บทที่210 คุณสำคัญกว่างาน
“เผด็จการ!”
เมื่อเดินออกจากออฟฟิศไป ลี่หนานเฉิงโดยนเอกสารทิ้งไป และกำลังโกรธมาก
“ช่างมันเถอะ ไม่ยุ่งกับนายแล้ว พวกเราจะไปกินข้าว”
“คุณลี่ ฉันกำลังรอให้มู่วี่สิงเลิกงานก่อน คุณไปกินคนเดียวเถอะ” เวินจิ้งก็เดินกลับไปออฟฟิศ
เธอรู้ตัวดีว่าเธอเป็นคนของใคร
แต่เมื่อเดินกลับเข้าไปในออฟฟิศ มุ่งหน้าเข้าไปก็ชนเข้ากับอ้อมกอดอย่างแรง ไหล่ของเธอเริ่มโค้งงอ ใบหน้าของเธอก็เริ่มซีดด้วยความปวด
“มู่วี่สิง” เธอบ่นและเงยหน้าขึ้น
ดวงตาที่ลึกล้ำและดำสนิทของผู้ชายคนนั้นยากเกินกว่าจะเปิดออกมาได้ โอบอุ้มเวินจิ้งไว้ ให้อยู่ในความครอบครอง
ลี่หนานเฉิงโกรธจนออกไปนานแล้ว ตอนนี้บนชั้นนี้มีเพียงออฟฟิศของมู่วี่สิง ที่ตอนนี้เงียบๆอยู่ลำพัง
ไหล่ของเวินจิ้งถูกบีบจนรู้สึกเจ็บ อดไม่ได้ที่จะผลักเขาออกไป
มู่วี่สิงผลักเธอไปที่กำแพง ร่างที่สูงใหญ่ของเขาได้ปรากฏขึ้น บีบมาที่คางของเธอและพูดด้วยเสียงที่ต่ำ “คุณนายมู่ ใครเป็นสามีของคุณ ฮื้ม”
“คุณไง” เวินจิ้งจะคิดหรือไม่ก็รีบตอบอย่างรวดเร็ว
“ลี่หนานเฉิงหละ” เขาถามอีก แต่ครั้งนี้น้ำเสียงของเขาเพิ่มความน่ากลัวเข้าไปมาก
หัวใจของเวินจิ้เต้นผิดจังหวะ ลี่หนานเฉิงเหรอ
เดิมแล้วเธอเป็นคนให้เขามาเป็นเพื่อนกับมู่วี่สิง ตอนหลังกลายมาเป็นเจ้านายของเธอ
ดังนั้นสำหรับลี่หนานเฉิงนั้น เธอเคารพและให้เกียรติเขา
“เขา………เจ้านาย” เวินจิ้งพูดช้าๆและเงียบๆ
สายตาของมู่วี่สิงนั้นลึกล้ำและน่ากลัว
“คราวหลังไม่ต้องไปสนใจเขา” มู่วี่สิงพูดด้วยเสียงลุ่มลึก
“เขาเป็นเพื่อนของคุณ แล้วก็เป็นห่วงคุณมากด้วย” เวินจิ้งอดจะพูดไม่ได้
ไม่อย่างนั้นวันนี้คงจะไม่รีบไปรับเธอมาที่นี่
“ผมต้องการความเป็นห่วงของคุณเท่านั้น” มู่วี่สิงพูดจบก็ก้มลงจูบบนปากของเวินจิ้ง
เวินจิ้งไม่ทันจะเรียกสติคืนมา ตอนนี้ริมฝีปากของเธอก็ค่อยๆเปิดรับลมหายใจที่คุ้นเคย มู่วี่สิงรู้สึกหงุดหงิดแต่ก็ทนไม่ได้ที่จะจูบเธอ
เมื่อคิดขึ้นได้ว่าที่นี่เป็นออฟฟิศ ก็ยิ่งทำให้เวินจิ้งรู้สึกต่อต้านมากขึ้น
แต่เธอผลักเขาไม่ออก ยังคงอยู่ในอ้อมกอดของมู่วี่สิง ตอนนี้เธอเริ่มจ้องมองเขาอย่างหายใจไม่ออก
มู่วี่สิงเริ่มมีรอยยิ้มี่มุมปาก ครั้งนี้เขาถามเธอ”คุณหิวมั้ย”
เวินจิ้งพยักหน้า จริงๆเธอหิวตั้งนานแล้ว
ตอนนี้ เขาคงจะหายโมโหแล้วสินะ
เวินจิ้งเริ่มขยับไปจับแขนของมู่วี่สิง นิ่งไปครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้น “พรุ่งนี้ฉันต้องไปบ้านของอั้ยเถียนแล้ว อีกสักสัปดาห์ถึงจะกลับ”
สีหน้าของมู่วี่สิงไม่ได้เปลี่ยนแปลง แต่เขายังตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
เวินจิ้งยังรู้สึกไม่สบายใจอยู่เล็กน้อย ตอนนี้เธอยิ่งไม่เข้าใจความคิดของมู่วี่สิงเลย
เขาคนนี้ เป็นคนที่คาดเดาอะไรยากมาแต่ไหนแต่ไร
“ผมจะจัดบอดี้การ์ดไว้ปกป้องคุณ ต้องระวังตัวดีๆนะ ฮึ้ม” เขาเร่งเร้า
“รู้แล้ว”
“ฉันไม่วางใจ” มู่วี่สิงขมวดคิ้วแน่น
หลายครั้งแล้วที่เกิดเรื่องกับเวินจิ้ง โดยที่ไม่มีเขาอยู่ข้างกาย
เวินจิ้งก้มศีรษะลงด้วยความรำคาญ มู่วี่สิงคงต้องการไปด้วยกันกับเธอสินะ
บนการ์ดเชิญของอั้ยเถียนเขียนเชื่อของมู่วี่สิงไว้ด้วย
เพียงแต่ตระกูลอั้ย อยู่ที่ประเทศ B แถมยังเป็นพวกไฮโซมหาเศรษฐี ออกโรงจัดงานแต่งทั้งทีคนไม่น้อยแน่นอน ถ้าเธอและมู่วี่สิงไปปรากฏตัวด้วยกันที่นั่น ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็อาจเปิดเผยได้
“ฉันดูแลตัวเองได้แน่นอน”
“คุณคือคุณนายมู่ คนดูแลคุณต้องเป็นผม” มู่วี่สิงหันหัวไปพูดด้วยน้ำเสียงต่ำลุ่มลึก
เวินจิ้งรู้สึกใจสั่นเล็กน้อย คำพูดนี้ที่ก้องอยู่ในหูของเธอ มันคล้ายจะเป็นคำบอกรัก
เธอเงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจ ดวงตาของมู่วี่สิงตอนนี้มันเบิกโตทำให้เธอหลงใหลสิ้นดี
“จากนี้ไปผมจะอยู่ข้างกายคุณตลอด เข้าใจมั้ย”
เวินจิ้งนิ่งไปสักพัก ค่อยๆยกมือของเธอขึ้นอย่างตั้งใจ แล้วค่อยๆกอดมู่วี่สิง
ถ้าเขาเป็นยาพิษจริงๆ เธอก็ไม่คิดจะเลิกรา
“งั้น คุณไปกับฉันได้เหรอ” เวินจิ้งถาม
“อื้ม”
“ฉันกลัวมันจะไปรบกวนงานของคุณ” เวินจิ้งกัดริมฝีปากแล้วพูดไปอย่างลังเล
“คุณสำคัญกว่างาน”
คุณสำคัญกว่างาน
รับประทานอาหารเรียบร้อยก็กลับไปยังการ์เด้นมูเจียวาน ในหัวของเวินจิ้งตอนนี้คิดถึงคำพูดของมู่วี่สิง
ชื่อเรียกของเธอว่า คุณนายมู่ มันทำให้รู้สึกเคลิ้มอยู่ไม่น้อย
หรือว่า มู่วี่สิงจะทำแบบนี้กับทุกคน
ไม่สิ เขาไม่ได้ทำแบบนี้กับลู่หวั่น ……..
แต่ลู่หวั่นไม่ใช่ คุณนายมู่
ในขณะที่เก็บของ เวินจิ้งก็กำลังคุยกับอั้ยเถียนไปด้วย
“ถ้าให้ฉันเดานะ หมอมู่มากับเธอด้วยใช่มั้ย”
“เธอเดาถูกได้ยังไง ทีแรกฉันไม่ได้ให้เขาไปด้วยกันหรอก” เวินจิ้งขมวดคิ้ว
“อื้ม หมอมู่เขาไม่ยอมแยกห่างจากเธอหรอก เขาชอบเธอมากขนาดนั้น”
“เขาชอบฉันที่ไหน”
“ฉันรู้สึกได้ เขาชอบเธอ เชื่อสายตาฉันสิ ไม่มีทางดูผิดแน่” อั้ยเถียนมั่นใจในตัวเองมาก
ท่าทีของหมอมู่ที่มีต่อเธอนั้นแตกต่างกับท่าทีต่อคนอื่นราวฟ้ากับดิน
“เธอลองมองไปที่แววตาของผู้ชายคนนั้นสิ ฉันนี้ยังสงสัยในท่าทีของเขา”
“ฉันลองดูมาสองครั้งแล้ว เวินจิ้ง คนเรามันจะฝืนไปถึงครั้งที่สามไม่ได้หรอก!” อั้ยเถียนแย้งเธอ
“ฉันก็หวังเช่นนั้น แต่วันนี้ตอนฉันไปขอลาเสี้ยวหง พอเขารู้ว่าเธอจะแต่งงาน เขาฝากแสดงความยินดีมา”
อั้ยเถียนเงียบไปสักพัก แล้วพูดช้าๆ “ปล่อยผู้ชายเหี้ยๆไปเถอะ”
เวินจิ้งอุทานแล้วหัวเราะออกมา “ดูแล้วตอนนี้เธอมีสติมาก”
“แน่นอน ไม่ต้องพูดเรื่องฉันแล้ว เธอกับหมอมู่ตอนนี้ลงเอยกันรึยัง”
“ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเราจะไปมีอะไรได้” ใบหน้าของเวินจิ้งเริ่มแดงเป็นประกาย
“ค่อยๆดูกันไป! พวกเธอสามัคคีในเรื่องนั้น ถูกมั้ย”
เวินจิ้ง ……..
“อย่าพูดเหลวไหล!”
เธอกับมู่วี่สิง ก็เป็นเรื่องปกติ ……..
ความต้องการของเขาในเรื่องนั้นมีมากมหาศาล ทุกครั้งเธออยากฝืนใจตัวเอง แต่ก็ถูกเขากินเรียบทุกที
ทำไมเธอถึงเชื่อฟังเขาอย่างง่ายดาย
เวินจิ้งขมวดคิ้วด้วยความอับอาย เธอรู้ดีว่าความสัมพันธ์ของเธอกับมู่วี่สิงในตอนนี้ซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ
“ฉันหละเป็นห่วงเธอจริงๆ ช่วงนี้ฉืออี้เหิงไม่ได้เป็นปีศาจร้ายใช่มั้ย เธอรับผิดชอบเรื่องของบริษัทโป๋ทงกรุ๊ป คงต้องรบกับเขาไม่น้อย”
“ระยะนี้ยอดขายของเหม่ยทง ไม่น่าพอใจมากๆ ตอนนี้บริษัทการผลิตยาเทียนอีเป็นฝ่ายยกเลิกสัญญา” เวินจิ้งขมวดคิ้ว
“ยกเลิกสัญญาก็ดีแล้ว ไม่น่าไปร่วมมือกับบริษัทโป๋ทงกรุ๊ปตั้งแต่แรกแล้ว ไม่รู้เลยจริงๆว่าเสี้ยวหงคิดยังไง”
เมื่อพูดถึงบุคคลนี้ น้ำเสียงของอั้ยเถียนก็แปลกไป
เวินจิ้งฟังมันออก แต่ก็ไม่รู้จะปลอบใจเธออย่างไร
การแต่งงานที่รวดเร็วขนาดนี้ของอั้ยเถียน ต้องมีเหตุผลมาจากเสี้ยวหงแน่นอน ผู้ชายคนนั้น เป็นต้นเหตุที่ทำให้อั้ยเถียนต้องเจ็บปวดจนไม่สามารถกลับมาเหมือนเดิมได้
วันถัดมา เวินจิ้งเพิ่งจะรู้ว่าตั๋วเครื่องบินของเธอถูกยกเลิกไปแล้ว เลยต้องนั่งเครื่องบินส่วนตัวของมู่วี่สิง
หลังจากที่ได้นั่งมาแล้วครั้งก่อน เวินจิ้งเริ่มที่จะคุ้นกับมันแล้ว มู่วี่สิงกำลังทำงานของเขา ส่วนเวินจิ้งก็นั่งอ่านหนังสือของเธอ
เมื่อลงจากเครื่องบิน โทรศัพท์ของเวินจิ้งดังขึ้น เป็นสายที่ไม่รู้จัก
“เสี่ยวจิ้ง ฉันเองคุณนายฉี” เสียงอันอ่อนโยนของหลินเวยพูดขึ้นมา
“คุณนายฉี ตอนนี้ร่างกายคุณดีขึ้นบ้างหรือยัง” เวินจิ้งถามด้วยความกังวล
“วันนี้ออกจากโรงพยาบาลแล้ว ฉันคิดถึงเธอ”
เวินจิ้งยิ้ม “คุณนายฉี รอให้ฉันว่างเดี๋ยวฉันจะไปเยี่ยมคุณ”
“ช่วงนี้เธอยุ่งกับอะไรเหรอ” หลินเวยถาม
“วันนี้ฉันไปร่วมงานแต่งของเพื่อนที่ประเทศ B”
“ฉีเซินก็ไปประเทศB และก็ไปวันนี้เหมือนกัน”
ฉีเซิน ………
เวินจิ้งขมวดคิ้ว หรือว่าเขาจะมางานแต่งงานของอั้ยเถียนเหมือนกัน
เมื่อนึกถึงสถานะของตระกูลอั้ย ก็อาจจะมีความเป็นไปได้
เมื่อวางสายโทรศัพท์ เงยหน้าขึ้นเบาๆเผชิญหน้ากับดวงตาอันลึกล้ำของมู่วี่สิง เขาถามอย่างเฉยเมย “แม่ของเธอกับคุณนายฉีเป็นอะไรกัน”
“เป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน รู้จักกันเมื่อหลายปีก่อน”
“ก่อนเธอเกิดเหรอ” มู่วี่สิงถามอีก
เวินจิ้งขมวดคิ้ว นี่คือ……….แม่ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป