บทที่ 160 อย่าพูดบ้าๆอีก
มู่วี่สิงขมวดคิ้ว กำลังจะหมุนตัวกลับ ทว่าเวินจิ้งกลับคว้าข้อมือเขาเอาไว้ อดไว้ในอก
ไม่ง่ายเลยกว่าเขาจะจัดการกับอารมณ์ตัวเองได่ช้ แต่ตอนนี้มันกลับร้อนขึ้นมาอีกครั้ง ใบหน้าเคร่งขรึม ดึงแขนกลับมาเดินออกจากห้องไป
วันต่อมา เวินจิ้งตื่นขึ้นมาตอนเกือบจะเที่ยง เธอมองดูเวลา วันนี้เธอไม่ได้ลางาน
เธอแกะแผ่นแปะลดไข้ กำลังจะโทรหาอั้ยเถียน กลับถูกแจ้งว่าเธอลางานแล้ว
“คุณหมอมู่โทรมาแจ้งฉันแล้ว บอกว่าเธอเป็นไข้ จิ้งจิ้ง เธอพักผ่อนเถอะ” อั้ยเถียนกำชับ
เวินจิ้งขมวดคิ้ว ผู้ชายคนนั้น เธอไม่ได้ต้องการให้เขามายิ่งวุ่นวาย
“ฉันจะหย่ากับเขา” คิดถึงเรื่องเมื่อคืน เวินจิ้งน้ำเสียงเข้มขึ้น
“อะไรนะ?เวินจิ้ง วันนี้ไม่ใช่วันเอพริลฟูลส์เดย์นะ เธออย่ามาพูดเล่นสิ” อั้ยเถียนแสดงออกชัดเจนว่าไม่เชื่อ
เวินจิ้งมองบน ช่างเถอะ ตอนแรกที่บอกอั้ยเถียนว่าเธอแต่งงานแล้ว อั้ยเถียนก็เป็นแบบนี้ ยังไงหลังจากนั้นก็รู้เองแหละ
เธอกดวางสาย ไม่ต้องไปบริษัท ท้องเธอเริ่มหิว ตั้งใจจะไปทำกับข้าวทานเอง
วัตถุดิบในห้องครัวถูกแม่บ้านเติมจนเต็มทุกวัน เวินจิ้งทำก๋วยเตี๋ยวง่ายๆ ตอนที่กำลังจะนั่งลง มองเห็นสัญญาวางอยู่บนโต๊ะ
เธอตัวสั่น เปิดอ่านทีล่ะหน้า
บนนั้นเขียนรายละเอียดการเงินที่มีร่วมกันระหว่างเธอและมู่วี่สิง ตัวเลขที่มากที่สุดคือเงินซ่อมแซมของตระกูลเวิน จำนวนมหาศาล
เธอนิ่งอึ้ง จริงสิ บ้านหลังนั้นถูกทุบจนไม่เป็นรูปเป็นร่างแล้ว แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงหนึ่งเดือนก็ดูใหม่พราวระยับ ค่าซ่อมแซมบวกกับค่าอุปกรณ์เฟอร์นิเจออร์ต่างๆน่าจะไม่น้อยเลยทีเดียว เพียงแต่ไม่คิดว่าของที่ใช้ล้วนเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ราคาค่าใช้จ่ายถึงได้สูงขนาดนี้
เธอทิ้งตัวลงบนโซฟาอย่างหมดแรง ถ้าต้องหย่ากับมู่วี่สิง เธอก็ต้องคืนให้เขาประมาณสองหมื่นล้าน……….
หรือว่า จะไม่หย่าแล้ว?
เวินจิ้งฟุบลงบนโต๊ะ หงุดหงิดตัวเอง ถ้าอยู่กับมู่วี่สิงต่อไป เธอก็ไม่รู้จะอยู่กับเขาต่อไปยังไงดี
ในเมื่อถ้าเธออยู่ต่อไปเฮะยิ่งนับวันยิ่งยากที่จะไปจากเขา ไม่สู้รีบถอนตัวออกไปตั้งแต่เนิ่นๆ ถึงยังไงเขาก็เคยบอก เขาไม่มีทางชอบเธอ
ดังนั้น ระหว่างเธอกับเขาก็คงไม่มีความรักที่เบ่งบาน
แต่สองหมื่นล้านนี่ล่ะ…….
เวินจิ้งคำนวนเงินเดือนของตัวเอง อย่างน้อยต้องใช้เวลากว่ายี่สิบปีเพื่อคืนจนหมด…………
ตอนนั้นเอง โทรศัพท์เตือนข่ามใหม่ เวินจิ้งเห็นชื่อมู่ซื่อกรุ๊ปจึงรีบกดเข้าไป
ไม่คิดว่าจะเป็นการแถลงข่าว และผู้ชายในหน้าจอคือมู่วี่สิง
“วันนี้เป็นการแถลงข่าวครั้งแรกในฤดูกาลนี้ของบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป ประธานกรรมการที่ขึ้นรับตำแหน่งคนใหม่คุณมู่วี่สิง รองผู้อำนวยการผลิตวิจัยยาคุณลู่ก้มาอยู่ตรงนี้….”
ลู่หวั่น?
เวินจิ้งจ้องมองผู้หญิงในจอตาไม่กระพริบ เธอสวมชุดเดรสเกาะอกพิธีการสีขาวสวย ยืนอยู่เคียงข้างมู่วี่สิงในชุดสูทสีดำ ทั้งคู่ถูกกลุ่มนักข่าวรุมสัมภาษณ์ เกี่ยวกับเรื่องในบริษัทมู่วี่สิงตอบได้ชัดเจนไม่มีปัญหา แต่ตอนนี้นักข่าวกำลังพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวของมู่วี่สิง แน่นอนว่าสายตาก็เหลือบมองลู่หวั่นไปด้วย
“คุณมู่คะ ได้ข่าวว่าคุณแต่งงานแล้ว คุณลู่ที่อยู่ข้างๆนี้ใช่คุณนายมู่ไหมคะ?”
เวินจิ้งเปิดหน้าจอขยายกว้างขึ้น จับจ้องไปที่อารมณ์ความรู้สึกบนใบหน้าของมู่วี่สิง ชั่วครู่ ก็ได้ยินเสียงของเขาตอบออกมา
“ผมแต่งงานแล้วครับ สำหรับคุณลู่ ได้โปรดทุกท่านให้ความเป็นส่วนตัวแก่เธอด้วย”
เอ่ยจบ มือของเขายกขึ้นบังหน้าลู่หวั่น ปกป้องพาเธอออกไป มีความเป็นสุภาพบุรุษ
เวินจิ้งจ้องมองมือของเขา ดวงตามีแววกรุ่นโกรธ
คุณมู่ช่างดูแลเอาใจใส่ผู้หญิงดีจริงๆ
เธอปิดหน้าจอลง คำตอบของมู่วี่สิงหมุนวนอยู่ในหัว แม้ว่าเขาจะปฏิเสธว่าลู่หวั่นไม่ใช่คุณนายมู่ แต่ท่าทีที่เขาปกป้องลู่หวั่น มันช่างขัดหูของเธอเหลือเกิน
นึกถึงเมื่อคีนที่มู่วี่สิงไปส่งลู่หวั่นกลับบ้าน…ดังนั้น ลู่หวั่นก็ทำงานที่บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปหรอ?
แต่ว่าลู่หวั่นกับมู่วี่สิงจะมีความสัมพันธ์กันยังไง มันก็ไม่เกี่ยวกับเธอ
ตอนบ่ายเธอไม่มีอะไรทำจึงกลับไปนอนที่บ้าน เดิมอยากปรึกษาเรื่องหย่ากับแม่ แต่เมื่อคิดว่าตัวเองไม่มีวันคืนสองหมื่นล้านนั้นหมด เธอก็ลังเล
“ลูก ทะเลาะกับคุณหมอมู่หรอ?” เจี่ยนอีมองมาที่เธอท่าทางราวกับอยากจะพูดอะไร แอบเป็นห่วงอยู่หน่อยๆ
เวินจิ้งไม่ได้ส่ายหน้าและไม่ได้พยักหน้า ในสายตาของเจี่ยนอีก็คือการยอมรับแบบเงียบๆ
“คุณหมอมู่ยุ่งเกินไปหรอ? ลูกสาวแม่ ในเมื่อตอนนี้เขาเป็นประธานบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป ลูกก็เห็นใจเขาหน่อย เล็กๆน้อยๆก็ทนหน่อย” เจี่ยนอีผ่อนลมหายใจ
เวินจิ้งยังไม่ได้เอ่ยอะไร ช่วยทำความสะอาดบ้านเสร็จแล้ว เธอมองดูบ้านที่สะอาดเอี่ยมอ่อง ถ้าตอนนั้นไม่มีมู่วี่สิง ช่วงเวลานั้นเธอก็ไม่รู้จะผ่านมันไปได้ยังไง และที่นี่ เกรงว่าจนถึงตอนนี้ก็คงยังเป็นซากปรักหักพัง
“แม่ แม่ว่าถ้าฉันอยากจะหย่า…….”
“พูดจาเหลวไหลอะไร เวินจิ้ง อย่ามาพูดจะเหลวไหลกับแม่นะ” เจี่ยนอีรีบเอ่บตัดบทเวินจิ้ง
แค่ได้ยินว่าหย่า เจี่ยนอีก็ตอบสนองมามากขนาดนี้
“ต่อไปอย่าให้ฉันได้ยินว่าเธอจะหย่า พวกเธอรักกันดูแลกันดีดี แม่ถึงจะวางใจ” เจี่ยนอีกำชับ
เวินจิ้งเงียบ คืนนี้เธอค้างที่นี่ ไม่ได้กลับไปการ์เด้นมู่เจียวาน
ทว่าเจี่ยนอีโทรหามู่วี่สิง เวินจิ้งได้ยินเสียง จึงรีบวิ่งเข้าไปตัดสาย
“แม่ ฉันแค่อยากอยู่กับแม่” เวินจิ้งบอกอย่างจนปัญญา
“ลูกน่ะ ต้องอยู่เคียงข้างคุณหมอมู่ แบ่งเบาความเครียดของเขา…..” เจี่ยนอีบ่น
เวินจิ้งเดินกลับไปยังห้องนอน ปิดประตู แต่มู่วี่สิงรู้แล้วว่าเธออยู่ที่นี่ สามทุ่นคืนนั้น เขามาแล้ว
“วี่สิง แม่นึกว่าพวดเธอทะเลาะกันแล้ว กำลังเป็นห่วงเลย”
มู่วี่สิงยังคงอ่อนโยนและมีมารยาท “แม่ครับ เป็นผมเองที่ทำให้เวินจิ้งโกรธ ผมเองที่ไม่ดี”
แนบชิดประตู เวินจิ้งฟังมู่วี่สิงเอ่ยเสียงเบา อดทนไม่เปิดประตูออกไป
“ลูกสาวแม่คนนี้น่ะ บางทีก็ดื้อรั้นมาก แต่เธอก็ไม่เคยโวยวาย แต่เมื่อมีเรื่องอะไร เธอจะชอบเก็บเรื่องทุกอย่างไว้ในใจ ไม่ยอมบอกใคร ตอนเด็กๆเธอยังขังตัวเองอยู่ระยะหนึ่ง…….”
มู่วี่สิงฟังอย่างตั้งใจ คิ้วเข้มค่อยๆผูกเข้าหากัน ดวงตามองไปยังประตูที่ปิดสนิท
“วี่สิง แม่ไม่รู้ว่าพวกเธอทะเลาะอะไรกัน แต่ในสายตาคนแก่อย่างแม่ สองคนแต่งงานกันแล้วจะแยกจากกันไม่ได้ เมื่อกี้แม่ได้ยินเวินจิ้งบอกว่า……จะหย่า แม่โกรธมากจริงๆ นี่ไม่ใช่เรื่องจริงใช่ไหม….” เจี่ยนอีเอ่ยอย่างติดๆขัดๆ
มู่วี่สิงยิ้งบางๆ “แม่ครับ ผมกับเวินจิ้งไม่มีทางหย่าหรอกครับ แม่วางใจเถอะ”
ในห้อง หัวใจของเวินจิ้งสั่นไหว กำมือแน่น กระบอกตาเริ่มแดง
มู่วี่สิง คุณรู้สึกยังไงกับฉันกันแน่……?
ไม่มีทางหย่า…….หรือว่าต่อไปคุณจะไม่อยากใช้ชีวิตกับผู้หญิงคนอื่นอย่างนั้นหรอ?
ทันใดนั้น เสียงเคาะประตูดังขึ้น เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงดังเข้ามา “คุณนายมู่ ผมมารับคุณกลับบ้าน”
กลับบ้าน
เธอหลับตาลง ไม่ตอบอะไรกลับไป
ยังไงเธอก็ล็อกประตูแล้ว ยังไงมู่วี่สิงก็เข้ามาไม่ได้
แต่เธอประเมินค่าแม่ของเธอต่ำไป เจี่ยนอีเอากุญแจมาเปิดให้เขา