บทที่317 รับผิดชอบเรื่องนี้เพื่อเธอ
เวินจิ้งหันหลังกลับไม่ได้ไปหาไป๋สือ แต่กลับรีบวิ่งไปยังสถานีวิทยุกระจายเสียงของมหาวิทยาลัยแทน
ขณะนี้เป็นเวลาในตอนเช้า สถานีวิทยุมีเพียงแต่นักศึกษาปฏิบัติหน้าที่อยู่เท่านั้น เมื่อเห็นเวินจิ้ง พลางมองเธอด้วยสีหน้าบึ้งตึง “เธอยังเข้ามาที่ได้อีกยังไง……ไม่ใช่คนของมหาวิทยาลัยเรา ห้ามเข้ามา!”
“ฉันยังไม่ถูกมหาวิทยาลัยไล่ออก” พูดด้วยน้ำเสียงนิ่งลึก
“เธอจะทำอะไร!” นักศึกษาเริ่มหงุดหงิดมากขึ้น
“ฉันขอแค่หนึ่งนาทีเท่านั้น” พูดจบ เวินจิ้งได้พูดออกอากาศ
ในขณะนี้ ทุกคนในมหาวิทยาลัยต่างก็ได้ยินสิ่งที่เธอพูด
“เพื่อนทุกคนและอาจารย์ทุกท่าน ฉันเวินจิ้ง ฉันรู้ช่วงนี้วุ่นวายเกี่ยวกับเรื่องการโกงข้อสอบของฉัน แต่ฉันขอชี้แจง ณ ที่นี้ว่า ไม่ว่าจะเป็นตอนนี้หรือก่อนหน้านี้ ฉันไม่เคยละเมิดกฎระเบียบใดๆทั้งสิ้น ฉันสอบเข้ามหาวิทยาลัยหลินไห่ได้ด้วยความสามารถของฉันเอง สำหรับเรื่องทำไมคำตอบในข้อสอบของฉันถึงไปเหมือนกับนักศึกษาอีกคนหนึ่ง ในเมื่อตอนนี้ยังไม่มีหลักฐานมายืนยันว่าใครเป็นคนโกงข้อสอบ ฉันยินดีที่จะสอบใหม่อีกครั้งกลางสนามกีฬาต่อหน้าผู้คนทั้งหมด!”
พูดจบ เวินจิ้งก็ปิดวิทยุ คำพูดที่เพิ่งพูดออกไป ได้ถูกปลุกเร้าก่อนที่จะพูดออกมา
แต่เธอก็ไม่เสียใจที่ได้ทำลงไป
เพื่อนร่วมชั้นที่อยู่ข้างๆก็ได้อึ่งทึ่ง และความชื่นชมก็ค่อยๆปรากฏผ่านสายตาออกมาเล็กน้อย “เพื่อน เธอโคตรดุดันเลย!”
เวินจิ้งยิ้ม จริงๆแล้ว …… เธอก็ไม่แน่ใจว่าจะยอมรับการตัดสินใจของเธอได้หรือไม่
ตอนนี้เธอต้องรีบไปหาไป๋สือ
“เพื่อน ขอบคุณนะ”
หลังจากที่เวินจิ้งออกไป และเธอก็ได้ไปที่อาคารสำนักงานทันที
และในเวลานี้ อาจารย์ใหญ่ได้จัดการประชุมศาสตราจารย์ในสาขาวิชาต่างๆสำหรับเรื่องนี้โดยทันที
“ฉันไม่เห็นด้วย มหาวิทยาลัยไม่เคยมีตัวอย่างแบบนี้มาก่อน ตอนนี้อาจารย์ที่คุมสอบแสดงให้เห็นชัดแล้วว่า ขณะที่สอบเวินจิ้งมีพฤติกรรมที่ผิดปกติ ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเธอได้ทำการโกงข้อสอบ”
“เย่เฉียว ถึงแม้ว่าเวินจิ้งมีพฤติกรรมผิดปกติขณะสอบ แต่ฉันไม่คิดว่าเขาจะโกงข้อสอบ ในเมื่อตอนนี้เธอเต็มใจที่จะให้คุมสอบใหม่อีกครั้ง งั้นให้โอกาสเธออีกครั้งเถอะ” ไป๋สือกล่าว
“ศาสตราจารย์ไป๋สือ ฉับทราบว่าเธอเป็นนักศึกษาของคุณ คุณต้องเข้าข้างเธออยู่แล้ว แต่ว่ามหาวิทยาลัยไม่เคยมีกฎแบบนี้มาก่อน!”
“จริงด้วย ศาสตราจารย์ไป๋สือ ทำแบบนี้ไม่ค่อยจะเหมาะสมกับกฎระเบียบของมหาวิทยาลัยเท่าไหร่นัก” อาจารย์ใหญ่ก็ไม่เห็นด้วย
“และเวินจิ้งได้พูดออกอากาศโดยไม่ได้รับความยินยอมจากหัวหน้ามหาวิทยาลัย มันก็เป็นการเพิกเฉยต่อกฎของมหาวิทยาลัยด้วยเช่นกัน ดังนั้นจึงต้องถูกลงโทษ!”
“เย่เฉียว คุณไปจัดการเรื่องนี้ และอย่าปล่อยให้เวินจิ้งได้ก่อเรื่องใหญ่อีก”
………….
เมื่อเวินจิ้งได้มาถึงออฟฟิศของไป๋สือ เขาเพิ่งเสร็จจากการประชุม
“เมื่อเห็นเวินจิ้ง เขาได้ยิ้ม “ดูเหมือนว่านักเรียนที่ฉันรับมาไม่ธรรมดา”
เธอเป็นคนแรกที่กล้าพูดต่อหน้าอาจารย์และนักเรียนในมหาวิทยาลัย
สิ่งที่เวินจิ้งเพิ่งพูดผ่านวิทยุกระจายเสียงออกไปนั้น ตอนนี้ได้ทราบทั่วทั้งมหาวิทยาลัยแล้ว
“ยังไม่อยากออกจากมหาวิทยาลัยกลางคัน ทั้งๆที่ไม่มีความผิด ศาสตราจารย์ ฉันมั่นใจในความสามารถของฉัน”
“อย่างไรก็ตาม อาจารย์ใหญ่ได้ปฏิเสธคำร้องขอของเธอแล้ว” ไป๋สือกล่าว
ได้ยินดังนั้น เวินจิ้งขมวดคิ้ว ถึงแม้ว่าได้คิดถึงการตัดสินใจในครั้งนี้ เมื่อได้ยินแล้ว เธอก็คงจะผิดหวัง
“ศาสตราจารย์ ฉันยังมีโอกาสอีกไหม” เวินจิ้งถามอย่างกังวล
“อืม แล้วไม่มีใครเตรียมอะไรให้เธอเหรอ” ไป๋สือมองไปยังสนามกีฬาข้างนอก
เวินจิ้งมองออกไปนอกหน้าต่าง และไม่คาดคิดว่ามีนักศึกษาบางคนได้เอาโต๊ะและเก้าอี้มาวางไว้แล้ว คนที่ออกข้อสอบคือรุ่นพี่ของสาขาประสาทวิทยา
ไป๋สือได้เดินไปมาและพูดว่า “ฉันเพิ่งได้ติดต่อกับสาขาประสาทวิทยา การสอบของเธอและหลี่หมิงจะมีวันนี้ช่วงบ่าย นักศึกษาทั้งหมดของมหาวิทยาลัยจะมาคุมสอบ”
“ศาสตราจารย์ไป๋ ขอบคุณมากค่ะ” เวินจิ้งเกือบหายใจไม่ออก
ไม่คิดว่าคำขอที่ได้ถูกอาจารย์ใหญ่ปฏิเสธ แต่ไป๋สือยังสามารถช่วยเหลือเธอได้อย่างแน่วแน่
“อย่าขอบคุณไปก่อน ถ้าหากคะแนนของเธอแย่กว่าหลี่หมิงหละก็ แสดงว่าเธอก็เหมือนตบหน้าฉันแล้วจริงๆ”
“ศาสตราจารย์ไป๋ ขอให้เชื่อมั่นในตัวฉัน” เวินจิ้งยิ้ม และพูดอย่างมั่นใจ
เมื่อลงมาที่สนามกีฬา เวินจิ้งเห็นร่างสองคนที่คุ้นเคย คือ หลิงเหยาและหลิงอี้
หลิงเหยาไม่ใช่นักศึกษาของ สาขาวิชาประสาทวิทยา แต่สุดท้ายแล้วนักศึกษาสาขาเดียวก็มีกำลังคนที่จำกัด นักศึกษาจากสาขาวิชาอื่นๆก็มาช่วยด้วยเช่นกัน
“เวินจิ้ง เธอมาตอนนี้ไม่ได้นะ ตอนนี้รุ่นพี่ของเธอกำลังออกข้อสอบ” หลิงเหยาได้เดินมา
เวินจิ้งยิ้ม “หลิงเหยา ลำบากพวกเธอแล้ว”
“โอเค พี่ชายฉันเหนื่อยกว่า เขาไม่ได้ออกไปไหนจากมหาวิทยาลัยเลย กำลังพยายามหาหนทางให้เธอหน่ะ” หลิงเหยามองพี่ชาย ทำไมก่อนหน้านี้ไม่ได้รู้สึกหลงรักพี่ชายเธอกันนะ
ได้ยินดังนั้น เวินจิ้งก็ตกตะลึง สำหรับหลิงอี้แล้ว เธอก็ไม่รู้ว่าควรจะคิดเห็นอย่างไรต่อเขา
“พูดอะไรถึงฉันเหรอ” เห็นหลิงเหยายิ้มอย่างมีเลศนัย เมื่อหลิงเข้ามา
“กำลังพูดให้พี่ดูดีแหละ เอาล่ะ พี่ไปเป็นเพื่อนเวินจิ้งเถอะ ฉันจะไปทำธุระต่อ”
“หลิงอี้ คุณรีบกลับบริษัทเถอะ เรื่องนี้ทำให้คุณต้องมาเสียเวลามากไปแล้ว” เวินจิ้งพูดอย่างรู้สึกผิด
เธอไม่ได้หวังให้หลิงอี้มาช่วยเธอ แต่ไหนแต่ไรมาทั้งสองก็ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกัน
“ผมเต็มใจ อีกทั้งช่วงนี้บริษัทไม่ได้มีเรื่องอะไรมาก รอคุณสอบใหม่เสร็จเรียบร้อย ผมโล่งใจก็จะกลับไปทำงาน”
“หลิงอี้ ……”
“ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว รับผิดชอบเรื่องนี้เพื่อคุณ ผมก็ไม่คิดว่ามันเป็นการเสียเวลา”
…………..
ในตอนเช้ายังไม่ได้กินอะไร เวินจิ้งจึงไปโรงอาหารเพื่อซื้อของกิน
ขณะที่เธอได้ออกนอกประตู ก็เผชิญกับเสียงเหน็บแนมและยั่วเย้าต่างๆนาๆ เมื่อได้ซื้ออาหารเช้าและนั่งลง เวลานี้สองร่างก็เข้ามาอยู่ฝั่งตรงกันข้าม นั่นก็คือ ตู้ลี่เฉิงและหลี่หมิง
เวินจิ้งขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ
“เธอนี่เป็นผู้หญิงที่ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี ยังกล้าจะสอบใหม่อีกเหรอ ฉันเกรงว่าการสอบช่วงบ่ายของเธอจะไม่ผ่านหน่ะสิ จะต้องขายหน้าแน่ๆ” ตู้ลี่เฉิงพูดเหน็บแนบ
“ตู้ลี่เฉิง นี่ฉันยังไม่นับเรื่องที่เธอขังฉันอยู่ในบัญชีของห้องเครื่องอุปกรณ์นะ ถ้าฉันสอบไม่ผ่าน ฉันจะฟ้องเธอแน่”
“เหอะ เธออย่ามาพูดมั่วซั่ว จะมาให้ฉันจ่ายค่าเละเทะอะไรกัน” ถึงตายตู้ลี่เฉิงก็ไม่ยอมรับ
“เวินจิ้ง เธอควรยกเลิกการสอบซะเถอะ ถ้าหากคะแนนของฉันสูงกว่าเธอเกินไป ก็จะน่าเกลียด ฉันไม่อยากรังแกเด็กผู้หญิงนะ” น้ำเสียงของหลี่หมิงได้ผ่านเข้ามา
ได้ยินดังนั้น เวินจิ้งยิ้ม “แต่ฉันคงหวังว่าเธอจะสามารถรังแกฉันได้หน่ะสิ หลี่หมิง”
สีหน้าของหลี่หมิงเริ่มซีดเซียว
“หลี่หมิง เธออย่าได้กลัวผู้หญิงคนนี้ไปเลย ฉันเชื่อว่าเธอเพียงแค่ชั่ววินาทีเธอก็สามารถกำจัดเขาได้”
“ฉันจะคอยดู” เวินจิ้งไม่ได้สนใจทั้งสองอีก
………….
ในตอนบ่าย เวินจิ้งมาถึงสนามกีฬาตรงเวลา
มีโต๊ะสองตัวอยู่กลางสนาม ซึ่งอยู่ห่างกันมาก
นักศึกษาจำนวนมากได้มารวมตัวกันล้อมรอบ บนเวทีสูงที่อยู่ไม่ไกล มีไป๋สือนั่งอยู่ตรงกลาง และยังมีศาสตราจารย์ด้านประสาทวิทยาหลายคนด้วยเช่นกัน
การสอบครั้งนี้เป็นคำถามที่ออกโดยนักศึกษาของสาขาด้านประสาทวิทยา แต่ท้ายที่สุดแล้วการเลือกหัวข้ออะไรมาเป็นคำถามในการสอบ ศาสตราจารย์จะเป็นคนตัดสินเอง เพื่อแสดงถึงความยุติธรรม
และในเวลานี้ ภายในอาคารสำนักงาน
อาจารย์ใหญ่มองดูสถานการณ์ที่สนามกีฬา สีหน้าเขาดูไม่ดีเลย
“อาจารย์ใหญ่ ตอนนี้ไป๋สืออยู่ในฐานะผู้อาวุโสมากพอและกล้าที่จะเพิกเฉยต่อเธอแล้ว” เย่เฉียวพูดข้างๆอย่างโกรธเคืองข้างๆ
“ตอนนี้นักศึกษาต่างก็หายไปแล้ว ฉันก็ห้ามไม่ได้” อาจารย์ใหญ่ส่ายหัว
“ฉันจะไปหยุดสนามสอบครั้งนี้”
“ไม่จำเป็น ถ้าตอนนี้คุณออกไป ก็จะทำให้นักศึกษารู้สึกว่าเราไม่ได้จัดการกับเรื่องนี้อย่างเป็นกลาง”
“อาจารย์ใหญ่ …….”
“คุณออกไปเถอะ”