Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 187

ตอนที่ 187

บทที่ 187 มีการเตรียมความพร้อมก่อนที่จะมา

“ดิฉันไม่ได้พูดจามั่วซั่วสักหน่อย คุณดูสามีของดิฉัน ก็เป็นเพราะใช้ยาของพวกคุณ แม้แต่ส่วนใบหน้าก็แข็งทื่อไปหมดแล้ว!” ในขณะที่ญาติผู้ป่วยตะคอก ก็ประคองผู้ชายที่นั่งอยู่บนรถเข็นขึ้นมาข้างหน้า

จากนั้นก็มีนักข่าวเข้าไปสัมภาษณ์ในทันที

“สามเดือนก่อน พวกเราลงนามข้อตกลงการทดลองยากับบริษัทการผลิตยาเทียนอี เดิมทีพวกเรามีความเชื่อใจต่อยาตัวนี้มาก ประสาทส่วนใบหน้าของสามีดิฉันได้รับบาดเจ็บเสียหายมาหลายปีแล้ว ยาตัวนี้ในตอนแรกได้ผลดีจริงๆ แต่ตอนนี้ผลข้างเคียงเป็นที่รุนแรงมาก…”

สถานการณ์ได้ค่อยๆตกอยู่ในความวุ่นวาย ความสนใจของนักข่าวต่างก็ถูกญาติผู้เสียหายเคลื่อนย้ายไปแล้ว ผู้บริหารระดับสูงหลายคนของบริษัทการผลิตยาเทียนอียังคงอยู่บนเวที กลับไม่มีคนฟังคำชี้แจงจากพวกเขาอีก

เวินจิ้งเดินเข้าไปอย่าางเร่งรีบ แต่คนของผู้สื่อข่าวรายล้อมจนอัดแน่น เธอไม่มีทางที่จะทำความเข้าใจเกี่ยวกับสถานการณ์ได้เลย

เห็นนักข่าวกำลังถอยมาข้างหลัง เพียงครู่เดียวเวินจิ้งก็ถูกกลุ่มคนดันไปดันมา ยืนได้ไม่คงที่จนเกือบจะล้มลง แขนข้างหนึ่งโอบเธอเอาไว้อย่างเหนียวแน่น

ฉีเซินยืนอยู่ที่ด้านหลังของเวินจิ้ง ริมฝีบางยังคงแฝงไปด้วยรอยยิ้มอ่อนๆ “ระวังหน่อย”

เวินจิ้งแทบจะผลักเขาออกในทันที จ้องเขาด้วยความโมโห “เป็นคุณที่จัดการใช่หรือเปล่า!ผู้ป่วยกับญาติเหล่านั้นอยู่ๆจะมาที่นี่ได้ยังไงกัน!”

ฉีเซินหรี่ตาลง สีหน้าเยือกเย็น “เวินจิ้ง ทำไมคุณถึงมักจะชอบยัดเยียดข้อกล่าวหาให้กับผมมั่วๆ ผมในสายตาของคุณ ดูเหมือนกลายเป็นคนเลวที่ชั่วร้ายจนไม่สามารถที่จะยกโทษให้ได้?”

“งั้นคุณจะรู้ก่อนได้ยังไงว่าจะเกิดเรื่อง?” เวินจิ้งซักถาม

“ผมเพียงแค่เตือนคุณ สำหรับที่ว่าจะเกิดเรื่องหรือไม่นั้น ผมก็แค่พูดออกไปลอยๆก็เท่านั้นเอง”

เวินจิ้งกลัดกลุ้ม ผู้ชายคนนี้…แสดงให้เห็นว่ามีการเตรียมความพร้อมก่อนที่จะมา

“สิ่งที่คุณควรทำในตอนนี้ก็คือจัดการปัญหา ไม่ใช่มาซักถามผม” ฉีเซินตบไหล่ของเธอเบาๆ

ถูกเวินจิ้งหลบเลี่ยงออกอย่างรังเกียจ ความเยือกเย็นภายในสายตาของเขาแผ่ขยายขึ้น

ในเวลานี้ เสี้ยวหงที่หายไปสองชั่วโมงเดินเข้ามาจากด้านนอกสถานที่ บอดี้การ์ดเปิดทางให้กับเขา เขาเดินไปถึงข้างกายของผู้ป่วยโดยตรง

เลขาที่อยู่ด้านหลังถือประวัติอาการป่วยหลายชุดเอาไว้ สายตาที่แหลมคมของเขาหรี่ลง

”ทุกท่านกรุณารักษาความสงบด้วยครับ” เขาชูมือขึ้น ให้ทุกคนใจเย็นลงมา

“สำหรับผลการทดลองยาของผู้ป่วยสองสามท่านนี้ ต่างก็ถูกบันทึกเอาไว้อย่างชัดเจนอยู่ในประวัติอาการป่วยแล้ว ส่วนผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นกับผู้ป่วยในตอนนี้นั้น ไม่ใช่ผลที่มาจากเหม่ยทงยาตัวนี้ครับ”

พูดจบ เขาก็ให้เลขานำประวัติอาการป่วยถือไปยังด้านหน้าของเครื่องฉายภาพ บนหน้าจอก็ปรากฏข้อมูลที่เป็นรูปธรรมที่อยู่บนแฟ้มประวัติอาการป่วยออกมาให้เห็นอย่างรวดเร็ว

“ประวัติอาการป่วยของพวกคุณเป็นของปลอม นี่ไม่ใช่ประวัติอาการป่วยของสามีฉัน!” มีญาติผู้ป่วยตอบสนองกลับมาในทันที เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่โมโห

“ประวัติอาการป่วยที่อยู่ในมือของพวกคุณถึงจะเป็นของปลอม ผมคิดว่าผู้ป่วยทั้งสองสามท่านนี้ถูกผู้ที่มีเจตนายุยงส่งเสริมก็เท่านั้นเอง บอกกับนักข่าว เป็นใครที่ให้ประวัติอาการป่วยกับพวกคุณ แล้วก็เป็นใครอีกที่ให้พวกคุณมาทำลายชื่อเสียงของบริษัทการผลิตยาเทียนอี”

น้ำเสียงของเสี้ยวหงมืดหม่นและเยือกเย็น ทุกตัวอักษรต่างก็น่าเกรงขาม

สีหน้าของญาติผู้ป่วยซีดเผือดลง ความลนลานที่อยู่ภายในสายตาปรากฏขึ้น “คุณกำลังพูดมั่ว!”

และในเวลานี้ เวินจิ้งได้เบียดเข้าไปในกลุ่มคน หยิบประวัติอาการป่วยที่อยู่บนตัวคนไข้ขึ้นมาดู แม้กระทั่งลายเซ็นของหมอที่ทำการรักษาก็ยังไม่มี

เธอชูไปยังเบื้องหน้าของนักข่าวทั้งหลาย “ประวัติอาการป่วยไม่มีลายเซ็นของคุณหมอก็ไม่ใช่ประวัติอาการป่วยที่โรงพยาบาลใช้กันทั่วไป มาตรฐานการสร้างข่าวเท็จของพวกคุณต่ำเกินไปแล้วหรือเปล่า?”

“คุณเป็นใคร…คุณพูดมั่วอะไร…อาการของสามีฉันไม่ได้รับการรักษามาโดยตลอด ยังนับวันยิ่งรุนแรงขึ้น ก็เป็นเพราะใช้ยาของพวกคุณ!”

“ชนิดของยาที่เขียนอยู่บนประวัติอาการป่วยมีจำนวนมาก ทำไมคุณถึงกัดไม่ยอมปล่อยว่าเป็นเหม่ยทงที่ทำให้สถานการณ์ของสามีคุณนับวันยิ่งรุนแรงขึ้น?”

“ก็เป็นเพราะสามีของฉันใช้เหม่ยทงถึงได้ปรากฏอาการเช่นนี้ออกมา ผู้ป่วยคนอื่นๆก็เหมือนกัน!”

ที่มาถึงที่นี่ยังมีผู้ป่วยอีกสองรายที่ใช้เหม่ยทงเช่นเดียวกัน เวินจิ้งกำลังจะเอ่ยปาก เสี้ยวหงก็ได้เอ่ยปากขี้นก่อนแล้ว “เกี่ยวกับอาการของผู้ป่วยสองสามท่านนี้ แทนที่จะใส่ร้ายโดยที่ไม่มีหลักฐานเลยแม้แต่น้อยอยู่ที่นี่ สู้ไปตรวจสอบว่ายาอะไรกันแน่ที่ส่งผลกระทบต่อความผิดปกติของร่างกายให้เร็วที่สุดยังจะดีกว่า การทดลองหลายต่อหลายครั้งพิสูจน์ว่า เหม่ยทงยาตัวนี้ไม่ได้มีส่วนประกอบที่ส่งผลให้ส่วนของใบหน้าใดๆแข็งทื่อ นี่คือการวิเคราะห์ที่เป็นรูปธรรมของเหม่ยทงยาตัวนี้”

เสี้ยวหงให้เลขานำรายงานการวิเคราะห์จัดแสดงออกมาอีกครั้ง

และต่อมาเสี้ยวหงก็จัดการให้ผู้ป่วยทั้งสองสามรายไปทำการตรวจที่โรงพยาบาลในทันที ตลอดกระบวนการยุติธรรมโปร่งใส หากเป็นเพราะว่าใช้เหม่ยทงทำให้เกิดผลข้างเคียงที่ร้ายแรงจริงๆ เหม่ยทงจะหยุดการจำหน่ายในทันที

การรับประกันของเสี้ยวหงทำให้ผู้สื่อข่าวทั้งหลายได้รับความสบายใจขึ้นมาอย่างไม่ต้องสงสัย ทุกคนต่างก็ทยอยกันไปที่โรงพยาบาลรอคอยผลการตรวจ

กลับมาถึงห้องพักผ่อน บนโซฟา ชายหนุ่มสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวกางเกงสีดำกำลังดูข่าวบนแท็บเล็ตอย่างสง่างาม

“วี่สิง โชคดีที่แกเตือนเอาไว้ก่อน แต่ว่า แกรู้ได้ยังไงว่าจะมีคนมาก่อกวน?” ในวงการค้าเสี้ยวหงก็ฉลาดเฉียบแหลมมาโดยตลอด แต่ในคราวนี้ ถึงท้ายที่สุดก็ยังไม่มีความสามารถในการทำนายเหตุการณ์ล่วงหน้าได้

“ฉีเซินไม่ได้อยู่ในกรอบประเพณีมาโดยตลอด ฉันให้แกเปิดงานแถลงข่าว ก็เพื่ออยากจะลองหยั่งเชิงความคิดของเขา คราวนี้ปิดปากของนักข่าวเอาไว้ได้แล้ว ค่อยให้ทางฝ่ายประชาสัมพันธ์แบนผู้สื่อข่าวที่บิดเบือนความเป็นจริงไปทั่วเหล่านั้น ขจัดปัญหาที่จะตามมาในภายหลังอย่างถาวร” มู่วี่สิงเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าที่ไร้ความรู้สึก

“ก็ยังเป็นแกที่เข้าใจเขา เพียงแต่เรื่องของพวกแกสองคน มีสิทธิ์อะไรถึงเอาความหายนะถึงมาลงที่ฉัน?” เสี้ยวหงท่าทีแสร้งทำเป็นโกรธ

เขาคือคนที่ถูกมู่วี่สิงเชิญกลับมากุมอำนาจที่บริษัทการผลิตยาเทียนอี แต่ในความเป็นจริงถูกม้วนเข้าไปอยู่ในการทะเลาะเบาะแว้งบางอย่างตั้งนานแล้ว

“หรือว่าแกไม่อยากกลับมา?” มู่วี่สิงเลิกคิ้วขึ้น ริมฝีปากบางในที่สุดก็มีรอยยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย

“หากไม่ใช่แก ฉันอยู่ที่ต่างประเทศเป็นอิสระขนาดไหน” เสี้ยวหงพิงไปบนโซฟา สายตาค่อยๆปรากฏความเหงาออกมาเล็กน้อย

“ก็จริง ไม่แน่ตอนนี้ก็คงจะเริ่มต้นครอบครัวไปตั้งนานแล้ว ลูกก็คงจะมีแล้ว” มู่วี่สิงเอ่ยขึ้นอย่างเยาะเย้ย

เสี้ยวหงจ้องไปที่เขาแวบหนึ่ง “แกก็รู้ดีว่า ฉันไม่ได้ชอบเธอ”

“ดังนั้นอยู่ที่เมืองหนานเฉิงก็เลยหว่านเสน่ห์ไปทั่ว?”

คิดถึงคำพูดของเวินจิ้งขึ้นมา มู่วี่สิงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเบาๆ

“ชู่ว์ มีโอกาสก็เล่นสนุกเป็นบางครั้งบางคราวก็เท่านั้นเอง”

เพิ่งจะพูดออกไป โทรศัพท์มือถือของเสี้ยวหงก็ดังขึ้น เห็นเบอร์ที่โทรมา อารมณ์ที่นิ่งสงบภายในดวงตาของเขาก็ลนลานขึ้นมา

ในวินาทีที่รับสายโทรศัพท์นั้น เขาก็แทบจะวิ่งออกไปอย่างโซซัดโซเซในทันที

เวินจิ้งผ่านระเบียงทางเดิน เงาร่างที่ร้อนรนของเสี้ยวหงทำให้เธอขมวดคิ้วขึ้น เธอยังคิดถามเขาเรื่องของอั้ยเถียน

เพียงแต่ เอวกลับถูกแขนๆหนึ่งโอบรัดเอาไว้ มู่วี่สิงหมุนเธอเข้าไปไว้ข้างในอ้อมแขน

“ช่วงนี้จิตใจของคุณนายมู่ต่างก็ไม่ได้อยู่ที่ผมแล้ว?” เสียงของชายหนุ่มแฝงไปด้วยความอิจฉาเล็กน้อย

เวินจิ้งขมวดคิ้วขึ้น นี่ถึงได้หันหน้ากลับไป เอ่ยขึ้นอย่างอารมณ์ไม่ดีนัก “อั้ยเถียนขาดการติดต่อไปแล้ว คุณไม่ได้ขาดการติดต่อสักหน่อย”

“ผมขาดการติดต่อไป คุณจะเป็นห่วงผม?” มู่วี่สิงเชยคางของเธอขึ้น

เวินจิ้งหยุดชะงักไปชั่วขณะ หลบเลี่ยงสายตาที่เร่าร้อนของเขา “คนที่เป็นห่วงคุณมากมายขนาดนั้น ก็ไม่ได้ขาดฉันแค่คนเดียวสักหน่อย”

ความไม่พอใจบนใบหน้าของมู่วี่สิงปรากฏขึ้น ผู้หญิงคนนี้ รู้ดีจริงๆว่าจะยั่วให้เขาโกรธยังไง

แขนยาวผลักออก แผ่นหลังของเวินจิ้งชนไปบนกำแพงอย่างกะทันหัน เบื้องหน้า ใบหน้าอันหล่อเหลาที่บริสุทธิ์เยือกเย็นของชายหนุ่มเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ

“มู่วี่สิง…” เธอขมวดคิ้วขึ้น

นักข่าวที่อยู่ที่นี่มากมายขนาดนั้น ทำไมเขาถึงยังเข้ามาใกล้ขนาดนี้อีก…

สถานะทางสังคมของมู่วี่สิงในตอนนี้ยิ่งไม่เหมือนเดิมมาตั้งนานแล้ว หากถูกถ่ายเข้า ชีวิตที่สงบสุขของเธอก็อาจจะไม่มีแล้ว…

พอคิดเช่นนี้ เวินจิ้งก็ผลักมู่วี่สิงออกอย่างแรง แต่กลับดันยั่วให้เขาโกรธมากยิ่งขึ้น บีบคางเธอเอาไว้จากนั้นก็จูบลงไปอย่างรุนแรงในทันที

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท