บทที่ 266 ผู้หญิงของผม สมควรได้รับสิ่งที่ดีที่สุด
ที่บ้านไม่มีคนรับใช้ แน่นอนว่าเวินจิ้งก็ไม่สามารถสวมใส่คนเดียวได้
เธอกอดมู่วี่สิงไว้อย่างตื่นเต้น พูดด้วยเสียงต่ำว่า “ชุดแต่งงานนี้สวยมากจนฉันไม่กล้าใส่เลยอ่ะ”
นี่คือมู่วี่สิงร่วมออกแบบเอง เศษเพชรทุกเม็ดล้วนเต็มด้วยความใส่ใจของเขา
เขาทำเพื่อเธอมากขนาดนี้ เป็นเพราะเธอคือคุณหญิงมู่แค่นี้เองจริงๆ หรอ
“ผู้หญิงของผม สมควรได้รับสิ่งที่ดีที่สุด หืม?” เขาประคองหน้าเธอขึ้นมา ในตาเต็มไปด้วยแสงประกายที่เร่าร้อน
ดึงดูดให้เธอตกหลุมเข้าไป
ดึงเสื้อเชิ้ตของมู่วี่สิง เธอเขย่งเท้าขึ้นมา จูบริมฝีปากอันที่เธอชอบ
เธอชอบลมหายใจของเขา ชอบกลิ่นของเขา ชอบเขาคนนี้ ชอบทั้งหมดของมู่วี่สิง
มู่วี่สิง ประคองด้านหลังหัวของเธอไว้ ไฟถูกเวินจิ้งจุดขึ้นมา เขาผลักเธอไปอยู่ติดกับผนัง พูดเสียงต่ำว่า “คุณหญิงมู่ จุดไฟ หืม?”
เวินจิ้งยิ้มแบบเขินๆ “ไม่อนุญาตหรอ”
วินาทีต่อมา เธอถูกเขาอุ้มขึ้นมา จูบลงไปเรื่อยๆ…
เรื่องการลองชุดแต่งงานก็อยู่หลังจากสองชั่วโมงถัดมาแล้ว เวินจิ้งยืนอยู่ตรงหน้ากระจก มู่วี่สิงกำลังรูดซิปด้านหลังให้เธออยู่
ในกระจก ตรงหน้าอกของเวินจิ้งมีตราประทับเล็กที่เห็นได้ชัดไม่น้อยเลย บางคนนี้ร้ายกาจจริงๆ เลย…
ผมยาวปล่อยลงมาที่ไหล่ มู่วี่สิงสวมกอดเธอจากด้านหลัง สายตาของสองคนสบตากันในกระจก
มู่วี่สิงไม่ปกปิดความอัศจรรย์ในตาของเขาเลย สัดส่วนหุ่นของเวินจิ้งดีมาก ใบหน้างดงาม แก้มแดงชมพูๆ น่าดึงดูดมาก
เขาจูบลงบนแก้มของเธอ
“คุณหญิงมู่ ผมอยากจะซ่อนคุณไว้แล้ว”
“เพราะชุดแต่งงานสวยมากจริงๆ”
“เพราะคุณหญิงมู่ของผม”
เขายื่นหน้าไป จูบอันลึกซึ้งก็กดลงมาแล้ว
เวินจิ้งรีบผละเขาออก “อ๊าย เจ้าเล่ห์ตลอดเลย!”
“ที่ผมเจ้าเล่ห์ก็เพราะคุณคนเดียว”
มู่วี่สิงเม้มริมฝีปาก เวินจิ้งใส่ชุดแต่งงานนี้สวยจนทำให้เขาไฟลุก อยากจะฉีกทิ้งอย่างเดียว มีแค่เขาคนเดียวที่มีสิทธิ์ครอบครอง
…
สามวันต่อมา ผมการสอบรอบที่สองออกมาแล้ว
เวินจิ้งกำลังคุยโทรศัพท์กับอั้ยเถียนอยู่ พยายามจะระบายอารมณ์ตื่นเต้นออก
“เวินจิ้ง หรือจะให้ฉันตรวจสอบให้เธอ เธอนี่ลีลาอยู่ได้”
เวินจิ้งมือสั่นเล็กน้อย เธอไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะสอบไม่ติด เธอเตรียมตัวพร้อมมาก มั่นใจทั้งสอบข้อเขียนและสอบสัมภาษณ์
เพราะฉะนั้นตอนเห็นตัวเองไม่ได้ถูกรับเข้า ความเสียใจอันยิ่งใหญ่ก็ตามมา
“จิ้งจิ้ง เป็นไงบ้าง”
“ไม่ติด”
“อะไรนะ ระบบผิดพลาดหรือเปล่า”
อั้ยเถียนก็ไม่เชื่อเหมือนกัน สมัยตอนอยู่ในมหาวิทยาลัยเวินจิ้งก็เป็นนักเรียนการเรียนดีเด่นแล้ว เธอรู้พื้นฐานของเธอดี
ถ้าเตรียมตัวให้พร้อม เธอต้องติดมหาวิทยาลัยหลินไห่แน่นอน
“ไม่ใช่ ฉันไม่ติดจริงๆ”
เวินจิ้งมองลงไปข้างล่าง เธอเองยังไม่เชื่อความจริงนี้เลย
“เธอรีบไปตรวจสอบผลคะแนนดู อย่าเสียเวลาไปเลย” อั้ยเถียนเตือน
เวินจิ้งตอบกลับ ไปที่มหาวิทยาลัยหลินไห่ด้วยตัวเองเลย
แต่พอมาถึงออฟฟิศมหาวิทยาลัย ศาสตราจารย์เย่เฉียวที่สัมภาษณ์เธอตอนนั้นกำลังเป็นเวรอยู่
เธอยังจำได้อยู่ว่าเหมือนเขากับมู่วี่สิงไม่ค่อยถูกกันเท่าไหร่
พอเห็นเวินจิ้ง เย่เฉียวขมวดคิ้วมุ่น
“คุณมาทำอะไร”
“ศาสตราจารย์คะ ฉันอยากตรวจสอบผลคะแนนของการสอบรอบที่สองค่ะ”
“ตรวจเลย” เย่เฉียวพูดอย่างเกียจคร้าน
เขานั่งอยู่บนโซฟา ท่าทีที่มีต่อเวินจิ้งแทบจะเป็นเย็นชา
เวินจิ้งเข้าสู่ระบบ เห็นผลคะแนนการสอบรอบที่สองของตัวเอง คืออันดับที่หนึ่ง!
เธอข้อเขียนอันดับที่สาม การสอบรอบที่สองอันดับที่หนึ่ง คะแนนแบบนี้เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่ติด
“ศาสตราจารย์เย่คะ” เวินจิ้งมองเขาอย่างตื่นเต้น
“อะไรหรอ”
“ผลคะแนนของฉัน ทำไมถูกตีกลับคะ”
เย่เฉียวพูดด้วยเสียงเย็นชาว่า “ผลคะแนนของคุณก็ถือว่าดีมาก แต่ไม่มีศาสตราจารย์คนไหนยอมรับคุณเข้า”
“ทำไมคะ”
เย่เฉียวพูดอย่างน่ารำคาญ “ทำไมอะไรนักกันหนา…”
เวินจิ้งมองลงไปข้างล่าง ดูรายชื่อของนักศึกษาที่สอบติด ผลคะแนนที่อยู่ข้างหลังเธอล้วนสอบติดทุกคนแล้ว
“ยังไงก็ถูกตีกลับแล้ว งั้นก็รีบออกไปหางานทำเลย แสดงว่าคุณไม่เหมาะกับมหาวิทยาลัยของเรา”
“ศาสตราจารย์คะ ฉันอยากรู้เหตุผล”
อยู่ๆ ในหัวก็นึกถึงอะไรบางอย่าง เธอจำได้ว่ามู่วี่สิงเคยบอกให้เธอไปสมัครสอบที่…
แต่ตอนนั้นเธอไม่ได้คิดอะไรมาก…
“เวินจิ้ง ความจริงผมก็ยอมรับคุณนะ แต่คุณก็รู้ คราวก่อนเรื่องที่มหาวิทยาลัยหนานเฉิงรับสินบนเป็นข่าวที่ดังมาก แล้วคุณก็มีส่วนเกี่ยวข้องในนั้นอีกด้วย”
“แต่ว่า ฉันถูกคนใส่ร้าย ฉันก็แค่พิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองแค่นั้นเอง!” เวินจิ้งอธิบาย
เย่เฉียวโบกมือไปมาและพูดด้วยเสียงต่ำว่า “สถานะของคุณสับสนมาก คุณน่าจะไม่รู้ มหาวิทยาลัยหลินไห่และมหาวิทยาลัยหนานเฉิงทั้งสองมหาวิทยาลัยนี้อยู่สายเดียวกัน คนที่อยู่ข้างบนเป็นคนเดียวกัน”
เวินจิ้งเข้าใจแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เธอจะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองได้แล้ว แต่เรื่องที่สร้างขึ้นมา ก็ทำให้มีบางคนสูญเสียประโยชน์ก็จริง
“ทำไม มู่วี่สิงไม่เคยเตือนคุณหรอ” เย่เฉียวพูดเยาะเย้ย
เวินจิ้งอึ้ง มู่วี่สิง…เขารู้ได้ยังไง
นึกออกแล้ว มู่วี่สิงคือหนึ่งในผู้บริหารของมหาวิทยาลัยหนานเฉิง ดังนั้นเขาจึงรู้เรื่องนี้
…
บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป
ข่าวที่เวินจิ้งถูกตีกลับมู่วี่สิงรู้แล้ว
นวดกลางคิ้วอย่างเยือกเย็น เขาสั่งเกาเชียนว่า “ซื้อมหาวิทยาลัยหลินไห่ลงมา”
เกาเชียนตะลึง ถ้าเรื่องนี้จะปฏิบัติขึ้นมาจริงคือไม่ง่ายเลย
เงินทุนของบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปในช่วงนี้เอาไปทำการวิจัยและการผลิตทั้งหมดแล้ว ถ้าจะซื้อโดยเต็มจำนวนเงิน ก็ต้องไปถ่ายโอนเงินทุนจากนอกประเทศ
แต่แบบนี้ก็จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับทั้ง慕氏国际แล้ว
“ประธานมู่ครับ ท่าน…แน่ใจแล้วหรอครับ”
น้อยมากที่เกาเชียนจะสงสัยการตัดสินใจของมู่วี่สิง แต่พอมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องของเวินจิ้งทีไร ความยากของงานก็เพิ่มขึ้นเยอะมากในครั้งเดียว
และอีกอย่าง สถานการณ์ไม่เหมาะสม
“อืม นายไปติดต่อผู้อำนวยการ ผมจะควบคุมทั้งหมดเอง” มู่วี่สิงพูดด้วยเสียงนิ่งเฉย
เวินจิ้งยืนอยู่ข้างนอกประตู ได้ยินคำพูดของมู่วี่สิง นิ่งงันอยู่กับที่
เธอรีบมาจากมหาวิทยาลัยหลินไห่ ยอมรับความจริงที่ถูกตีกลับได้แล้ว แต่คำพูดของมู่วี่สิงเมื่อกี้ ทำให้เธอตะลึงมาก
ที่เขาทำแบบนี้…คือเพื่อเธอหรอ
เธอผลักประตูออกเดินเข้าไป
“มู่วี่สิง คุณกำลังทำอะไรอยู่”
เนื่องจากสถานะของเวินจิ้ง ทุกครั้งที่เธอขึ้นมาไม่จำเป็นต้องรายงานก่อน
เกาเชียนไม่อยู่ข้างนอก ก็ไม่มีใครขวางเธอไว้
“คุณทำแบบนี้ไม่ได้!”
เกาเชียนออกไปข้างนอกอย่างรู้ตัว ในออฟฟิศเหลือแค่เวินจิ้งและมู่วี่สิง
“คุณหญิงมู่ มานี่”
มู่วี่สิงเงยหน้าขึ้น
เห็นเวินจิ้งไม่ขยับ เขาเดินไปหาเธอ กอดเธอไว้ในอ้อมกอดตัวเอง
“คุณอยากไปมหาวิทยาลัยหลินไห่ ผมก็จะทำให้คุณเข้าไปได้”
“คุณไม่ต้องยุ่ง…” เวินจิ้งขมวดคิ้วมุ่น
ซื้อมหาวิทยาลัยหลินไห่ลงมา…
ถึงแม้เธอก็รู้ว่าบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปร่ำรวยมากๆ แต่มันไม่จำเป็นจริงๆ
“คุณคิดว่าผมจะให้คุณเสียใจไหม” มู่วี่สิงพูดด้วยเสียงเข้ม
เวินจิ้งอยู่นิ่งเฉย วินาทีนี้ในใจอึ้งมาก
แต่เธอรับไม่ได้กับการตัดสินใจของมู่วี่สิง
“ฉันเคยพยายามมากแล้ว ถ้าสอบไม่ติดจริงๆ ฉันก็ไม่เสียดาย”
“ปากไม่ตรงกับใจ” มู่วี่สิงเผยความจริงของเธอออกมา
เขารู้ดีว่าเวินจิ้งอยากสอบปริญญาโทมากแค่ไหน สามปีก่อนเธอถูกแย่งชิงสิทธิ์นี้ไปแล้ว ตอนนี้ กว่าเธอจะได้โอกาสแบบนี้มา เขาไม่อยากให้เธอต้องผิดหวังอีกครั้ง
“คุณหญิงมู่ เชื่อผม”
เวินจิ้งยังคงส่ายหัว “ไม่ได้ มู่วี่สิง ถ้าคุณยังจะซื้อลงมาอีก ฉันก็ยิ่งไม่ไปมหาวิทยาลัยหลินไห่แล้ว”