บทที่ 238 ลิขิตไว้นานแล้ว
“ดูเหมือนว่า ความสัมพันธ์ของเธอกับมู่วี่สิงจะกลมกลืนกันมาก” คำพูดของฉีเซินความหมายประชดเล็กน้อย
เวินจิ้งฟังออก
“ในใจของฉัน เจี่ยนอีจะเป็นแม่ของฉันตลอดไป สำหรับคุณนายฉี ฉันอาจต้องใช้เวลาในการยอมรับ” เวินจิ้งพูดเสียงเบา
อย่างน้อยตอนนี้ เธอยังไม่รู้ต้องเผชิญหน้ากับหลินเวยอย่างไร
“ถ้าหากต้องการคลี่คลาย ฉันอยู่ตลอด” น้ำเสียงของฉีเซินอ่อนลงเล็กน้อย
“ขอบใจ ฉีเซิน”
สำหรับฉีเซิน เธอไม่เคยมีความรู้สึกที่มากไปกว่านี้
แต่เขาช่วยเธอหลายครั้ง เธอไม่เคยลืม
เมื่อฉีเซินจากไป มู่วี่สิงกลับมาพอดี
หน้าลิฟท์ ทั้งสองคนได้เผชิญหน้ากัน
“คุณฉีมาหาภรรยาของฉัน?” น้ำเสียงของมู่วี่สิงเย็นชา
“อืม คุณคงจะรู้ตัวตนของเธอ เธอเป็นคนในครอบครัวของฉัน”
“เธอตกลงแล้ว?” มู่วี่สิงขมวดคิ้ว
“ไม่ช้าก็เร็วเธอต้องตอบตกลง มู่วี่สิง เธอเป็นคนของตระกูลฉี” คำเตือนคำพูดของฉีเซินมีความหมายมาก
สีหน้าของมู่วี่สิงอ่อนโยน พูดอย่างเย็นชา “เธอเป็นภรรยาของฉัน ฉีเซิน นายจำไว้”
เมื่อกลับถึงบ้าน เวินจิ้งกำลังทำอาหารในห้องครัว
หลังจากลาออกเธอทำอาหารหลายครั้ง ก้าวหน้าขึ้น
“ทำไมวันนี้กลับมาเช้า?” เวินจิ้งมองเขาอย่างแปลกใจ
ปกติเวลาเลิกงานของมู่วี่สิงค่อนข้างดึก ดังนั้งเธอจึงทำอาหารดึกเป็นปกติ
“อืม อยากกลับมาเช้าเพื่อเจอเธอ” มู่วี่สิงโอบกอดเธอ คางเชยไว้บนหัวของเธอ น้ำเสียงเอ้อระเหย
เวินจิ้งยิ้ม “เห็นกันอยู่ทุกวัน”
“ยังไม่พออีกเหรอ”
เขาจับหน้าเธอหันมา จูบลงมา เธอดันเขาชิดกำแพง ยิ่งจูบยิ่งดูดดื่ม
เวินจิ้งต้านทานไว้ไม่อยู่ แต่ซุปที่เธอต้มกำลังจะเดือดล้นออกมา เธอทำได้เพียงผลักมู่วี่สิงออก
ใบหน้าของคนบางคนไม่พอใจ
“คุณอย่ามารบกวนฉัน ออกไปได้ไหม?”
จูบของมู่วี่สิงตกลงที่หลังคอของเธอ แบบนี้เธอจะทำอาหารได้อย่างไร?
“ฉันทำเอง เธอไปพักผ่อน”
“ฉันใกล้ทำเสร็จแล้ว คุณอย่ามาสร้างปัญหาให้ฉัน!”เวินจิ้งทำหน้า จริงจัง
มู่วี่สิงบีบจมูกเธออย่างหมั่นเขี้ยว แล้วแต่เธอ
ห้องรับแขก มือถือของเขาดังขึ้น เป็นสายจากเกาเชียน
“คุณมู่ เกี่ยวกับเรื่องของตระกูลหลิน ฉันได้ตรวจสอบแล้ว ได้ส่งเข้าที่เมล์ของคุณแล้ว”
มู่วี่สิงไปที่ห้องหนังสือ ตาดำมองลงไป
“คอยสังเกตการณ์ทางด้านตระกูลหลินไว้ให้ดี มีความเคลื่อนไหวรีบแจ้งฉัน”
“ฉันรู้แล้ว”
…
ช่วงระยะของการสอบยังมีสองเดือน เวินจิ้งอยู่ในขั้นการเตรียมสอบมาโดยตลอด มู่วี่สิงกลางคืนก็พยายามกลับมาเช้าเพื่อทบทวนให้เธอ
รากฐานของเธอไม่เลว แต่เธอออกจากโรงเรียนมาเกือบสี่ปี การเรียนรู้มีหลายจุดที่ต้แงเรียนใหม่
กลางคืน เธอได้รับสายจากซูยิน ช่วงนี้บริษัทผลิตยาเมียนอีรว่มมือกันกับบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป พรุ่งนี้เธอกลับมาหนานเฉิง อยากนัดเจอเวินจิ้ง
อยู่บ้านมาหลายวัน เวินจิ้งก็อยากผ่อนคลายบ้าง เลยตอบตกลง ทั้งสองคนนัดเจอกันในห้องสรรพสินค้าใจกลางเมือง
บริษัทผลิตยาเทียนอีตอนนี้เกือบจะแยกออกจากการดำเนินงานของบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป และพัฒนาอย่างราบรื่นในประเทศเอ
แต่เบื้องหลังนี้ขาดไม่ได้กับการลงทุนด้วยจำนวนเงินไม่น้อยของบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป
“เธอกลับมาแล้ว ลี่หนานเฉิงรู้ไหม?” เวินจิ้งถามอย่างเป็นห่วง
“ฉันแอบกลับมา แต่พรุ่งนี้ต้องไปบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป คิดว่าหลบเขาไม่ได้”
“คุณเสี้ยวก็กลับมาแล้วเหรอ?”
ซูยินส่ายหน้า “เขาเดินทางไปประเทศบีบ่อย ก็ไม่รู้กำลังทำอะไร ยังให้ฉันกลับมาคนเดียว”
“ประเทศบี?”
อั้ยเถียนก็อยู่ประเทศบี
เสี้ยงหงไม่ใช่เพราะความสัมพันธ์ของอั้ยเถียนแน่นอน เวินจิ้งคิด
“คุณเสี้ยงคงไม่ได้ตกหลุมรักใครเข้าแล้ว?” ซูยินพูดกะทันหัน
เวินจิ้งอึ้ง สีหน้าเปลี่ยน
“เมื่อก่อนเธออยู่เทียนอีมาหลายปี ไม่ได้ยินข่าวซุบซิบของเสี้ยงหงเหรอ? ฉันได้ยินลี่หนานเฉิงเคยพูด เสี้ยวหงมีผู้หญิงที่ชอบ เป็นคนของบริษัทผลิตยาเทียนอีรึเปล่า?”
เวินจิ้งเม้มปาก พยักหน้าช้าๆ
“เธอรู้สึกว่า คุณเสี้ยงกำลังยุ่งกับการตกหลุมรัก?”
ซูอินพยักหน้าอย่างมั่นใจ “ไม่อย่างนั้นทำไมเขาถึงมักไปประเทศบี ที่นั่นไม่มีธุรกิจอะไร”
“ดังนั้น ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครกัน?”
“เป็นเพื่อนที่ดีของฉันคนหนึ่ง แต่ว่าเธอได้แต่งงานแล้ว ฉันหวังว่าเสี้ยวหงอย่ามีความเกี่ยวพันกับเธออีก” เวินจิ้งพูดอย่างเสียใจ
แต่ความเป็นจริงไม่ใช่
“อะไรนะ? แต่งงานแล้ว? ตาบ้าเสี้ยงหงรนหาที่ตาย?” เสียงหน้าของซูยินเย็นชา “เมื่อก่อนเขาทำคู่หมั้นของเขาเหมือนอากาศและมักออกไปข้างนอกหาสาวๆ พอตอนนี้ คนที่ตัวเองชอบแต่งงานแล้ว ก็เป็นกรรม”
“การหมั้นของเขา ยกเลิกไม่ได้ไม่ใช่เหรอ?”
“ไม่ได้แน่นอน พวกเขานัดการแต่งงานมาตั้งแต่ตอนเด็กๆแล้ว เสี้ยงหงไม่สามารถตัดสินใจเองได้ คนในแวดวงอย่างพวกเรา ไมมีใครไม่โดนจับแต่งงาน นี่ก็เป็นความโศกเศร้าของพวกเรา “ซูยินพูดด้วยอารมณ์
และเธอได้ยอมรับความจริงข้อนี้ตั้งนานแล้ว
เพียงแต่ บางครั้งก็อยากจะสู้สักตั้ง แต่ผลลัพธ์กลับยิ่งทำให้คนเป็นทุกข์มากขึ้น
เวินจิ้งเงียบ สำหรับซูยินเป็นความเห็นอกเห็นใจ แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้
มองดูเธอกับลี่หนานเฉิงต่างก็รักต่างก็ทำร้าย กลัวว่าในอุปสรรค์เหล่านี้ พวกเขาเท่านั้นที่จะสามารถข้ามผ่านมันไปได้
“เธอก็ต้องสู้ อย่าท้อถอย” เวินจิ้งปลอบใจ
“ฉันชินตั้งนานแล้ว ฉันกับเขาไม่มีอนาคตร่วมกันได้” ซูยินพูดเงียบๆ
ผลลัพธ์ของเธอกับลี่หนานเฉิง ลิขิตไว้นานแล้ว
เมื่อกลับมาถึงการ์เด้นมู่เจียวาน เวินจิ้งส่งข้อความหาอั้ยเถียน
ช่วงระยะนี้พวกเธอยังคงติดต่อกันอยู่ แต่ก็ไม่เคยพูดถึงเรื่องของเสี้ยงหง
เมื่อนึกถึงคำพูดของซูยินในวันนี้ เวินจิ้งกังวลเล็กน้อย
ไม่นานอั้ยเถียนก็โทรเข้ามา
“จิ้งจิ้ง ฉันไม่อยากโกหกเธอ ช่วงนี้ฉันได้ไปเจอกับเสี้ยงหง”
“พวกเรา…”
“พวกเราก็แค่เพื่อนกันปกติ ฉันรู้สถานะของตัวเองดี”
“เถียนเถียน เธอรู้สึกเสียใจไหม?” เวินจิ้งถามเธอ
อั้ยเถียนเงียบ
เวินจิ้งกับเธอรู้จักกันมาหลายปี เข้าใจความรู้สึกของเธอได้อย่างรวดเร็ว
“ยังทัน แต่ว่าอย่าทำร้ายคนอื่นอีกเลย” เวินจิ้งพูดอย่างเป็นทุกข์
“ฉันรู้แล้ว เธอทบทวนดีๆล่ะ ไม่ต้องเป็นห่วง รอเธอสอบเสร็จต้องมาเที่ยวหาฉันให้ได้ รู้ไหม?”
“รู้แล้ว ถึงเวลานั้นฉันจะตามหลอกหลอนเธอ”
“มาสิมาสิ!”
ทั้งสองคนคุยกันได้สักพัก เวินจิ้งก็กลับไปทบทวนต่อ
เพียงช่วงนี้ตรวจสอบสถานการณ์ปัจจุบัน ได้ติดนิสัยในการดูข่าวทุกวัน
หนึ่งในข่าวนั้น “บริษัทฉินซื่อกรุ๊ปประสบความสำเร็จในการลดโทษของฉินเฟย และถูกปล่อยตัวออกมา” ข่าวติดตา
เธอนึกถึงคำพูดของฉีเซิน ตอนนี้ตระกูลฉินร่วงลงตั้งนานแล้ว จะมีอำนาจที่ไหนมาช่วยตระกูลฉินลดโทษ
หรือว่า ความจริงแล้ว…
เวินจิ้งส่ายหน้า เป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นมู่วี่สิง
เธอดูข่าวสารอย่างตั้งใจ แม้แต่รูปภาพก็ไม่เว้น
เหมือนว่าเธอจะดูเกือบทุกข่าวอย่างระมัดระวัง แล้วสายตาก็หยุดลงที่ภาพถ่ายภาพหนึ่ง รถที่ฉินเฟยขึ้นไปนั่งเป็นโรลส์รอยซ์คันหนึ่ง รูปภาพบนอินเตอร์เน็ตล้วนมองทะเบียนรถได้ไม่ชัดเจน เธอจึงหารูปภาพที่ชัดเจนกว่าบนอินเตอร์อีกครั้ง
ทะเบียนรถนี้ เธอเคยเห็น เคยเจอที่ลานจอดรถที่บ้านเก่าของตระกูลมู่ หัวใจของเธอเย็นวาบ