Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 189

ตอนที่ 189

บทที่ 189 ทำได้เพียงถูกเขารังแก

กลับมาถึงการ์เด้นมูเจียวาน เพราะว่าเรื่องราวในช่วงนี้เวินจิ้งไม่ได้พักผ่อนอย่างเต็มอิ่มมานานมากแล้ว พอกลับมาก็นอนแผ่อยู่ที่บนโซฟา

แต่วันนี้คนรับใช้ดันไม่ได้มาที่นี่ ในบ้านไม่มีอาหารมื้อเย็น

มู่วี่สิงแน่นอนว่าก็ยุ่งมาตลอดทั้งวัน เห็นท่าทีที่อ่อนล้าแทบจะนอนหลับไปของเวินจิ้ง ความรักใคร่เอ็นดูก็ค่อยๆตลบอบอวลขึ้นภายในสายตา

เขาช้อนร่างกายที่อ่อนนุ่มของเธอขึ้น ก้มศีรษะจูบลงบนเปลือกตาของเธอ จากนั้นเอ่ยปากขึ้นเบาๆว่า “เย็นนี้อยากจะทานอะไรครับ?”

สายตาของเวินจิ้งเปล่งประกายขึ้น “คุณจะทำอาหารหรอคะ?”

เธอไม่ได้ลิ้มลองฝีมือการทำอาหารของเวินจิ้งมานานมากแล้ว

“อื้ม อยากทานอะไร?” มู่วี่สิงเอ่ยขึ้นอย่างใจเย็น

เวินจิ้งลองคิดดูอย่างจริงจัง เดิมทีอยากทานอาหารบ้านๆทั่วไป แต่คิดถึงว่ามู่วี่สิงก็เหนื่อยมากแล้ว ยังไงก็ช่างมันก็แล้วกัน

“ต้มบะหมี่ก็พอแล้วค่ะ” เธอกระพริบตาปริบๆ

“เป็นเด็กดีรอก่อนนะ”

เวินจิ้งพยักหน้า เพียงแต่สุดท้ายก็ฝืนความง่วงไม่ไหว ไม่นานนักก็หลับไปบนโซฟา

ผ่านไปเป็นเวลานาน ร่างกายอยู่ๆก็ลอยขึ้นมาอย่างกะทันหัน เวินจิ้งสะดุ้งเล็กน้อย ลืมตาขึ้นอย่างสะลึมสะลือ

ประสานเข้ากับใบหน้าอันหล่อเหลาของมู่วี่สิงที่อยู่เบื้องหน้า เธอส่งเสียงอุทานออกมาอย่างตกใจ ถึงได้พบว่ามู่วี่สิงได้อุ้มเธอเดินเข้ามาในห้องนอนแล้ว

“นอนพอแล้วหรอ?” เขาเอ่ยถาม ความร้อนแรงภายในดวงตาแผ่ขยายขึ้นเล็กน้อย

เวินจิ้งส่ายศีรษะ แม้ว่าจะหิวมาก แต่เธออยากจะนอนมากกว่า

“งั้นก็นอนต่ออีกหน่อย” พูดจบ มู่วี่สิงก็ขึ้นเตียงตามมาด้วย กอดเธอเอาไว้ในอ้อมแขน

เวินจิ้งเพิ่งจะหลับตาลงไปใหม่อีกครั้ง จูบที่ถี่ยิบก็ค่อยๆตกลงบนลำคอ ใบหู จมูก ริมฝีปากของเธอ จากนั้นก็ วาดเค้าโครงริมฝีปากของเธอเอาไว้อย่างป่าเถื่อน จากนั้นเลื่อนลงไปเรื่อยๆอีกครั้ง…

เวินจิ้งร้องออกมาเบาๆ มือดันหน้าอกของเขาเอาไว้โดยจิตใต้สำนึก ร่างกายหดตัวเข้าหากันขึ้นมา แต่กลับหลบหนีการโจมตีของเขาไม่ได้เลยแม้แต่น้อย

เขาคุ้นเคยกับร่างกายของเธอเหลือเกิน ทำให้เธออ่อนปวกเปียกลงมาทั้งตัวอย่างง่ายดาย ทำได้เพียงถูกเขารังแก…

“คุณทำแบบนี้ได้ยังไงกัน…” เสียงของเวินจิ้งเรียกได้ว่าอ่อนไหวราวกับน้ำ โอบรอบคอของมู่วี่สิงเอาไว้ จากนั้นลืมตาขึ้น

เธอยังนึกว่าจะสามารถนอนหลับให้เต็มอิ่ม!

“คุณนายมู่ ผมคิดถึงคุณมาก” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เบาและแหบพร่า พอได้สัมผัสร่างกายของเธอก็ไม่อาจที่จะควบคุมได้อีกต่อไป คิดแต่เพียงอยากจะนำเธอมาครอบครองเป็นของตนเองอย่างรุนแรง

เวินจิ้งจะสามารถต่อต้านได้ที่ไหนกัน ยิ่งไปกว่านั้นทั้งสองคนก็ไม่ได้พะเน้าพะนอกันมานานมากแล้ว ที่จริงแล้วน่ะนะ เธอก็คิดถึงเขามากเช่นเดียวกัน…

จนกระทั่งสี่ทุ่มทั้งสองคนถึงจะได้ทานอาหารเย็น บะหมี่เย็นชืดไปตั้งนานแล้ว มู่วี่สิงต้มใหม่อีกสองชาม ถูกคั่นเอาไว้ด้วยหน้าต่างกระจกใส เธอมองเห็นเงาร่างที่กำลังยุ่งอยู่ในครัวของชายหนุ่ม จากนั้นก็ค่อยๆเหม่อลอยออกไป

ประธานบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปที่ปกติแล้วสูงส่งเยือกเย็นอยู่เหนือทุกสิ่ง ในเวลานี้เป็นภาพที่ทำทุกอย่างเพื่อเธอโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น เพียงแต่ไม่รู้ว่าเวลาแบบนี้ จะสามารถอยู่ต่อไปได้อีกนานเท่าไร

“มู่วี่สิง ฝีมือการทำอาหารของคุณทำไมถึงดีได้ขนาดนี้คะ คุณดูเหมือนไม่ว่าจะทำอะไร ต่างก็ถึงจุดที่สูงที่สุดไปซะหมด”

“หากทำไม่ถึงจุดที่สูงที่สุด ก็จะถูกคนอื่นตามไล่ขึ้นมา รู้หรือเปล่า?” มู่วี่สิงเอ่ยขึ้นอย่างความหมายไม่ชัดเจนนัก

ตั้งแต่เล็กเขาก็อยู่ในสภาพแวดล้อมของการแข่งขัน เขาทำได้เพียงเป็นที่หนึ่งในทุกๆเรื่อง ถึงจะสามารถมากพอที่จะโดดเด่นเหนือใครได้

ไม่อย่างนั้น มีแต่จะถูกฝังกลบลงไปเท่านั้น

นี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาอยากได้

“ฉันรู้ค่ะ ดังนั้นฉันจึงสามารถเป็นได้แค่เพียงคนธรรมดา” เวินจิ้งทำปากจู๋

มู่วี่สิงยกมุมริมฝีปากบางขึ้นมาเล็กน้อย เชยใบหน้าเล็กๆของเธอขึ้น “คุณไม่จำเป็นต้องเหมือนกันกับผม หืม?”

“แต่ว่า ฉันอยากมีสักวัน ที่จะสามารถยืนอยู่ข้างกายของคุณจริงๆได้” แสงภายในดวงตาของเวินจิ้งปรากฏออกมาโดยที่ไม่รู้ตัว

สิ่งที่เธออยากได้ ไม่ใช่เพียงแค่ตอนนี้ เวลานี้จริงๆ

“คุณนายมู่ ภรรยาที่ผมต้องการไม่จำเป็นต้องแข็งแกร่ง เพราะว่าผมแข็งแกร่งมากพอแล้ว คุณเป็นเพียงแค่ผู้หญิงตัวเล็กๆที่อยู่ด้านหลังของผมก็พอ” มู่วี่สิงวางตะเกียบลง สีหน้าเคร่งขรึมลงมา

“แต่ว่า…”

“ไม่มีแต่ ผมเป็นสถานะอะไรต่างก็ไม่สำคัญ ที่สำคัญก็คือ คุณคือภรรยาของผม”

เวินจิ้งนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ แก้มทั้งสองข้างค่อยๆแดงระเรื่อขึ้นมา

เธอลุกยืนขึ้นอย่างกะทันหัน จูบไปบนแก้มของมู่วี่สิงโดยมีโต๊ะครึ่งตัวคั่นอยู่ ในตอนที่กำลังจะผละออก กลับถูกเขาควบคุมศีรษะทางด้านหลังเอาไว้

เขาเพิ่มความลึกซึ้งให้กับจูบนี้ หน้าและใบหูของเวินจิ้งแดงก่ำไปหมด เป็นมู่วี่สิงที่จูบจนทำให้คนหลงใหลจริงๆ…

“คุณนายมู่ คุณกำลังจุดไฟ” มู่วี่สิงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เบาและแหบพร่า เสียงในลำคอต่างก็เปลี่ยนเป็นเร่าร้อน

เวินจิ้งหลบเลี่ยงสายตาของเขา “คนที่จุดไฟคือคุณ เพียงแต่ ไฟนี้จุดไม่ติดค่ะ!”

เวินจิ้งนั่งลง ไม่ได้สนใจเขาสักหน่อย

เมื่อครู่นี้มู่วี่สิงก็กระทำเธอซ้ำไปซ้ำมาจนเหนื่อยพอแล้ว เธอน่ะไม่เอาแล้ว

เพียงแต่อาหารเย็นจบลงกลับไปถึงห้อง คุณหมอมู่ที่มีพละกำลังจนน่าตกใจก็กระโจนเข้ามา เวินจิ้งมองดูเขา อยากจะร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตาออกมา

“คุณคือสัตว์ป่า!” เวินจิ้งร้องไห้กระซิก

“อืม สัตว์ป่าที่กินเพียงแค่คุณ…”

วันถัดมาคือสุดสัปดาห์ เวินจิ้งนอนตื่นสาย ตอนที่ตื่นมานั้นก็เกือบจะเที่ยงแล้ว ตำแหน่งที่อยู่ด้านข้างก็ไม่มีเงาร่างของมู่วี่สิงตั้งนานแล้ว

ล้างหน้าแปรงฟันเสร็จออกไป มู่วี่สิงกำลังดูคอมพิวเตอร์อยู่ที่ห้องรับแขก เขาแต่งตัวด้วยสีขาวอ่อนสบายๆ รัศมีที่เคร่งขรึมเยือกเย็นเก็บกลับคืนไปไม่น้อย ทั้งคนดูหล่อเหลาและงดงาม

“เข้ามาสิ” เห็นเวินจิ้งยืนเหม่อลอยอยู่ที่หน้าประตู เขาก็เงยศีรษะขึ้นมา

เพียงแต่ตอนที่เห็นเวินจิ้งเปลือยเท้าอยู่ ความเยือกเย็นภายในสายตาก็แผ่ขยายขึ้น แทบจะเข้าไปอุ้มเวินจิ้งขึ้นมาในทันที

“อ๊าย…” เวินจิ้งอุทานออกมาอย่างตกใจ กลับเห็นมู่วี่สิงอุ้มเธอไปถึงบนเตียง

จากนั้นหารองเท้าใส่ในบ้านของเธอออกมา ย่อลงไปสวมรองเท้าให้กับเธอ

“พื้นเย็น ใครอนุญาตให้คุณไม่ใส่รองเท้า?” มู่วี่สิงเอ่ยตำหนิเสียงดัง

เวินจิ้งก้มศีรษะลงต่ำอย่างได้รับความไม่เป็นธรรม เธอก็แค่ลืมไปชั่วขณะ…

อีกทั้งตอนนี้คือหน้าร้อน ก็ยังดี…

เพียงแต่พอประสานเข้ากับสายตาที่จริงจังและเยือกเย็นของมู่วี่สิง ก็ไม่กล้าโต้แย้งแล้ว

“ต่อไปฉันจะจำเอาไว้ค่ะ” เวินจิ้งรับประกัน

“ออกมาทานอาหารเที่ยง” มู่วี่สิงรับคำ จูงมือเล็กๆของเธอเอาไว้

เวินจิ้งอารมณ์ดีมาก อาหารมื้อเที่ยงเป็นอาหารกวางตุ้งที่มู่วี่สิงทำ ประณีตทั้งยังอร่อย เรียกได้ว่าแทบจะเทียบได้กับมิชลินแล้ว

”คุณไม่เคยไปเรียนที่ซินตงฟางโดยเฉพาะจริงๆหรอคะ?” เวินจิ้งเอ่ยถามออกมา

““ซินตงฟางคือที่ไหน?” มู่วี่สิงขมวดคิ้วขึ้นอย่างสงสัย

“ก็คือสถาบันสอนทำอาหารแห่งหนึ่ง สามารถเห็นโฆษณาได้อยู่บ่อยๆ!”

“เวลาของผมจะไม่สิ้นเปลืองไปกับโฆษณา สำหรับฝีมือการทำอาหาร ทำบ่อยๆก็รู้เทคนิคแล้ว” มู่วี่สิงเอ่ยขึ้นอย่างราบเรียบ

ท่าทีที่นิ่งสงบนี้เรียกได้ว่าแทบจะทำให้เวินจิ้งโกรธจะแย่แล้ว!

เธอก็ถือว่าทำอาหารอยู่บ่อยๆ…แต่ดูเหมือนก็ไม่ได้รับรู้ถึงเทคนิคอะไร!

“งั้นคุณสอนฉัน? ต่อไปฉันก็สามารถทำอาหารให้คุณมากขึ้นได้” เวินจิ้งมองดูมู่วี่สิงอย่างรอคอยและคาดหวัง

กลับถูกเขาปฏิเสธออกมาในทันที “อาหารที่คุณทำก็ไม่ได้แย่ ผมสามารถทนรับได้”

เวินจิ้ง :…

“ต่อไปฉันไม่ทำแล้ว” เวินจิ้งวางตะเกียบลง ทำท่าทางโกรธออกมา

มู่วี่สิงถึงได้เผยรอยยิ้มออกมาให้เห็น เงยหน้าเหลือบมองเธอ “ผมกลับชอบอาหารที่คุณนายมู่ทำมากกว่า”

พอประโยคนี้พูดออกมา เวินจิ้งก็รู้สึกเพียงแค่อบอุ่นขึ้นภายในจิตใจ ก็ให้เธอเชื่อ ว่านี่คือคำพูดจากใจจริงของคุณหมอมู่ก็แล้วกัน!

ตอนบ่ายเวินจิ้งทบทวนอยู่ที่ห้องหนังสือ ระยะห่างจากการสอบปริญญาโทยังมีเวลาอีกครึ่งปี ช่วงนี้เธอควรจะต้องรีบคว้าโอกาสในการทบทวนเข้าแล้ว

คิดถึงว่าใบจบปริญญาตรีของเธอยังไม่ได้รับ เธอก็ขมวดคิ้วขึ้น หาเบอร์โทรศัพท์ของอาจารย์ที่ปรึกษาในตอนนั้น โทรออกไป

เพียงแต่รู้ว่าเธอคือเวินจิ้ง น้ำเสียงของอาจารย์ที่ปรึกษาก็ไม่ค่อยจะดีนัก ในปีนั้นเรื่องของเธอได้กลายเป็นข่าวฉาวไปทั่วทั้งมหาวิทยาลัย จึงไม่มีอาจารย์คนไหนที่จะชอบเธอ

เวินจิ้งลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก็ยังคงคิดที่จะกลับไปมหาวิทยาลัยด้วยตนเองอีกสักครั้ง

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท