บทที่ 233 คนเรียนเก่งก็คือคนเรียนเก่ง
“คุณลี่จะไม่ทำร้ายซูยินใช่ไหม?”
“เขาไม่กล้า”
“เรื่องของพวกเขา คุณรู้เหรอ?” เวินจิ้งถามอย่างสงสัย
เธอไม่ชอบสมานรอบแผลของคนอื่น ดังนั้นไม่ได้ถามซูยินมาโดยตลอด
อย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์ของมู่วี่สิงกับพวกเขาแน่นแฟ้นขนาดนี้ คิดว่าควรจะรู้
“ซูยินกับหนานเฉิงเป็นเพื่อนที่ดีที่สุด แต่ว่า ตระกูลลี่ไม่มีทางยอมรับซูยิน”
“ตระกูลี่?”
เวินจิ้งไม่รู้เบื้องหลังของลี่หนานเฉิง แต่เมื่อคิดแล้วก็คงไม่ง่าย
…
ในวันที่ซูยินออกจากหนานเฉิง เวินจิ้งไปอำลา เพราะมู่วี่สิงต้องประชุมเพียงแค่มาส่งเธอ
ซูยินเดินทางมาตลอดทั้งปี เธอไม่เคยมีที่อยู่เป็นหลักเป็นแหล่ง ช่วงหลายปีมานี้ได้เดินทางไปสถานที่ต่างๆมากมายทั้งในประเทศและต่างประเทศ เคยชินกับชีวิตแบบนี้ตั้งนานแล้ว
“คุณเสี้ยงล่ะ?” นานแล้วที่ไม่ได้เจอเสี้ยงหง เวินจิ้งถาม
“เขาไปดึกหน่อย คิดว่าคงจะไปหาความรักแล้ว” ซูยินยิ้ม
“ข้างกายเขาไม่เคยขาดผู้หญิง” เวินจิ้งขมวดคิ้ว
“ช่วงนี้เหมือนว่าเขาก็ไม่มีข่าวคราวดอกไม้ริมทาง ฉันรู้สึกว่าแปลกมาก”
ถึงเวลาเช็คอินแล้ว ซูยินชะลอฝีเท้า มองออกไปข้างนอกเป็นครั้งคราว
แต่ว่า สุดท้ายคนนั้นก็ไม่มา
เวินจิ้งมองเห็นความผิดหวังในแววตาของเธอ ทำได้เพียงโอบกอดเธอ “เดินทางปลอดภัย”
หลังออกจากสนามบิน เดิมเวินจิ้งจะกลับการ์เด้นเจียวาน แต่เพราะคดีของมหาวิทยาลัยหนานเฉิงใกล้เปิดศาลแล้ว เธอไปที่สถานีตำรวจเพื่อยืนยันปากคำ
สามวันต่อมาเธอก็ต้องไปขึ้นศาลเพื่อเป็นพยาน
เมื่ออกจากสถานีตำรวจ ฉืออี้เหิงก็อยู่ข้างนอก เขาถูกจับกุม
เมื่อเห็นเวินจิ้ง ฉืออี้เหิงเผยสายตาเกลียดชังออกมา
สายตานั้นทำให้เวินจิ้งนิ่งอึ้งอยู่นาน
เมื่อครู่เธอเห็นการสอบสวนคดีทั้งหมดแล้ว ฉินเฟยสารภาพว่าฉืออี้เหิง เป็นหนึ่งในผู้ร้ายที่ล้อมกรอบเธอเมื่อปีที่ผ่านมา
ดังนั้นได้ทายไว้ตั้งนานแล้ว แต่ว่าความจริงข้อนี้ก็ยังทำให้เธอยอมรับไม่ได้ซักพัก
ตอนนั้นเธอได้เลิกรากับฉืออี้เหิงได้ไม่นาน ในเวลานั้นเขา…เกลียดเธอจนถึงต้องล้อมกรอบทำร้ายเธอเหรอ?
นั่งเข้าไปในรถ เวินจิ้งเงียบลงเยอะมาก ในวันนี้ได้ตรวจสอบเรื่องทั้งหมดแล้ว แต่ก็ยังไม่โล่งใจ
“คุณหญิงครับ จะกลับบ้านตอนนี้เลยไหมครับ?” คนขับถามเธอ
เวินจิ้งเรียกสติกลับมา “ไปถนนอันหนิง”
ครั้งล่าสุดเธอกับคุณแม่ไม่พอใจกันเรื่องที่พูดคุยกันถึงการสอบเข้าปริญญาโท แต่เธอเป็นแม่ของเธอ เวินจิ้งจึงไม่ได้โกรธ
เจี่ยนอีเป็นคนโกรธง่ายหายเร็ว เมื่อเห็นเวินจิ้ง อารมณ์ก็สงบลงมาก
แต่เมื่อนึกถึงความแน่วแน่ของเธอ ก็เป็นห่วง
“ลูกสาว เนื่องจากแกอยากไปเรียน แม่ก็จะไม่คัดค้านแล้ว แต่ว่าเรื่องการมีลูก แกจะต้องตั้งใจ” เจี่ยนอีพึมพำ
เวินจิ้งสีหน้าไม่ปกติ และตอบกลับไป “ฉันรู้แล้ว”
“แกอย่ารับปากเรื่อยเปื่อย”เจี่ยนอีรู้นิสัยของเวินจิ้งดี “ภายในหนึ่งปี ต้องมีความเคลื่อนไหว”
เวินจิ้งรู้สึกศีรษะชาอยู่พักหนึ่ง แม้จะผ่านไปห้าปีสิบปี ก็คาดว่าไม่มีความเคลื่อนไหว
“แม่ ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติดีกว่า” เวินจิ้งพูด
“หากไม่ได้ ฉันพาแกไปตรวจที่โรงพยาบาล หากมีโรคอะไร ต้องบอกแม่ ฉันจะหาวิธีรักษาแกให้หาย”
เวินจิ้ง: …
ทานอาหารค่ำเสร็จเวินจิ้งถึงออกไป เจี่ยนอีพูดแต่เรื่องการมีลูกทั้งคืน เวินจิ้งรู้สึกลำบากใจจริงๆ
หากคลอดลูกออกมาจริงๆ ความสัมพันธ์ของเธอกับมู่วี่สิงจะทำยังไง?
หลังจากแต่งงานแล้ว ก็ยังมีปัญหาอื่นอีกมากมาย
ตอนนี้เธอเพิ่งคิดได้
ตอนแรกที่ตัวเองแต่งงาน ดูเหมือนจเร่งรีบเกินไปจริง
เมื่อกลับมาถึงการ์เด้นเจียวาน ในไม่ช้ามู่วี่สิงก็กลับมาแล้ว
เวินจิ้งทบทวนอยู่ที่ห้องหนังสือ แต่สามปีแล้วที่เธอไม่ได้สัมผัสกับความรู้นี้ กลับไม่คุ้นเคยแล้ว
ตอนนี้เมื่อได้ทบทวนรู้สึกยากเล็กน้อย
กัดหัวปากกา เวินจิ้งโน้มตัวลง ดูการเรียนการสอนออนไลน์ซ้ำไปซ้ำมา ก็ยังงง
เมื่อมู่วี่สิงกลับมาถึง มองเห็นภาพตรงหน้า
เวินจิ้งสวมใส่ชุดนอน เกาหัวไปมา อย่างหงุดหงิด
เขาเดินไป หยิบหนังสือในมือของเวินจิ้ง
“ไม่เข้าใจตรงไหน?”
เวินจิ้งสายตาเป็นประกาย มองไปที่มู่วี่สิง
ใช่สิ ข้างกายเธอมีคนเรียนเก่งอยู่ทั้งคน
เธอลืมไปได้ยังไง!
เธอรีบชี้หัวข้อให้เขาดู สรุป มู่วี่สิงดูเหมือนไม่ได้ใช้ความคิดเลย
เขียนคำตอบอย่างละเอียดลงไป มู่วี่สิงวิเคราะห์คำตอบอีกครั้ง ตามวิธีของเขาแล้ว คำถามประเภทเดียวกันได้คำตอบแล้ว
คนเรียนเก่งก็คือคนเรียนเก่ง!
เวินจิ้งสายตาเป็นประกาย กอดขาของมู่วี่สิงไว้ “ฮือฮือ มู่วี่สิงทำไมคุณสุดยอดแบบนี้!”
ผู้ชายคนนี้เผยความรักออกมาจากสายตา เชยคางของเวินจิ้งขึ้นมา “ไอคิวสูง ตั้งแต่เกิด ช่วยไม่ได้”
จึจึ น้ำเสียงภาคภูมิใจ ทำให้คนอิจฉาจริงๆ!
“งั้นคนเรียนเก่ง มาเป็นครูให้ฉันหน่อย?” เวินจิ้งน้ำเสียงนุ่มนวล
แต่ว่าปกติแล้วมู่วี่สิงก็ยุ่งมากแล้ว คิดว่าคงแยกเวลาออกมาไม่ได้
คิดว่าเขาจะปฏิเสธ เวินจิ้งได้เตรียมตัวกับความผิดหวัง
แต่มู่วี่สิงพยักหน้า “ฉันจะเป็นครูให้ คุณหญิงมู่คิดว่าจะให้เงินเดือนฉันยังไง?”
เงินเดือน?
เวินจิ้งกัดริมฝีปาก คิดดูแล้วเงินที่ใช้จ่ายตอนนี้ก็เป็นเงินของมู่วี่สิง จะจ่ายเงินเดือนให้เขาได้อย่างไร
“หรือไม่ ฉันทำอาหารให้คุณทุกวัน?” เวินจิ้งถาม
ดูเหมือนว่าเธอจะคิดได้แค่นี้แล้ว
ดวงตาของมู่วี่สิงเผยความไม่พอใจออกมา
ในระหว่างใช้ความคิด มู่วี่สิงอุ้มเธอไปที่โซฟาทันที ร่างที่ยาวของเขากดทับลง ดวงตาสีดำร้อนแรง
มีบางอย่างในใจของเวินจิ้ง โพล่งถามออกมา “หรือว่าคุณต้องการให้ฉันเอาเนื้อเข้าแลก?”
เมื่อพูดจบ แก้มของเธอก็แดงก่ำ
หลังจากแต่งงานกับมู่วี่สิง รู้สึกว่าเธอไม่ค่อยไร้เดียงสาแล้ว
ได้ยินอย่างนี้ มู่วี่สิงพึงพอใจแล้วพูดว่า “ฟังคุณหญิงมู่”
สิ้นคำพูด ริมฝีปากถูกเขาปิดสนิท…
เวินจิ้งต่อสู้อย่างอดหลับอดนอนต่อเนื่อง
มู่วี่สิงก็จัดการกับธุรกิจในห้องหนังสือ โต๊ะของทั้งสองคือตรงข้ามกัน แค่เวินจิ้งเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นมู่วี่สิง
ภายใต้แสงที่นุ่มนวล ผู้ชายหล่อเหลาทำให้น่าดึงดูดยิ่งนัก
เขานั่งตรงหน้าเธอ ไม่รู้ว่าตัวเองน่ามองขนาดไหน?
เวินจิ้งมองเขาอย่างว้าวุ่นใจ และเป็นทุกข์เล็กน้อย
เดิมคือดูหัวข้อ และได้กลายเป็นท่าทางของมู่วี่สิง
ทันใดนั้น สายตาของมู่วี่สิงได้มองมา เวินจิ้งสบตาเข้ากับเขา
“แอบดูฉันอยู่เหรอ?” มู่วี่สิงเลิกคิ้ว
“คุณก็อยู่ตรงหน้าฉัน เป็นการมองแบบโจ่งแจ้ง!” เวินจิ้งโต้
“ทบทวนดีๆ ไม่อนุญาตให้มองแล้ว” มู่วี่สิงมอง ใบหน้าจริงจัง
“งั้นคุณก็ย้ายที่ ฉันไม่อยากฟุ้งซ่านเมื่อเงยหน้าขี้นมา” เวินจิ้งพึมพำ
มู่วี่สิงขมวดคิ้ว จากนั้นก็นั่งลงข้างๆเธอ แต่ก็มีช่องว่างระหว่างทั้งสองคน
ในที่สุดเวินจิ้งก็มีสมาธิมากขึ้น แต่ไม่นานก็พบปัญหา
เธอมองมู่วี่สิง
ผู้ชายยกริมฝีปากบาง ยกคางหาเธอ
“อะไร?”
“จูบฉัน”
เวินจิ้ง: …
มู่วี่สิงมองคนจำศีล เมื่อพูดคำนี้ออกมา เวินจิ้งหัวเราะออกมาทันที
“ไม่อนุญาตให้ทำเป็นเล่น”
สูดลมหายใจ เวินจิ้งหอมแก้มขอฝมู่วี่สิง
แต่กลับถูกเขากอดคอไว้อย่างไม่พึงพอใจ และนั่งไปตรงหน้าของเขา แล้วหยุดอยู่ที่โต๊ะจูบอย่างลึกซึ้ง