรงพยาบาลยุ่งจนแทบหาตัวไม่เจอ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องสังคม เธอก็ยังไม่เคยได้เจอเพื่อนๆรอบตัวของเขา นอกจากเสี้ยงหง
แล้วตอนนี้ มู่วี่สิงพูดแบบนี้ หมายถึงให้เธอได้สัมผัสสังคมของเขาใช่ไหม?
“ไม่ต้องหรอก เมื่อคืนฉันแค่เป็นห่วงคุณ” เวินจิ้งส่ายหน้า
มู่วี่สิงหรี่ตาลง ความโกรธผ่านเข้ามาในแววตา เชยหน้าเวินจิ้งขึ้นมา
ความอ้างว้างในสายตาเธอถูกเขาจับได้
“คุณนายมู่ คุณกำลังหนีอะไรอยู่? หืม?” สายตาฉลาดแหลมคมของมู่วี่สิงจับจ้อง
เวินจิ้งจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของเขา แต่ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา
มู่วี่สิงไม่ได้ทานข้าวเช้า รีบร้อนออกไป
เวินจิ้งขมวดคิ้ว ค่อยๆทานก๋วยเตี๋ยวจนหมด รสชาติเข้มข้นในแบบที่เธอชอบ เธอพบว่า จริงๆแล้วมู่วี่สิงเข้าใจเธอมากกว่าที่เธอคิด
ช่วงนี้เพียงแค่เขาอยู่บ้าน ก็จะลงมือทำอาหารให้เธอ ทำแต่เมนูที่เธอชอบ
ผู้ชายอบอุ่นแบบนี้ เวินจิ้งจะปฏิเสธได้ยังไง
แบกรับความรู้สึกในใจ เธอไปทำงานที่บริษัทผลิตยาเทียนอี ที่นี่ห่างจากบริษัทใกล้มาก เธอเดินไปก็ถึง
ตอนเช้าเป็นการประชุมปกติ ตอนนี้เวินจิ้งถูกจัดให้เป็นเลขาของฝ่ายการตลาด และอั้ยเถียนเป็นผู้จัดการฝ่ายการตลาด ตอนนี้เป็นหัวหน้าของเธอ
ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ยังเหมือนเดิม ไม่ได้มีฐานะเจ้านายและลูกน้องมาสร้างระยะห่าง
เช้านี้ การประชุมยังมีชายแปลกหน้ามาเข้าร่วมด้วย เขานั่งอยู่ท้ายแถว เพียงเวินจิ้งเดินเข้ามา สายตาเย้ายวนของเขาก็มองมายังร่างเล็กของเวินจิ้ง
เวินจิ้งรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง หันหลังให้เขา เธอรู้สึกราวกับถูกจับจ้องอยู่ตลอดเวลา
“จิ้งจิ้ง ผู้ชายคนนั้นเป็นใคร? เทียนอีมีพนักงานที่หล่อขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” อั้ยเถียนอดไม่ได้หันกลับไปมองลี่หนานเฉิงอีกครั้ง ตอนนี้ คนที่หล่อที่สุดในบริษัทผลิตยาเทียนอีคือเสี้ยงหง
แต่ตอนนี้ผู้ชายคนนี้หล่อในระดับเดียวกันกับเสี้ยงหง
“ไม่รู้ ไม่เคยเห็น” เวินจิ้งเอ่ยเสียงเรียบ
“แต่ว่า……..เขามองเธออยู่ตลอดเวลาเลยนะ” อั้ยเถียนจับแขนเสื้อเธอเอไว้แน่น อดไม่ได้หันกลับไปมองอีก
จนกระทั่งเสี้ยงหงเรียกเธอให้วิเคราะห์รายงานผล อั้ยเถียนแอบหงุดหงิด เมื่อสักครู่เธอก็สนใจอย่างอื่น ใครจะรู้ล่ะว่าเขาพูดอะไร
“อั้ยเถียน รายงานที่คุณทำเองคุณยังไม่รู้? หรือว่า คุณไม่ได้ทำเอง?” สายตาเสี้ยงหงแหลมคม
อั้ยเถียนกัดริมฝีปาก ช่วงนี้เธอทำรายงานตั้งเยอะ ไม่รู้ว่าเขาพูดถึงอันไหน…..
“เลิกประชุมก่อน อั้ยเถียนอยู่ก่อน” เสี้ยงหงโกรธแล้ว
ตั้งแต่เขาเข้ารับตำแหน่งในบริษัทมาเขาไม่เคยโกรธเลย นี่เป็นครั้งแรกที่เขาโกรธ
อั้ยเถียนก้มหน้านิ่งอย่างอึดอัดใจ ค่อยเห็นว่าเวินจิ้งได้บื่นรายงานให้เธอตั้งนานแล้ว แต่เธอไม่ทันได้สังเกต
“จิ้งจิ้ง เธอออกไปก่อนเถอะ” อั้ยเถียนน่าสงสาร
เวินจิ้งจนปัญญา รีบเก็บของแล้วเดินออกจากห้องประชุมไป จนมีร่างสูงเดินมาขวางหน้าเธอ
เป็นผู้ชายเย้ายวนคนนั้น
“คุณคือคุณนายมู่?” ลี่หนานเฉิงหรี่ตาอันตราย
เวินจิ้งตกใจ คนที่รู้ฐานะของเธอนั้นน้อยมาก เขาเป็นใคร?
เวินจิ้งมองเขาอย่างหวาดระแวง
ลี่หนานเฉิงยิ้ม “ผมเป็นเพื่อนของมู่วี่สิง และเป็นรองประธานของบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป”
เวินจิ้งผ่อนลมหายใจ ใบหน้ายิ้มบางๆ “สวัสดีค่ะ ฉันคือเวินจิ้ง”
“เขาชอบคุณที่ตรงไหน? พิจารณาเสน่ห์และหน้าตาเทียบหลี่ซานไม่ได้ ความเฉลียวฉลาดเห็นได้ชัดว่าเทียบลู่หวั่นไม่ได้”
รอยยิ้มบนใบหน้าเวินจิ้งนิ่งค้าง ดูเหมือนว่าเขาจะไม่รู้ความสัมพันธ์ที่แท้จริงของเธอกับมู่วี่สิง
“ฉันเป็นแค่คนธรรมดา สำหรับคำตอบที่คุณต้องการ คงต้องถามมู่วี่สิงถึงจะรู้” เวินจิ้งไม่ได้อยู่ต่อ
แน่นอนว่าไม่ว่าจะด้านไหนๆเธอก็เทียบคนที่อยู่รอบตัวเขาไม่ได้ ดังนั้นเธอคิดว่า จะต้องมีสักวัน มู่วี่สิงจะเจอคนที่เหมาะสมกับเขา
ลี่หนานเฉิงลูบปลายคาง นิสัยของผู้หญิงคนนี้มองภายนอกแล้วดูอ่อนโยน แต่จริงๆแล้วในคำพูดนั้นมีหนาม?
เขากำลังจะไปคุยกับเสี้ยงหงในห้องประชุม แต่พบว่าเสี้ยงหงกักลูกน้องคนนั้นชิดผนัง?
ในช่วงที่เขาไม่อยู่นี้ มีเพียงเขาที่ยังโสดเป็นหมาคนเดียว?
หมุนตัวกลับอย่างโมโห เขากลับไปที่มู่ซื่อกรุ๊ป อาหารสุนัขเขาไม่กิน!
บริษัทมู่ซท่อกรุ๊ป
ในตอนที่ลี่หนานเฉิงกลับมา ลู่หวั่นก็กำลังจะกลับไปพอดี
วันนี้เธอเข้ามาทำงาน ในตำแหน่งเลขาท่านประธาน
“น้องลู่หวั่น” ลี่หนานเฉิงทักทาย
ลู่หวั่นยิ้มมีมารยาท เดินเข้าไปในห้องทำงานท่านประธานพร้อมกัน แต่ถูกปฏิเสธที่หน้าประตู
เกาเชียนเอ่ยอย่างรู้สึกผิด “วันนี้ท่านประธานไม่รับแขกครับ”
“พวกเราไม่ใช่แขก” ลี่หนานเฉิงไม่สนใจ
แต่เกาเชียนรั้งพวกเขาไว้อย่างสุดความสามารถ “ต้องขออภัยครับ คุณลี่ คุณลู่ วันนี้ท่านประทานอารมณ์ไม่ดี เดี๋ยวพวกคุณค่อยมาใหม่จะดีกว่า”
ตลอดทั้งเช้าวันนี้เกาเชียนต้องรองรับอารมณ์ร้ายของมู่วี่สิง แต่ก่อนเขาแยกแยะชัดเจน ไม่เอาความรู้สึกส่วนตัวมาปนกับงาน แต่วันนี้ ราวกับไม่ใช่มู่วี่สิงคนเดิมแล้ว……….
ยิ่งทำให้ลี่หนานเฉิงแปลกใจเข้าไปใหญ่ ลู่หวั่นยิ่งเป็นห่วงขึ้นไปอีก เอ่ยปากถาม “วี่สิงเป็นอะไรคะ?”
เกาเชียนส่ายหน้า เขาไม่กล้านินทาเรื่องส่วนตัวของเจ้านาย
ลี่หนานเฉิงเคาะประตู รีบเดินเข้าไป
สิ่งที่ต้อนรับเขาก็คือแฟ้มเอกสารที่ลอยมา “เกาเชียน เอกสารชุดนี้ใครรับผิดชอบ ไม่มีจุดสำคัญเลย เรียกคนเข้ามา”
ยังดีที่ลี่หนานเฉิงมือไว รับแฟ้มเอกสารนั้นไว้ได้ เดินเข้ามาถาม “จุ๊ ใครแหย่คุณล่ะ?”