Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 175

ตอนที่ 175

บทที่ 175 คนพูดจาฉลาดหลักแหลม

ฉินเฟยนั่งลงอีกด้านนึงของฉีเซิน มองดูเวินจิ้ง สายตาดูถูกดูแคลน

“เวินจิ้ง เธอเข้ามาฟังการประชุมนี้หน่ะจะฟังเข้าใจหรอ?”

“ก็ไม่เข้าใจหรอก จึงต้องมาเรียนรู้”

“ฉันได้ยินมาว่าเธอเตรียมจะไปสอบเรียนปริญญาโทรึ? เวินจิ้ง ถ้าจะไปเรียนเป็นนักศึกษา ฉันก็อยากจะบอกอะไรเธอไว้ก่อนนะ ประวัติด่างพร้อยอย่างเธอมันลบไม่หมดหรอก อย่าพยายามนักเลย” ฉินเฟยเลิกคิ้วขึ้นอย่างยโส

“ประวัติด่างพร้อย? เรื่องอะไรกัน?” ฉีเซินถามแทรกทันที

“ไม่เกี่ยวกับเธอสักหน่อย” เวินจิ้งตอบอย่างเย็นชา ไม่อยากต่อปากกับสองคนนี้อีก

“เวินจิ้ง คุณก็จะพูดดีกับเพื่อนผมสักหน่อยไม่ได้หรือ?” ฉีเซินสีหน้ากลัดกลุ้ม ทุกครั้งที่เวินจิ้งพูดกับเขามักมีสีหน้าที่เย็นชา มองเขาอย่างไม่พอใจ

“คุณฉี คุณต้องการอะไรกันแน่?” เวินจิ้งยิ้มมุมปากออกมา แต่กลับไม่มองไป “คุณเคยช่วยเหลือฉันก็จริง ฉันก็ขอบคุณคุณมาก แต่นอกจากนี้ ระหว่างเรานั้นไม่คุ้นเคยกันเลยจริงๆ”

เธอไม่อยากจะเกี่ยวโยงอะไรต่างๆกับฉีเซินอีก

“แม่ผมคิดถึงคุณอย่างมาก หากว่ามีเวลา มาเป็นแขกบ้านผมหน่อย คุณจะว่าอย่างไร?” ฉีเซินกล่าวออกไปอย่างไม่ถือสา

สีหน้าของฉีเฟยโกรธจนหน้าซีด ดึงฉีเซินไว้ พูดออกไปอย่างโมโหว่า “ฉีเซิน ฉันต่างหากที่เป็นคู่หมั้นของคุณ!”

“คุณฉี ได้ยินแล้วหรือยัง คู่หมั้นของคุณโมโหแล้วนะ คุณไปปลอบใจเธอเถอะ มิฉันนั้นเดี๋ยวคุณฉินเธอจะมาลงที่ฉัน ฉันไม่อยากจะเป็นแพะมารับความโกรธของเธอโดยไม่เกี่ยวสักนิด” เวินจิ้งตอบไปอย่างเย็นชา

“ฉินเฟย อย่าโวยวายได้มั้ย ผมกับเวินจิ้งเป็นแค่เพื่อนกันเฉยๆ” ฉีเซินพูดปลอบฉินเฟย

ฉินเฟยโมโห สีหน้าบึ้งตึง

เวินจิ้งผู้หญิงคนนี้ มาทำให้ผู้ชายของเธอจดจำไม่ปล่อยวาง เพื่อที่เธอจะได้เป็นคุณนายฉี เธอจึงต้องหาทางกำจัดเวินจิ้งออกไป

หล่อนอยากจะสอบเรียนปริญญาโท? ไม่มีทางที่หล่อนจะสมหวังหรอก!

“ฉันไม่อยากเป็นเพื่อนกับคุณ” หลังพูดจบ เวินจิ้งก็เปลี่ยนที่นั่ง ไปนั่งแถวท้ายสุดแทน

หลังจากการประชุมเสร็จสิ้น เวินจิ้งเดินออกจากลานจัดแสดง ด้านนอกมีรถเก๋งสีดำคันหนึ่งเข้ามาจอดด้านข้างเธออย่างช้าๆ กระจกรถเปิดลง มองเห็นใบหน้าอันหล่อเหลาของฉีเซิน

“ผมไปส่งคุณ” ริมฝีปากของเขาแฝงไปด้วยรอยยิ้ม

เวินจิ้งไม่อยากคาดเดาความคิดในใจเขา เธอไม่สนใจ พร้อมกับหันหลังเดินออกไป

ฉีเซินกำชับคนขับรถให้ติดตามเวินจิ้งไป เวินจิ้งจะข้ามถนน รถของเขาก็กั้นทางม้าลายไว้

เธอจำเป็นต้องหยุดฝีเท้า “ฉีเซิน คุณต้องการอะไร!”

“ผมบอกแล้ว ว่าผมจะไปส่งคุณ”

“ฉันถึงแล้วนี่”

ฉีเซินขมวดคิ้ว พร้อมกับพูดว่า “พรุ่งนี้เจอกันนะ”

หลังพูดจบ รถก็ขับออกไปอย่างรวดเร็ว เวินจิ้งไม่สนใจคำพูดเขา วันที่สองเธอก็ต้องยุ่งกับการออกไปพบผู้ค้าปลีกกับอั้ยเถียน

ไม่พบเจอฉีเซิน แต่กลับเจอฉืออี้เหิง

เขา…….ตอนนี้น่าจะไปแอฟริกาแล้วไม่ใช่หรือ?

อั้ยเถียนก็รู้สึกตกใจมาก ดูรายชื่อในมือของเธอเอง วันนี้พวกเธอต้องไปพบกับผู้รับผิดชอบบริษัทโป๋ทงกรุ๊ป ธุรกิจยาที่ใหญ่ที่สุดในเมืองB ณ ปัจจุบัน

“ฉืออี้เหิง ทำไมถึงเป็นคุณได้?” อั้ยเถียนสีหน้าเคร่งขรึม

ฉืออี้เหิงนั่งไขว้ขา หลังชิดพนักพิงท่าทีหยิ่งยโส สีหน้าเข้มลึก

“ตอนนี้ผมก็คือผู้รับผิดชอบของบริษัทโป๋ทงกรุ๊ป” เขายิ้มเยาะ พร้อมกับพูดต่อ “พวกคุณคงจะแปลกใจมากว่าทำไมผมถึงมาอยู่ที่นี่ได้” บริษัทเหิงอวี่กรุ๊ปก็คือการดำเนินธุรกิจภายใต้ชื่อบริษัทโป๋ทงกรุ๊ป พูดให้ถูกก็คือว่า บริษัทสองแห่งนี้ผมมีสิทธิควบคุมอยู่นั่นเอง”

อั้ย!

อั้ยเถียนทนไม่ไหวต้องพูดด่าออกมา ไม่อยากจะเจรจาแล้ว!

เวินจิ้งอารมณ์เย็นลงมาก ตบที่ไหล่ของอั้ยเถียน พูดอย่างเสียงเบาว่า “อย่าลืมนะยอดการตลาดของเธอ บริษัทโป๋ทงกรุ๊ป

เป็นผู้จัดจำหน่ายที่ใหญ่ที่สุดในตอนนี้ หากว่าเจรจากันได้ คุณเสี้ยงจะต้องพอใจเป็นแน่”

“แต่ว่าเวินจิ้ง……เธอแน่ใจหรอว่าจะสามารถเจรจาดีดีกับผู้ชายพันธุ์นี้ได้? อั้ยเถียนพูดอย่างโมโห

ได้ยินคำพูดพวกเธอ ฉืออี้เหิงลูบที่คางตัวเองเบาๆ พูดอย่างเล่นลิ้น “ในเมื่อพวกเธอไม่ตั้งใจจะเจรจา ถ้างั้นผมก็คงไม่ต้องเสียเวลาแล้วหล่ะ”

เมื่อพูดจบ เขาเตรียมจะลุกออก

เวินจิ้งรีบเข้าไปกั้นเขาไว้ บนใบหน้าของเธออาบไปด้วยรอยยิ้มอันนอบน้อม “คุณฉือ ถ้าพวกเราไม่ตั้งใจ ก็คงไม่นัดพบคุณ เรื่องงานเรื่องส่วนตัวแยกชัดเจน ฉันเข้าใจดีค่ะ”

ฉืออี้เหิงหรี่ตาขึ้น เวินจิ้งตอนนี้ ยิ่งทำให้เขารู้สึกเหมือนคนแปลกหน้า

งุ้มฝีปากขึ้นเล็กน้อย เขานั่งลงไปอีกครั้ง

หลังจากทำการแนะนำผลิตภัณฑ์ยาชุดนี้เบื้องต้นเสร็จเรียบร้อย ฉืออี้เหิงไม่ได้ตอบรับทันที “ผมต้องขอพิจารณาก่อน”

“คุณฉือต้องพิจารณานานแค่ไหนคะ?” อั้ยเถียนยิ้มอย่างเย็นชา

ในช่วงระหว่างการเจรจาสีหน้าของเธอก็เมินเฉย ถ้าหากไม่ใช่เพราะเวินจิ้งอยู่ด้านข้าง เธอก็อยากจะต่อยเขาสักหมัดอย่างเคียดแค้น

“ผมต้องขอเวลาวิเคราะห์ตัวยาชุดนี้ก่อน ถามว่าเมื่อไหร่ ผมก็ยังให้คำตอบที่แน่ชัดไม่ได้”

“คุณฉือยังต้องการข้อมูลอะไร ทางเราสามารถจัดหาให้ได้ค่ะ ส่วนผลิตภัณฑ์ยาชุดนี้ทางเราก็ได้ผ่านการวิจัยอย่างลึกซึ้ง ตอนนี้ก็มีบริษัทผู้จัดจำหน่ายจำนวนไม่น้อยร่วมธุรกิจกับทางเรา หากว่าคุณฉือพิจารณานานจนเกินไป เกรงว่าหากทางเรามีช่องทางการจำหน่ายที่เพียงพอแล้ว ก็คงจะไม่ได้ร่วมธุรกิจกับท่านอีกนะคะ” เวินจิ้งตอบอย่างเรียบเฉย

ฉืออี้เหิงมองเวินจิ้งอย่างสงสัย สีหน้าเธอดูเยือกเย็น แต่คำพูดเธอกลับฟังดูแล้วคมคาย

เธอเปลี่ยนเป็นคนพูดจาฉลาดหลักแหลมแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?

หรือเป็นเพราะแต่งงานกับมู่วี่สิงหรือ?

สีหน้าของฉืออี้เหิงเคร่งขรึมลง

“ดูไปแล้ว ท่าทีของบริษัทการผลิตยาเทียนอีก็มีความแข็งแกร่งนะ” ฉืออี้เหิงลูบที่ใต้คางเขา

“ไม่หรอกค่ะ พวกเรายึดหลักท่าทีการร่วมธุรกิจอย่างยุติธรรม คุณฉือเชิญพิจารณาก่อนแล้วกันค่ะ” หลังจากพูดจบ ทั้งสองคนก็เตรียมตัวจะเดินออก

ฉืออี้เหิงลดสายตาลง เงยหน้าค่อยๆเก็บความผลีผลาม ขณะที่เวินจิ้งและอั้ยเถียนกำลังจะเดินออกจากประตูไป ก็ได้ตะโกนหยุดพวกเธอไว้

“ตกลงเซ็นต์”

มองดูฉืออี้เหิงเซ็นต์บนสัญญา อั้ยเถียนยืนยันอีกครั้ง เขานั้นเป็นผู้จัดการใหญ่ของบริษัทโป๋ทงกรุ๊ปจริงๆ

“จิ้งจิ้ง นี่มันเกิดอะไรขึ้น?” หลังจากเดินออกจากห้องประชุม อั้ยเถียนถามอย่างสงสัย

เวินจิ้งส่ายหัว เธอก็ไม่รู้เหมือนกัน

แต่ว่าตอนนี้ได้เซ็นต์สัญญาร่วมทำธุรกิจกัน ก็เกรงว่าต่อไปก็ยากที่จะหลบหลีกไม่พบปะกับเขา

“จิ้งจิ้ง ต่อไปงานในส่วนบริษัทโป๋ทงกรุ๊ป ให้ฉันเป็นคนจัดการต่อนะ อย่าให้เขาเข้าใกล้เธออีกเลย” อั้ยเถียนพูดอย่างห่วงใย

“ควรมาก็จำเป็นต้องมา ฉันไม่สามารถหนีเขาไปได้ตลอดหรอก อีกทั้ง ตอนนี้เขาก็ไม่สามารถส่งผลกระทบต่อใจฉันได้อีกแล้วหล่ะ” เวินจิ้งส่ายหน้า เมื่อเธอเผชิญหน้ากับฉืออี้เหิง เธอก็ไม่รู้สึกอะไรต่อเขาสักนิดแล้ว

ดังนั้น ก็ไม่ต้องกลัวหรือหวาดหวั่นที่จะเผชิญหน้ากับเขา

ไม่ไกลนัก ฉืออี้เหิงผู้ฟังเสียงของเวินจิ้ง สายตาเริ่มคิดล่องลอยไปไกล สีหน้าเคร่งขรึม

เมื่อเดินเข้าลิฟต์ เวินจิ้งพูดคุยกับอั้ยเถียน ไม่ทันได้ระวังเห็นในลิฟต์มีคนอยู่

ไปจนประตูปิดลง อั้ยเถียนกำลังจัดแขนเสื้อของเธออยู่ “เขาคือฉีเซิน”

เวินจิ้งขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย เงยหน้าขึ้น ที่แท้ก็เป็นคนที่เพิ่งเจอกันเมื่อคืนวานใบหน้ากึ่งยิ้มมองมาที่เธอ

เวินจิ้งแค่รู้สึกหวาดหวั่น แต่ก็ไม่ได้สนใจเขา

อั้ยเถียนอยู่ด้านข้างถามออกไปว่า “คุณฉีมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรคะ?”

“ทำไมหรือ? พวกเธอมาได้ ผมจะมาไม่ได้หรือ?” ฉีเซินเลิกคิ้วขึ้น

“ในเมื่อคุณอั้ยห่วงใยผมเช่นนี้ ถ้างั้นเราไปทานข้าวด้วยกันมั้ยครับ?” ฉีเซินถาม

เวินจิ้งจ้องตาเขาอย่างเย็นชา “พวกเราไม่ว่างค่ะ”

“ถึงจะยุ่งยังไงก็ต้องทานข้าว ไม่ใช่หรือ?” ฉีเซินเอามือล้วงกระเป๋า ทำตัวท่าทีสบายๆ

“แต่ก็ไม่ใช่ว่าต้องทานข้าวกับคุณ” อั้ยเถียนก็ไม่สนใจเขา

ฉีเซินสีหน้าเคร่งขรึมลง มองดูเงาด้านหลังสองคนที่เดินออกไป หรี่ตาขึ้นอย่างมีเลศนัย

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท