บทที่ 313 ฆ่า
ประสาทวิทยาเป็นวิชาเอกที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในมหาวิทยาลัยหลินไห่ แต่โควตาสงวนไว้ให้นักเรียนเดิมของมหาลัย คนนอกเข้ามาได้ยาก และเวินจิ้งได้ทำงานมาหลายปีแล้ว และดูเหมือนว่าเหตุการณ์ก่อนหน้าของมหาวิทยาลัยหนานเฉิงเต็มไปด้วยความโกลาหลก็เพราะเธอ
ไม่คิดว่าจะถูกไป๋สือรับเข้าเข้ามาเอง
แต่หลิงเหยาก็เข้าใจได้อย่างรวดเร็ว นี่ก็เพราะความเกี่ยวข้องกับมู่วี่สิง
มีความเหยียดหยามภายใต้ดวงตาของเธอ
เวินจิ้งไม่ทันได้สังเกต วันนี้เธอก็เพิ่งรู้ มีคนไม่น้อยอิจฉาที่เธอได้ติดตามไป๋สือ
ไป๋สืออยู่มหาวิทยาลัยหลินไห่เป็นเวลาสิบปี รับบัณฑิตไม่เกินสิบคน และนักเรียนของเขา แต่ละคนเป็นผู้นำในวงการแพทย์
ไม่นาน หลิงอี้ยกกระเป๋าเดินทางของหลิงเหยามา
“พี่ชาย ทำไมช้าขนาดนี้!” หลิงเหยาใส่อารมณ์
“รถติด ฉันไม่ได้ขับเครื่องบินมาซะหน่อย” หลิงอี้บอกกับหลิงเหยาด้วยความรัก
เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคย เวินจิ้งหันไป สบตาเข้ากับหลิงอี้พอดี
หลิงอี้ถามอย่างเป็นห่วง “แผลหายดีหมดรึยัง?”
เวินจิ้งหันไป ตอบอย่างเรียบๆ
หลิงเหยามองคนทั้งสอง และดึงพี่ชายมาข้างกาย ถามด้วยเสียงเบา “มิน่าวันนี้พี่ถึงได้มาช่วยฉันถือกระเป๋าเดินทาง มาเจอเวินจิ้ง?”
หลิงอี้ขมวดคิ้ว…เรื่องนี้ เขาไม่รู้จริงๆ
ช่วงเวลานี้ เขากำลังคิดที่จะจัดการกับความรู้สึกของตัวเองยังไง
ตอนนี้เวินจิ้งโสด เป็นโอกาสที่ดีที่สุดที่จะตามจีบเธอ
แต่เธอกลับต่อต้านเขาขนาดนี้
เขาไม่มีประสบการณ์ตามจีบผู้หญิง ปกติจะเป็นผู้หญิงที่เข้าหาเขาตลอด
“ไม่รู้” เขาพูดเรียบๆ
“ฉันไม่เชื่อ เมื่อกี้เจอเวินจิ้ง สายตาของพี่ตรงเลย”
“อย่าพูดไปเรื่อย” หลิงอี้ทำหน้าตึง
“ไม่ใช่ซะหน่อย ฉันหิวแล้ว ไปกินข้าวเป็นเพื่อนหน่อย” หลิงเหยาคล้องแขนพี่ชายอย่างสนิทสนม
เห็นพี่ชายมองเวินจิ้งอย่างไม่รู้ตัว หลิงเหยาช่วยเขาเอ่ยปาก “เวินจิ้ง ไปกินข้าวด้วยกันไหม? พี่ฉันเลี้ยง”
เวินจิ้งส่ายหน้า “ฉันยังไม่หิว พวกเธอไปกินเถอะ”
แต่หลังจากกินข้าวเสร็จ หลิงอี้ห่อหมูย่างกลับบ้านแล้วยื่นให้หลิงเหยา “เธอรวดเอาขึ้นไปให้เวินจิ้ง”
“พี่ เอาไปให้เอง ไม่งั้นผลลัพธ์อะไรก็ไม่มี”
“ต้องการผลลัพธ์อะไร?” หลิงอี้สงสัย
“พี่จะจีบเวินจิ้งไม่ใช่เหรอ? งั้นก็เริ่มเองก่อน เธอถึงจะมีความรู้สึก”
“ตอนนี้เธอไม่อยากเจอฉัน” หลิงอี้ส่งกล่องข้าวให้หลิงเหยา
ขึ้นไปบนห้อง เวินจิ้งได้ทำความสะอาดห้องเรียบร้อยแล้ว แน่นอน แม้แต่ที่ของหลิงเหยาเองด้วย
“ดูแล้วพี่ชายของฉันห่อข้าวกลับมาให้เธอนั้นถูกต้อง ลำบากเธอแล้วนะ” หลิงเหยายื่นข้าวกล่องให้เวินจิ้ง
“ขอบใจ ฉันโอนเงินให้เธอ เธอค่อยโอนให้เขา” เวินจิ้งหยิบมือถือออกมา
“หลิงเหยาโบกมือ “อย่านะ พี่ชายฉันไม่รับแน่นอน”
“แบบนี้ไม่ค่อยดี”
“เขากำลังตามจีบเธอ เธอก็ควรรับความสุขนี้ไว้ ยังไงสามสิบปีมานี้เธอก็เป็นผู้หญิงคนแรกที่เขาตามจีบ ให้เขาได้ฝึกๆไว้ก็ดี”
หลิงเหยาก็อยากเห็นเหมือนกันว่าพี่ชายที่หยิงยโสของเธอ จะตามจีบผู้หญิงยังไง
เวินจิ้งเบ้ปากอย่างหมดความอดทน หลิงอี้ตามจีบผู้หญิงครั้งแรก?
เธอคิดว่าหน้าตาที่หล่อเหลาของเขาคงไม่ขาดผู้หญิง
แต่เมื่อมาคิดๆ หน้าตาหล่อเกิน คงจะถูกตามจีบตลอด…
…
กลางคืน เวินจิ้งเพิ่งกินข้าวเสร็จ ทันใดนั้นหลิงเหยาก็เดินมา
“ไปสร้างมิตรภาพไหม รวดไปรู้จักเพื่อนใหม่”
เวินจิ้งกำลังเขียนคำพูด พรุ่งนี้เธอจะได้พูดในฐานะตัวแทนนักเรีนในพิธีเปิด
หลิงเหยามองใบหน้าที่เรียบเฉยของเธอ น้ำเสียงอ่อนลง “ไปเถอะไปเถอะ แม้ว่าจะไม่ดีพอสำหรับพี่ชายของฉัน แต่ก็มีรสนิยมที่เหมาะสมกับเธอ”
“หลิงเหยา ฉันไม่มีกระจิตกระใจมามีความรัก” เวินจิ้งส่ายหน้า
ตอนนี้เธอแค่อยากเอาใจใส่กับการเรียน
“ก็ไม่จำเป็นต้องมีความรัก นักศึกษาประสาทวิทยาของเธอรู้จักหมดแล้วเหรอ? ไม่รู้จักก็ตามฉันมา”
เวินจิ้งถูกหลิงเหยาลากออกไป
ที่ตั้งของสมาคมอยู่ชั้นบนสุดของร้านอาหารจีนในโรงเรียน นักศึกษาที่มาส่วนใหญ่มาจากแผนกประสาทวิทยาและศัลยกรรมทรวงอก
หลิงเหยาและเวินจิ้งเป็นคนที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในวิทยาลัย เมื่อเข้ามาฝูงชนก็แตกตื่น
เวินจิ้งถูกหลิงเหยาลากให้มานั่งอยู่ตรงกลาง ค่อนข้างคับแคบ เธอไม่ชอบความวุ่นวาย
แต่กับหลิงเหยา ความเป็นธรรมชาติของเธอทำให้ทำความคุ้นเคยกับคนรอบได้อย่างรวดเร็ว
ข้างๆเวินจิ้งเป็นผู้ชายใส่แว่น ผิวขาวสะอาด เขาเริ่มเอ่ยปาก “สวัสดี ฉันชื่อตู้ลี่เฉิง แผนกประสาทวิทยาเหมือนกัน”
“ฉันชื่อเวินจิ้ง” เวินจิ้งยิ้มบางๆ
ตู้ลี่เฉิงลดสายตาลง ถือแก้วน้ำด้วยความตื่นเต้น
เหมือนเห็นในแก้วของเวินจิ้งว่างเปล่า เขาช่วยเทให้เธอเต็มแก้ว
“ได้ยินมาว่าเธอเป็นคนเดียวที่ศาสตราจารย์ไป๋รับมาเป็นนักเรียน เธอทำได้อย่างไร?” ตู้ลี่เฉิงถามอย่างสงสัย “ฉันติดต่อศาสตราจารย์ไป๋ตั้งนานแล้ว เขาบอกว่าปีนี้เขาจะไม่รับนักเรียนแล้ว”
“ศาสตราจารย์อาจเปลี่ยนใจในภายหลัง”
“แต่ว่าผลสอบของเธอดีมาก ถูกศาสตราจารย์ไป๋รับไว้ ก็เป็นอย่างที่คาดหวังไว้”
“เธอกินอะไรหน่อยเถอะ พวกเขาไม่ร้องเพลงกันแล้ว เธอคงไม่ชอบ?” ตู้ลี่เฉิงมองเธอ
ดูแล้วนิสัยของเวินจิ้งก็จะเรียบร้อยไม่ชอบเล่น แม้แต่พูดก็น้อยมาก เว้นแต่ต่อหน้าคนที่คุ้นเคย
“ฉันกินอิ่มแล้ว นานไปร้องเพลงกับพวกเขาเถอะ เดี๋ยวฉันก็จะกลับไปอ่านหนังสือแล้ว”
“งั้นฉันส่งเธอกลับ พอดีฉันมีคำถามระดับมืออาชีพอยากถามเธอและต้องการคำชี้แนะจากเธอ”
“ไม่ต้องส่งฉันแล้ว นายถามฉันมาเถอะ ฉันก็ไม่รู้ว่าจะช่วยนายได้ไหม” เวินจิ้งเกรงใจ
ทันใดนั้นตู้ลี่เฉิงก็เข้ามาใกล้ “งั้นเราไปสนามหญ้าตรงนั้น ตรงนี้วุ่นวายมาก…”
ใกล้ดึกแล้ว สนามหญ้าคนไม่เยอะ ตู้ลี่เฉิงมองสายตาของเวินจิ้งรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ
“เราไปทางนั้นเถอะ ที่นี่วุ่นวายเกิน…”
ค่อยๆห่างออกไปจากความวุ่นวาย เวินจิ้งมองไปรอบๆ เงียบจนผิดปกติ
เมื่อหันไป สายตาของตู้ลี่เฉิงก็เปลี่ยนเป็นความน่ากลัว
เมื่อนึกถึงบางสิ่งได้ เวินจิ้งก็รับหันไป
แต่ตู้ลี่เฉิงเร็วกว่าได้ลากเธอเข้าไปในห้องอุปกรณ์ซึ่งอยู่ไม่ไกล และเสียง “ปัง” ปิดประตูอย่างแรง
ดวงตาของตู้ลี่เฉิงเปลี่ยนเป็นสีแดง
“นายจะทำอะไร?” เวินจิ้งสังเกตรอบๆ แต่ที่นี่แม้แต่หน้าต่างสักบานก็ไม่มี ทางที่จะสามารถออกไปได้ก็มีแต่ประตูนี้
ตู้ลี่เฉิงยิ้มเยือกเย็น ใกล้เข้ามาทีละก้าว คว้าผมของเวินจิ้งอย่างรุนแรง
“ฉันทำอะไร? ฉันก็ไม่ได้อยากทำอะไร ฉันก็แค่ทนเห็นนักเรียนที่ขโมยความคิดไม่ได้แต่กลับถูกศาสตราจารย์ไป๋รับไว้เป็นนักเรียน เธอรู้ไหมว่าเพื่อที่ฉันจะทำให้เขายอมรับ…ใช้ความพยายามไปมากเท่าไหร่ แต่เขากลับเลือกเธอ…”
ความไม่พอใจในสายตาของตู้ลี่เฉิงปรากฏออกมา แรงมือค่อยๆหนักขึ้น
เวินจิ้งสีหน้าขาวซีด มือข้างหนึ่งใช้แรงกดตู้ลี่เฉิงไว้ มืออีกข้างหยิบดัมเบลล์ข้างๆขึ้นมาและฟาดไป
ตู้ลี่เฉิงหลบไม่ทัน หน้าผากเลือดไหล แต่กลับกระตุ้นความโกรธของเขา
“ตู้ลี่เฉิง คะแนนผลรวมของฉันได้ที่หนึ่ง ได้รับการยอมรับจากศาสตาราจารย์ไป๋ถือว่าสมเหตุสมผล!” เวินจิ้งพูดเงียบๆ
เธอเงยหน้าขึ้น พยายามอย่างหนักที่จะผลักเขาออก