Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 255

ตอนที่ 255

บทที่ 255 เข้าใจยาก

เวลานี้ มือถือของเวินจิ้งดังขึ้น สายที่โทรเข้ามาคือหลินเวย

“คุณนายฉี”

เวินจิ้งชินที่จะเรียกเธอแบบนี้

“เสี่ยวจิ้ง เมื่อวานเจอคุณปู่แล้วเหรอ?”

“ค่ะ”

“ฉันก็ไม่รู้ว่าพ่อของฉันกลับมาแล้ว เมื่อวาน ทำให้เธอตกใจรึเปล่า?” หลินเวยถามด้วยความกังวล

ช่วงนี้เธอวุ่นกับการจัดการเรื่องของบริษัทหลินซื่อ จึงไม่ได้ใส่ใจความเคลื่อนไหวของคุณพ่อ

“ยังดี คุณปู่พูดกับฉันไม่น้อย”

“เสี่ยวจิ้ง เธอจะอภัยให้ฉันไหม?” น้ำเสียงของหลินเวยสั่นคลอน

เธออยากจะชดเชยสิ่งต่างๆให้เธอมาโดยตลอด

เธออยากให้เธอกลับมาตระกูลหลิน

เพียงแต่ เธอกลัวว่าเวินจิ้งไม่ให้โอกาสนี้กับเธอ

เวินจิ้งเงียบ คุณปู่พูดถึงหลินเวยว่าเธอถูกตระกูลฉีก่อกวนจนต้องทอดทิ้งเธอ แต่…สิ่งกีดขวางนี้อยู่ในใจของเธอเสมอ

“เสี่ยวจิ้ง ฉันรู้ว่าเธอต้องการเวลา ฉันจะรอ รอให้เธอยอมรับฉันยอมรับตระกูลหลิน”

หลังจากวางสา เวินจิ้งเดินออกไปจากห้องรับแขก มู่วี่สิงทำอาหารเช้าเสร็จแล้ว

เธอเดินเข้าไปห้องครัว กอดเอวของเขาจากด้านหลัง

“ถ้าหากเป็นคุณ จะยกโทษให้คนใกล้ตัวที่เคยทอดทิ้งคุณไหม?” เธอถามเขา

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ดวงตาของมู่วี่สิงส่องประกาย รัศมีทั่วร่างเปลี่ยนจึงทำให้น่ากลัว

แต่เวินจิ้งตกอยู่ในอารมณ์ของตัวเอง และไม่ได้รับรู้ถึง

เป็นเวลานาน กว่ามู่วี่สิงจะกุมมือของเธอ และหันมา เขามองเวินจิ้ง ดวงตาเย็นชา “ไม่”

ไม่…

เขาตอบอย่างตั้งใจ

“ฉันจะจัดคนมาดูแลเธอ เมื่อมีอะไรเกิดขึ้น รีบรายงานฉันทันที” ก่อนที่มู่วี่สิงจะออกจากบ้าน บอกเวินจิ้งซ้ำอีก

เขาให้ช่องว่างกับเธอ โดยมีเงื่อนไขว่า เธอต้องปลอดภัย

เวินจิ้งพยักหน้า “เมื่อพวกเขาเป็นคนในครอบครัวของฉัน ไม่ทำร้ายฉันหรอก”

หลังจากครึ่งชั่วโมงผ่านไป หลินเวยมาที่การ์เด้นมู่เจียวาน เวินจิ้งนั่งเข้าไปในรถ

ด้านหลัง รถสีดำคันหนึ่งจอดอยู่ที่ไกลๆ

หลังจากรถคันหน้าสตาร์จเครื่อง รถคันสีดำก็ตามไป

หนึ่งชั่วโมงผ่านไป เวินจิ้งกลับมาที่ปราสาทที่หรูหราลึกลับแห่งนี้อีกครั้ง

เธอใจจดใจจ่อไม่ยอมลง

หลินเวยพูด “เสี่ยวจิ้ง ไม่ต้องกลัว แม่อยู่ข้างๆ”

แม่

เวินจิ้งคิ้วขยับ ไม่มีการแสดงออกทางใบหน้าแต่อย่างใด

แม่ของเธอมีแค่เจี่ยนอี

เธอลงจากรถ หลินเวยไม่ได้ฟังการตอบสนองของเธอ เผยให้เห็นความผิดหวังบนใบหน้า

ในสวน หลินเจิ้งกำลังตีกอล์ฟ

ด้านหลังปราสาทเป็นเนินเขาสีเขียว ทิวทัศน์งดงาม

“พ่อ”

หลินเจิ้งไม่ตอบ ยังคงมุ่งเน้นไปที่การตีกอล์ฟ

แม้ว่าเขาจะอายุเยอะ แต่มีพละกำลังที่ดี แต่ไม่นานนัก ร่างกายก็เหนื่อย และหอบ

พ่อบ้านข้างกายรีบยื่นยามาให้

“อาจิ้ง ตีกอล์ฟเป็นไหม?” หลินเจิ้งหันมา มองหลานสาวด้วยความกรุณา

เวินจิ้งส่ายหน้า เธอไม่เคยเล่นกีฬาชนิดนี้

“พ่อ พักก่อน” หลินเวยพยุงเขาให้นั่งลง

“เธอมาได้ยังไง” หลินเจิ้งไม่ค่อยพอใจ

“คุณกลับมาก็ไม่บอกฉัน ฉันเป็นห่วง”

“มีอะไรน่าเป็นห่วง ฉันยังไม่ตาย” หลินเจิ้งพูดอย่างโกรธเคือง

เวินจิ้งขมวดคิ้ว สัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าหลินเวยกับคุณปู่ความสัมพันธ์ไม่ดีมาก

“คุณปู่ คุณร่างกายยังดี ไม่เป็นไรหรอก” เวินจิ้งพูดปลอบ

สีหน้าของหลินเจิ้งถึงจะดีขึ้นมาบ้าง

“เวินจิ้ง เรื่องเมื่อวานที่ฉันพูดกับเธอ ฉันยังยืนยันคำเดิม เธอจำเป็นต้องไปมหาลัยที่ดีที่สุด” หลินเจิ้งพูดด้วยสีหน้าจริงจัง

เวินจิ้งรู้ว่าคุณปู่พูดถึงเรื่องมหาลัย แต่เธอก็มีการตัดสินใจของตัวเอง

“คุณปู่ มหาวิทยาลัยหลินไห่สำหรับฉันแล้ว ก็เป็นมหาลัยที่ดีที่สุด

เธอรู้กำลังของตัวเองดี ว่าที่ไหนเหมาะสมกับเธอ

“ไม่ได้ เวินจิ้ง เธอต้องฟังฉัน”

“พ่อ ไม่ต้องบังคับเวินจิ้งแล้ว เด็กอยากเรียนที่ไหน ก็อยู่ที่นั่น” หลินเวยก็สนับสนุนเวินจิ้ง

เธอแค่หวังว่าเวินจิ้งจะมีชีวิตที่สุขสบาย

เพราะว่าต่อไปเธอ ต้องแบกรับสิ่งต่างๆมากมาย

“คุณปู่ ฉันหวังว่าคุณจะเคารพการตัดสินใจของฉัน”

หลินเจิ้งทำหน้านิ่งเงียบ แม้ว่าจะโกรธ แต่ก็สามารถควบคุมอารมณ์ได้

“ได้ เรื่องนี้ฉันแล้วแต่เธอ แต่อีกเรื่องใหญ่ในชีวิตของเธอ ฉันไม่สามารถให้เธอเอาแต่ใจได้”

“เรื่องที่เธอแต่งงานกับมู่วี่สิง ฉันรู้แล้ว พวกเธอแต่งงานกันสายฟ้าแลบ ไม่ได้รู้สึกอะไรกัน เธอบอกปู่ ทำไมตอนนี้ถึงรีบแต่งงานกับเขา” น้ำเสียงของหลินเจิ้งอ่อนลงบ้าง

“คุณปู่ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของฉัน” เวินจิ้งไม่อยากพูดเยอะ

“ฉันเป็นปู่ของเธอ เรื่องส่วนตัวของเธอฉันต้องสนอยู่แล้ว!” หลินเจิ้งพูดเสียงเยือกเย็น

หลินเวยยื่นมือมา ตบเวินจิ้งอย่างปลอบโยน “เสี่ยวจิ้ง เธอมีปัญหาอะไรหรือเปล่า?”

เวินจิ้งลดสายตาลง เธอไม่มีปัญหาอะไร จุดประสงค์ของเธอเรียบง่ายมาก ตอนแรกเป็นเพราะต้องการให้เจี่ยนอีสบายใจ

“ฉันชอบมู่วี่สิง ดังนั้นจึงแต่งงานกับเขา” เวินจิ้งตามองขึ้นมา พูดเงียบๆ

”จริงเหรอ?” หลินเจิ้งแปลกใจ

แม้แต่สายตาของหลินเวย ก็เปลี่ยนเป็นความกังวล

เวินจิ้งพยักหน้า

“หากคุณปู่บอกว่าไม่เห็นด้วย หลานของคุณก็จะโทษฉันอีก” หลินเจิ้งถอนหายใจ

“ฉันเหนื่อยแล้ว พวกเธอกลับไปกได้แล้ว”

หลินเจิ้งยันไม้เท้า เดินไปทางบ้านหลัก

ในสวยดอกไม้เหลือแค่หลินเวยกับเวินจิ้ง

คุณปู่เป็นอะไรไป

“เสี่ยวจิ้ง ฉันรู้ว่าเธอยังยอมรับตัวตนของตัวเองยังไม่ได้ ต่อไปคอยอยู่กับคุณปู่ อยู่กับฉันให้มาก ก็จะคุ้ยเคยชิน” หลินเวยพูดอย่างเมตตา

เวินจิ้งยิ้มอย่างแข็งขัน “คุณนายฉี…”

“เรียกฉันว่าแม่ ดีไหม?” หลินเวยพูดตัดบทเธอ

เวินจิ้งหน้าเงียบ สุดท้ายก็พูดไม่ออก

“เพราะฉันรีบร้อนเกิน แต่ว่า เมื่อคุณปู่รู้สถานะของเธอแล้ว ก็ใส่ใจเธอมาตลอด ตระกูลมู่เข้าใจยาก ฉันก็หวังว่าไม่อยากให้เธอกับมู่วี่สิงอยู่ด้วยกัน” หลินเวยพูดอย่างหนักแน่น

เวินจิ้งขมวดคิ้ว เธอไม่ชอบให้ใครมาแทรกแซง

เห็นได้ชัดว่าหลินเวยมองออก สายตาไม่พอใจเผยออกมา

แต่ว่าใบหน้าก็ยังคงมีรอยยิ้ม “เดี๋ยวไปกินข้าวกับแม่ อย่าปฏิเสธฉัน”

วันนี้เวินจิ้งไม่มีธุระอะไร เลยตอบตกลง

ร้านอาหารตั้งอยู่ใจกลางเมือง หลินเวยจองเหมาห้องไว้

แต่หลังจากเข้าไปแล้ว ฉีเซินก็อยู่

สีหน้าของหลินเวยเปลี่ยน “ลูกอย่างแก ทำไมอยู่ที่นี่?”

“ฉันรู้ว่าแม่จะกินข้าวกับเวินจิ้ง ฉันเลยมาขอกินด้วย”

“ไม่มีเรื่องของแก” น้ำเสียงของหลินเวยโกรธเล็กน้อย

“ใช่เหรอ? เวินจิ้ง ฉันกินข้าวกับเธอด้วยได้ไหม?” ฉีเซินถามเวินจิ้ง

เวินจิ้งเบ้ปาก ฉีเซินมักพูดว่าเขาเป็นน้องชายของเธอ เธอพูดเบาๆ “แล้วแต่”

มีฉีเซินอยู่ เธอกลับรู้สึกไม่ค่อยอึดอัดเมื่อต้องเข้ากันกับหลินเวย

“มีมารยาทหน่อย” หลินเวยพูดเสียงเงียบ

“ฉันรู้แล้ว แม่” น้ำเสียงของฉีเซินดูแปลกๆ

เวินจิ้งขมวดคิ้ว มีกลิ่นอายความผิดปกติ

เพิ่งสั่งอาหาร หลินเวยได้รับสาย บริษัทหลินซื่อเกิดเรื่อง เธอจำเป็นต้องรีบไปจัดการตอนนี้

“เสี่ยวจิ้ง ไว้คราวหลังฉันกินข้าวกับเธอ”

“คุณายฉี คุณไปทำงานก่อน” เวินจิ้งยังแปลกแยก

“ทำไม มู่วี่สิงไม่อยู่ด้วย?” ฉีเซินถาม

“เขาต้องทำงาน นายคิดว่าเหมือนคุณฉี ไม่มีงานทำเสมอ” เวินจิ้งพูดประชดนิ่งๆ

ฉีเซินหัวเราะเบาๆ “ที่แท้เธอมองฉันแบบนี้นี่เอง ยังไงก็แล้วแต่ ดูแล้วช่วงนี้พวกเธอความสัมพันธ์ดีกันแล้ว เธอยังปกป้องเขา”

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท