Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 263

ตอนที่ 263

บทที่ 263 อยู่ๆ ก็คิดถึงคุณ

รอบๆ มีนักศึกษาหลายคนเริ่มมุงเข้ามา ถ้าทำให้เรื่องมันใหญ่ขึ้นไม่มีผลดีต่อใครเลยทั้งนั้น

“ทุด มู่วี่สิง อย่าให้ฉันได้เห็นแกอีกล่ะ ฉันเคยบอกแล้ว เห็นแกหนึ่งครั้งก็ตีแกหนึ่งครั้ง!” เย่เฉียวพูดด้วยความร้ายกาจ

มู่วี่สิงสีหน้ายังคงเหมือนเดิม ตอนอยู่ต่อหน้าเวินจิ้งอ่อนโยนเหมือนปกติ

แต่ในดวงตาลึกๆ แล้ว กลับเป็นความเยือกเย็นที่ไม่สิ้นสุด

รถยนต์ค่อยๆ วิ่งออก เวินจิ้งยังวิตกกับการกระทำของเย่เฉียวเมื่อกี้อยู่

เหลือบไปมองเห็นหลังมือของมู่วี่สิงกำลังเลือดไหลอยู่ เธอจับมือเขาไว้อย่างกังวลมาก

“มู่วี่สิง คุณไม่ต้องขับรถแล้ว”

“ไม่เป็นไรนะ” มู่วี่สิงสีหน้าอ่อนโยนขึ้นมานิดหนึ่ง

“ฉันทำแผลให้คุณหน่อย เดี๋ยวให้ฉันขับรถนะ” เวินจิ้งเอ่ยพูด

แล้วเธอยังสังเกตได้ว่าอารมณ์ของมู่วี่สิงก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่

กลับมาถึงการ์เด้นมูเจียวาน มู่วี่สิงได้รับบาดเจ็บ เวินจิ้งให้เขานั่งรอดีๆ วันนี้เธอจะทำข้าวเย็นเอง

คนรับใช้ซื้อวัตถุดิบกลับมาแล้ว เวินจิ้งต้มซุปหนึ่งหม้อ เห็นมู่วี่สิงไม่ได้อยู่ในห้องรับแขก ต้องทำงานอยู่ในห้องอ่านหนังสืออีกแล้วแน่นอน

สักพักเกาเชียนก็ได้มารายงานเรื่องของบริษัทให้มู่วี่สิงรู้

เวินจิ้งยกซุปให้เขาถ้วยหนึ่ง

เกาเชียนรีบโบกมือ เขากล้าที่ไหน…

เวินจิ้งดูออกว่าทำไมเขาปฏิเสธ ยิ้มพูดว่า “ฉันกับมู่วี่สิงก็ดื่มไม่หมด คุณก็ช่วยหน่อยเถอะนะ”

ถึงจะพูดแบบนี้ เกาเชียนก็ยังไม่กล้าอยู่ดี…

เวินจิ้งขมวดคิ้ว คิดว่าน่าจะเพราะเกรงกลัวมู่วี่สิง

“คุณไม่ดื่ม แสดงว่าไม่ให้หน้าฉันคนนี้ที่เป็นคุณหญิงมู่ใช่ไหม” เวินจิ้งจงใจทำท่าทางโกรธ

เกาเชียนขนหัวลุก bossอยู่ในห้องอ่านหนังสือ ซุปถ้วยนี้ถ้าเขาไม่ดื่มเขาก็น่าจะเข้าไปไม่ได้แล้ว…

เห็นเกาเชียนในที่สุดก็ยอมแล้ว เวินจิ้งยิ้มอย่างพึงพอใจ ไปยุ่งในห้องครัวต่อแล้ว

สองคนคุยเรื่องงานเสร็จ ไม่นานเกาเชียนก็จากไปแล้ว

เมื่อมู่วี่สิงออกมาก็เห็นถ้วยซุปที่ว่างเปล่าอยู่บนโต๊ะอาหาร

“คุณหญิงมู่ดีกับลูกน้องมากเลยน้อ” ริมฝีปากบางของมู่วี่สิงมีรอยยิ้มด้วย

เวินจิ้งกำลังหั่นผักอยู่ พอได้ยินเสียงก็เหลือบตาขึ้นมา “อืม ยังไงเขาก็เป็นคนที่ทำงานให้คุณ แล้วคุณยังชอบทำหน้าดุอีกด้วย รู้สึกมีระยะห่างมากเลยอ่ะ”

เวินจิ้งหันหน้ามา เอามือขึ้นมาบีบหน้าหล่อของมู่วี่สิง

สมัยตอนที่มู่วี่สิงยังเป็นคุณหมออยู่ก็ไม่ชอบยิ้มอยู่แล้ว ตอนนี้เป็นbossแล้วก็ยิ่งเคร่งขรึมกว่าเดิม

ตอนทำหน้าจริงจังรู้สึกเคร่งเครียดแปลกๆ ยังไงไม่รู้

แต่วินาทีต่อมา มือกลับถูกมู่วี่สิงกุมไว้ เขาเม้มริมฝีปากบาง “ผมไม่ชอบคนอื่นมาเข้าใกล้ผม”

“แล้วฉันหรอ” เวินจิ้งเอ่ยปากพูดออกมา

“นอกจากคุณหญิงมู่” เขามองไปข้างล่าง ผลักเบาๆ เวินจิ้งก็ถูกเขาผลักไปที่ผนัง จากนั้นจูบอันเร่าร้อนก็กดลงมา…

ยังมีเวลาอีกหนึ่งเดือนก็ถึงวันแต่งงานแล้ว เมื่อเวินจิ้งมีเวลาว่างก็จะไปปราสาทโบราณหาคุณตา

ร่างกายของคุณตาไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เหลือเวลาอีกไม่เยอะแล้ว ทุกครั้งที่นึกถึงความจริงนี้ อารมณ์ของเวินจิ้งก็อ้างว้างมาก

ยังไงก็เป็นญาติของเธอ ถึงแม้ว่าเมื่อก่อนจะไม่มีโอกาสได้อยู่ด้วยกัน แต่เวลานี้ เธออยากจะอยู่กับคุณตาผ่านครึ่งปีสุดท้ายนี้

หลินเวยก็มาบ่อยมาก แต่ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับหลินเจิ้นไม่ใช่ดี ที่มาก็เพราะคุยเรื่องงานแต่งของเวินจิ้ง

รากฐานของบ้านตระกูลหลินอยู่นอกประเทศ หลายปีนี้ที่หลินเวยดูแลบริษัทหลินซื่อ อุตสาหกรรมก็ย้ายกลับมาหนานเฉิงเรื่อยๆ แล้ว

แต่ศูนย์กลางก็ยังคงอยู่นอกประเทศอยู่

เวินจิ้งไม่สนใจอุตสาหกรรมของบ้านตระกูลหลิน แต่หลินเวยก็จะบอกเลศให้ตลอด

“วันหลังทรัพย์สมบัติทั้งหมดของคุณตาก็จะตกเป็นของเธอ รวมทั้งบริษัทหลินซื่อ เสี่ยวจิ้ง ฉันรู้ว่าเธอเตรียมตัวจะเรียนปริญญาโทแล้ว แต่อีกกี่ปีข้างหน้า ฉันก็หวังว่าเธอจะเรียนรู้รับช่วงบริษัทหลินซื่อ” หลินเวยด้วยความปรารถนาอันลึกซึ้ง

เวินจิ้งตะลึง บริษัทหลินซื่อ…

เธอรู้สถานะและสถานการณ์ของตัวเองดี มีบางเรื่องที่มิอาจหลีกเลี่ยงได้

เธอไม่ใช่หลานสาวหนึ่งเดียวในบ้านตระกูลหลิน หลินเวยยังมีฉีเซินลูกอีกหนึ่งคน แต่ทำไมทรัพย์สมบัติของหลินเจิ้นแบ่งให้เธอแค่คนเดียว

เวินจิ้งสงสัยเลยเอ่ยปากถาม

สีหน้าของหลินเวยเปลี่ยนไป พูดอย่างลึกซึ้งว่า “ฉีเซินไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของฉัน”

“ตอนนั้นบ้านตระกูลฉีเพื่อที่จะให้ฉันสามารถครองบริษัทหลินซื่ออยู่ในมือ ก็เลยเอาลูกของสามีฉันและภรรยาเก่าของเขามาให้ฉันเลี้ยง”

“แม่ ฉีเซินรู้เรื่องไหม” เวินจิ้งขมวดคิ้วมุ่น

นึกถึงปกติฉีเซินจะเรียกเธอคำว่า “พี่สาว” ตลอดเวลา ยังเน้นย้ำความสัมพันธ์เป็นญาติกันของเธอสองคน เขาน่าจะไม่รู้ความจริงนี้

หลินเวยส่ายหัว “ฉันเชื่อว่าอีกไม่นานเขาก็จะสืบถึงเรื่องนี้เอง ฉันรับปากกับบ้านตระกูลฉีแล้วก็จะไม่กลับใจ เขาจะเป็นลูกชายของฉันตลอดไป”

เวินจิ้งเงียบกริบ เธอไม่ค่อยรู้จักกับบริษัทหลินซื่อเท่าไหร่ แต่เธอเลือกเรียนบัณฑิตวิทยาลัยด้านการแพทย์แล้ว การวางแผนอาชีพในอนาคตก็จะไม่เกี่ยวกับวงการค้าขายเลย

ส่วนหลินเวยก็รู้อยู่แล้วแน่นอน

“ตอนนี้เธอยังไม่ได้เริ่มเรียน เสี่ยวจิ้ง ฉันหวังว่าเธอจะพิจารณาให้ดี เธอคือหลานสาวเพียงคนเดียวของบ้านตระกูลหลิน แม่ก็ไม่อยากกดดันเธอ แต่นี่คือทางที่บ้านตระกูลหลินปูให้เธอเรียบร้อยแล้ว”

หลินเวยทานข้าวเที่ยงเสร็จก็ไปแล้ว คุณตากำลังตรวจร่างกายอยู่ เวินจิ้งนั่งอยู่ในห้องรับแขกคนเดียว

ในมือคือเอกสารทั้งหมดของบริษัทหลินซื่อ บริษัทหลินซื่อทำธุรกิจเกี่ยวกับการบริการทางการแพทย์ระดับสูง ซึ่งอุตสาหกรรมมีอยู่ทั่วโลก โดยเฉพาะพื้นที่นอกประเทศ

ในตอนนี้หลินเวยเป็นคนดูแลอุตสาหกรรมของหนานเฉิง ส่วนสายอุตสาหกรรมของนอกประเทศอยู่ในมือหลินเจิ้นทั้งหมด

แต่ในอนาคต เวินจิ้งจะเป็นคนรับช่วงต่อทั้งหมดนี้

ความกดดันบนไหล่อยู่ๆ ก็หนักขึ้นไม่น้อยเลยทีเดียว

ตลอดจนถึงตอนบ่าย สมองของเวินจิ้งก็เหมือนกับถูกผูกปมไว้อย่างนั้น ดูเวลา มู่วี่สิงยังไม่ได้เลิกงาน คิดถึงเขามาก…

ก็ไปที่บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปเองเลย

พนักงานแผนกต้อนรับส่วนหน้ารู้จักเธอ เวินจิ้งขึ้นไปที่ชั้นบนสุดอย่างราบรื่น

ตรงครึ่งทางลิฟต์หยุดที่ชั้นที่ยี่สิบสาม ลู่หวั่นเดินเข้ามาต่อหน้า

“คุณเวิน” ลู่หวั่นทักทายอย่างมารยาท

เวินจิ้งสีหน้าเฉยเมย รู้สึกไม่ค่อยพอใจสำหรับคำเรียกของเธอ

“มาหาประธานมู่หรอ” เธอถาม

“ก็ใช่สิ” เวินจิ้งยิ้มอ่อนๆ

“พอดีมากเลย ฉันก็เหมือนกัน”

ลู่หวั่นมาหามู่วี่สิงเพราะเรื่องงาน และก่อนหน้านี้ก็ได้จองร่วงหน้าแล้ว ก็เลยเข้าไปออฟฟิศก่อนแล้ว

เกาเชียนอยู่ข้างนอก พอเห็นเวินจิ้งก็เข้าไปหาอย่างเกรงกลัวเล็กน้อย “คุณหญิง ต้องรอสักครู่นะครับ”

“อืม” เวินจิ้งนั่งลงตรงที่นั่งทำงานเก่าของตัวเอง ไม่อยากรบกวนมู่วี่สิง

สำหรับเรื่องงานแต่งหลินเวยจัดการเรียบร้อยแล้วส่วนใหญ่ ชุดแต่งงานมู่วี่สิงเป็นคนจัดการ ส่วนเธอคนนี้ที่เป็นเจ้าสาวกลับไม่มีอะไรที่ต้องใส่ใจเลย

คุยโทรศัพท์กับอั้ยเถียนไปสักพัก แจ้งเรื่องงานแต่งให้เธอรู้ อั้ยเถียนตื่นเต้นมากเลย

“ในที่สุดคุณหมอมู่ก็ฉลาดขึ้นแล้วหรอ เสียดายที่ฉันแต่งงานแล้ว เป็นเพื่อนเจ้าสาวให้เธอไม่ได้”

“ก็เพราะว่าความต้องการของคุณตาเยอะไง เวลาของเขาก็มีไม่เยอะแล้ว ฉันก็ถือว่าสมความปรารถนาของเขา สำหรับมู่วี่สิง เขายอมทำตามฉัน ฉันก็รู้สึกอึ้งมากเหมือนกัน”

“คุณหมอมู่เขาชอบเธอไง ยอมแน่นอนอยู่แล้วแหละ”

“เขา…” เวินจิ้งขมวดคิ้วมุ่น “เพราะว่าฉันเป็นคุณหญิงมู่ก็แค่นั้นเอง”

“เธอก็อย่าคิดไปเรื่อยแล้ว เตรียมงานแต่งให้พร้อม แล้วการสอบปริญญาโทของเธอเป็นไงบ้างแล้ว” อั้ยเถียนถามด้วยความห่วงใย

“ผลสอบรอบที่สองพรุ่งนี้ก็ออกแล้ว น่าจะไม่มีปัญหา ฉันคิดว่าฉันทำได้ดีอยู่” เวินจิ้งพูดอย่างมั่นใจ

“ฉันก็เชื่อเธอเหมือนกัน ถึงเวลานั้นฉันไปหาเธอเรามาฉลองกันดีๆ เลย!”

วางสายลง ลู่หวั่นก็ออกมาจากออฟฟิศแล้วเหมือนกัน

เกาเชียนรีบเข้าไปทันที “ประธานมู่ครับ คุณหญิงมาแล้ว”

บนตารางงานอีกสักพักประธานมู่จะไปทำวิจัยกับลู่หวั่น แต่ตอนนี้เวินจิ้งมาแล้ว

“หืม?” มู่วี่สิงยักคิ้วอย่างคาดคิดไม่ถึง

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท