บทที่ 236 เขาหลังให้เธอไม่รู้ไปตลอดชีวิต
เวินจิ้งอึ้ง ใบหน้าของเขาซีดลงทันที
สิ่งที่เวินโม่พูดเธอพยายามทำความเข้าใจ
ความคิดนี้ไม่เคยอยู่ในหัวสมองของเธอ ทั้งตัวของเธอสั่นคลอน
เป็นไปไม่ได้…
“ต้องดูความคิดเห็นของเวินจิ้ง เรื่องนี้ ฉันไม่รู้จะพูดกับเธอยังไงดี”
“ถ้าหากเธอทำใจพูดไม่ได้ ฉันเป็นคนพูดเอง” เวินโม่กุมมือของเจี่ยนอีไว้
เวินจิ้งยืนแข็งอยู่นาน มู่วี่สิงที่อยู่ได้หลังก็ได้ยินเหมือนกันโอบกอดเธอไว้ ถามเสียงเบาว่า “ให้ฉันพาเธอออกไปข้างนอกก่อนไหม?”
เวินจิ้งกลับส่ายหัว ผลักประตูห้องผู้ป่วย
สายตาของเวินโม่และเจี่ยนอีมองมาที่เธอพร้อมกัน
เวินจิ้งเดินเข้าไปทีละก้าว มองสายตาของเจี่ยนอี ที่กลายเป็นคนแปลกหน้า
“แม่ พวกคุณกำลังพูดอะไรกันอยู่?” ในคำพูดมีเสียงสั่นคลอนอย่างอดไม่ได้
เจี่ยนอีเผยสีหน้าความเจ็บปวดออกมา ทันใดนั้นน้ำตาก็หลั่งไหลลงมา
เวินโม่ตบไหล่ของเธอเบาๆ และลุกขึ้นยืน “เวินจิ้ง เธอได้ยินหมดแล้ว?”
“ใช่ค่ะ”
“เวินโม่ คุณออกไปก่อน”
ไม่นาน ในห้องผู้ป่วยก็มีเพียงเวินจิ้งและเจี่ยนอี
“แม่ ไม่ แม่ฉันเป็นใคร?” ความจริงเมื่อครู่เวินจิ้งก็ได้ยินแล้ว
เพียงแต่เธอไม่แน่ใจ ไม่กล้าเชื่อ
หลินเวย?
เป็นแม่ของฉีเซิน
เธอจำได้ตอนที่หลินเวยป่วยหนัก กรุ๊ปเลือดของเธอกับเธอเหมือนกัน ช่วยเธอไว้
ต่อมาหลินเวยใกล้ชิดสนิทสนมกับเธอมาก ดูเหมือนก็มีความใกล้ชิดสนิทสนมกับหลินเวยเช่นเดียวกัน
“เป็นคุณนายฉี เวินจิ้ง ขอโทษ” เจี่ยนอีถอนหายใจอย่างหนัก
เธอเคยคิดว่าจะบอกความจริงกับเวินจิ้งหลายครั้งแล้ว แต่คำพูดติดอยู่ตรงปาก ไม่กล้าพูดออกมา
ไม่อยากต้องจากกันกับเวินจิ้ง ยิ่งไม่อยากหลอกลวงเธอ
“แม่…แม่ของฉันก็คือคุณ ขอโทษ?” เวินจิ้งกุมมือของเจี่ยนอีไว้ ส่ายหัวตลอด
เธอไม่เชื่อ…แม่ที่เลี้ยงดูเธอมาตั้งแต่เด็ก สุดท้ายไม่ใช่คนที่สนิทใกล้ชิดของเธอ
เวินจิ้งสำลัก ความเจ็บปวดในใจกระจายออกไป
“เมื่อเธอรู้ความจริงแล้ว ฉันจะให้หลินเวยมารับเธอ เธอกลับไปอยู่กับเธอ ฉันก็วางใจแล้ว”
“ไม่ แม่ คุณเป็นแม่ของฉัน” เวินจิ้งพูดอย่างโกรธ เธอยังไม่สามารถยอมรับความจริงข้อนี้ได้
ตั้งแต่เล็กจนโต แม้ว่าที่บ้านจะไม่ได้ร่ำรวย แต่ชีวิตแบบนี้เรียบง่ายและมีความสุข เป็นช่วงเวลาที่เธอมีความสุขที่สุด
หรือว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมาเป็นเรื่องหลอกลวงทั้งหมดเหรอ?
“เป็นเธอที่ไม่ต้องการฉันเหรอ?” เมื่อสงบลง เวินจิ้งจึงถามอย่างสั่นคลอน
“เหตุผลโดยเฉพาะ หลินเวยจะบอกเธอเอง เวินจิ้ง ไม่ว่ายังไงเธอก็เป็นลูกสาวของฉันเสมอ…” เจี่ยนอีก็อดไม่ได้ร้องไห้ออกมา ยังไงก็เป็นเด็กที่ได้เลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เดิมทีควรจะกลับไปอยู่กับหลินเวยตั้งนานแล้ว เพราะความเห็นแก่ตัวของเธอ ที่หลอกลวงเธอมานาน
“คุณคือแม่ของฉัน และจะเป็นควมจริงที่ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงไปได้” เวินจิ้งพูดเงียบๆ
เมื่อออกจากห้องผู้ป่วย เวินจิ้งพิงกำแพง ความเย็นของร่างกายแผ่เข้ามา รู้สึกมุกข์ทรมานมาก
ความรู้สึกวิงเวียนหนักหัวสมอง เธอไม่สามารถรองรับได้จึงล้มลงไป
มู่วี่สิงพยุงเธออย่างกระวนกระวาย และอุ้มเธอขึ้นมา
กลางคืน เวินจิ้งตื่นจากอ้อมแขนของมู่วี่สิง สิ่งที่กระทบตาคือห้องนอนที่คุ้นเคย
ใบหน้าที่หล่อเหลาของผู้ชายอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล ความกังวลระหว่างคิ้วของเขาไม่สามารถเก็บซ่อนได้
“ฉัน…”
เธอกลับมาได้ยังไง?
เธออยู่โรงพยาบาลไม่ใช่เหรอ?
คำพูดของเจี่ยนอีราวกับยังดังก้องอยู่ข้างหู
เธอขดนิ้วของเธอทีละน้อย ร่างกายสั่นเล็กน้อย
“แม่ฉันล่ะ?” เธอถาม
“แม่ยังไม่ออกจากโรงพยาบาล พรุ่งนี้เธอก็ออกจากหน่นเฉิงแล้ว” มู่วี่สิงพูดเงียบๆ
นี่เป็นคำพูดที่เธอให้มาบอกกับเวินจิ้ง
ความสับสนปรากฏบนใบหน้าของเวินจิ้ง รีบลุกลงจากเตียง
มู่วี่สิงรีบจับตัวเธอไว้ในอ้อมแขน “เธอยังไม่ได้กินอะไรทั้งวัน ไปกินข้าวก่อน”
“ฉันอยากไปโรงพยาบาล” เวินจิ้งพูดด้วยความโกรธ
“กินข้าวเสร็จ ฉันไปกับเธอ” มู่วี่สิงทำหน้าจริงจัง น้ำเสียงแข็งแกร่ง
เวินจิ้งสู้แรงเขาไม่ไหว ได้เพียงลงไปห้องอาหาร
แต่ว่า ไม่อยากอาหารเลยสักนิด
“มู่วี่สิง คุณสามารถช่วยฉันตรวจสอบเรื่องนี้ให้ชัดเจนไหม?” เป็นเวลานาน เวินจิ้งเงยหน้าขึ้นมองเขา
ผู้ชายขมวดคิ้ว ใบหน้าเคร่งเครียด
ในหัวสมองของเวินจิ้งมีแสงวูบหนึ่ง เธอถามอย่างประหม่า “คุณรู้นานแล้วใช่ไหม”
มู่วี่สิงไม่พูดอะไร คอยแต่เงียบ
เธอวางตะเกียบลง ยิ้มกะทันหัน ที่แท้มีแต่เธอที่ไม่รู้
“คุณรู้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“ครึ่งเดือนก่อน”
มู่วี่สิงยื่นเอกสารให้เธอหนึ่งฉบับ
เวินจิ้งเห็นการตรวจสอบการเกิดของตัวเอง หลังจากหลินเวยคลอดเธอลงมาก็มอบให้เจี่ยนอีแล้ว
แม้ว่าตอนนี้คนของโรงพยาบาลไม่ได้อยู่ที่หนานเฉิงแล้ว
แต่มู่วี่สิงก็ได้ตรวจสอบพบรายละเอียดบางอย่างอยู่
แต่ไม่ทราบสาเหตุเฉพาะ
ทุกอย่างที่เกี่ยวกับหลินเวย ก็ยังตรวจสอบไม่ได้
หลังจากเธอแต่งเข้าไปตระกูลฉี สามีก็เสียชีวิตไม่นานแล้ว ต่อมาฉีเซินก็เข้ามามีอำนาจ หลินเวยก็ยิ่งตกต่ำลง
อย่างนั้น ทำไมหลินเวยต้องมอบเธอให้เจี่ยนอีเลี้ยงดู
“พรุ่งนี้ไฟล์บินของแม่กี่โมง”
“เก้าโมง”
“งั้นฉันจะไปส่งเธอ คืนนี้ก็ไม่ไปแล้ว” เวินจิ้งพูดอย่างเหนื่อยล้า
แม่รีบไปคงเพราะมีเธอเป็นเหตุ และเธอจำเป็นต้องใช้เวลาเพื่อยอมรับความจริงนี้
“พรุ่งนี้ฉันไปกับเธอ”
“ไม่จำเป็น บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปยุ่งมาก ฉันไปคนเดียวก็พอแล้ว” เวินจิ้งผลักเขาออก
แต่มู่วี่สิงกลับดึงเธอมาไว้ในอ้อมแขน ไม่ยอมให้เธอหลบหนี
“คุณหญิงมู่ เธอคนเดียวฉันไม่วางใจ” มู่วี่สิงขมวดคิ้ว น้ำเสียงเย็นชาเล็กน้อย
“ฉันไม่เป็นไร คุณไม่ต้องเสียเวลางานเพื่อฉันอีกแล้ว” เวินจิ้งพิงในอ้อมแขนของเขา
ช่วงเวลานี้ เธอลำบากมู่วี่สิงมามากแล้ว
“งานไม่สำคัญกว่าคุณหญิงมู่” มู่วี่สิงดวงตาเย็นชาลง
การต่อต้านของเวินจิ้งทำให้เขาไม่พอใจมาก
“ฉันจะไปทบทวนแล้ว”
เวินจิ้งผลักเขาออก แล้วกันเดินขึ้นไปชั้นบน
ความไม่พอใจของเขา มู่วี่สิงรับรู้ได้อย่างชัดเจน
เขารู้ เขาคิดว่ารู้ทุกสิ่งอย่างในชีวิตของเธอกลับไม่บอกเธอ
แต่ว่า เขาหวังตลอดชีวิต