ตอนที่ 325 อยู่ห่างๆจากเขาหน่อย
มู่วี่สิงหันมามองเธอ ใบหน้าที่เคร่งเครียดของเขา อ่อนโยนลงเล็กน้อย เขาหันตัวมากอดเธอ
“ขอบคุณนะ”
เวินจิ้งยิ้ม ผลักเขาออกไป “ฉันก็แค่ช่วยคน”
………..
เมื่อกลับมาถึงมหาวิทยาลัยก็เป็นเวลาค่ำแล้ว หลิงเหยารู้เรื่องที่มู่ซือซือเข้าโรงพยาบาลแล้ว จึงถามอย่างกังวล “เธอถูกมู่เฟิงทำให้กำเริบหรือเปล่า”
เวินจิ้งขมวดคิ้ว จะว่าไป…. เหตุผลนั้นก็เกี่ยวอยู่เหมือนกัน
“หลังจากที่เขากับมู่เฟิงทะเลาะกัน ก็ไปลื่นล้มที่ห้องน้ำ”
“มู่เฟิงทำอะไรอีกหละ” หลิงเหยากังวลมาก
ตอนนี้อาการของมู่ซือซือ ยังเอาแน่เอานอนไม่ได้ เธอไม่อยากให้เกิดเรื่องอะไรกับเขาอีก
“เรื่องของตระกูลมู่ ฉันก็ไม่ค่อยรู้อะไรชัดเจน”
“ฉันจะไปเยี่ยมซือซือ” หลิงเหยาตอนนี้เริ่มจะนั่งไม่ติด
เวินจิ้งมองดูเวลา “พรุ่งนี้ค่อยไปเถอะ ไปโรงพยาบาลตอนนี้ก็ดึกแล้ว”
“อื้ม”
เวลานี้ โทรศัพท์ของหลิงเหยาก็ได้ดังขึ้น เป็นสายจากมู่ซือซือโทรมา
“เหยาเหยา มีฉันคนเดียวในโรงพยาบาล….” มู่ซือซือพูดพลางร้องไห้
ถ้าพูดถึงโรงพยาบาลแล้ว เธอไม่ชอบเอามากๆ
“เดี๋ยวฉันไปอยู่เป็นเพื่อนนะ แล้วมู่วี่สิงหละ”
“มีงานที่บริษัท พี่เลยต้องไปจัดการ เธอไม่ต้องมาแล้วหละ ฉันได้คุยกับเธอก็ได้แล้ว” มู่ซือซือพูดด้วยเสียงเบาๆต่ำๆ
“เธอกับส้งวี่เป็นยังไงบ้าง ปกติเขาอยู่ข้างเธอตามติดทุกก้าวไม่เคยห่างเลยไม่ใช่เหรอ” หลิงเหยานึกขึ้นมาได้
แต่มู่ซือซือกลับมาหนานเฉิงตั้งนานแล้ว เธอก็ไม่ได้เจอกับส้งวี่เลย
“อย่าไปพูดถึงเขาเลย ตอนนี้ฉันไม่อยากได้ยินชื่อของส้งวี่…..”
“………”
วันถัดมา ที่โรงพยาบาลในเครือของมหาวิทยาลัยหลินไห่
ไป๋สือเป็นศัลยแพทย์หลักของโรงพยาบาล เวินจิ้งถูกส่งให้ไปช่วยงานเขา
คิดไม่ถึงว่าจะต้องมาผ่าตัดมู่ซือซือ
ขาของเธอได้รับบาดเจ็บที่เนื้อเยื่อกระทบเส้นประสาทจำเป็นต้องได้รับการผ่าตัดรักษาร่วมกันจากแพทย์ศัลยกรรมกระดูกและแพทย์ทางระบบประสาท
เวินจิ้งเดินเข้ามาในห้องผู้ป่วยเมื่อมู่ซือซือเห็นเธอก็ขมวดคิ้วแน่น
“ทำไมถึงเป็นเธอ” สีหน้าเธอแสดงออกชัดเจนถึงความไม่พอใจ
“ฉันเป็นนักเรียนของศาสตราจารย์ไป๋” เวินจิ้งพูดอย่างเฉยเมย
“อ้อ! ฉันนึกออกแล้ว เธอก็เป็นนักเรียนของมหาวิทยาลัยหลินไห่ แล้วก็เรียนสาขาประสาทวิทยา อย่างนั้นเธอก็อยู่สาขาเดียวกับพี่ชายฉันสิ” มู่ซือซือได้สติขึ้นมา
“ฉันกับพี่ชายเธอไม่ได้เป็นอะไรกัน” เวินจิ้งขมวดคิ้ว
“เหอะเธอตั้งใจจะสอบเข้าสาขาประสาทวิทยา ก็เพื่อจะได้ใกล้ชิดพี่ชายฉัน ฉันดูก็รู้แล้ว” มู่ซือซือมองออกได้ทันที
เวินจิ้งไม่ได้แสดงออกอะไร ยิ่งถ้าเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับมู่ซือซือ เธอยิ่งไม่สนใจ
“รอให้ผ่าตัดเสร็จก่อน ฉันมีเรื่องสำคัญจะคุยกับเธอ”
ค่อนข้างค่ำแล้วมู่วี่สิงก็มาถึง
เวินจิ้งไปยังห้องผู้ป่วยเธอหันไปมองเขา
มู่วี่สิงได้หยุดลง
“คุณมู่”
“วันนี้อาจารย์ไป๋เป็นคนผ่าตัดหรือเปล่า” เขาขมวดคิ้ว
เวินจิ้งพยักหน้า “เรื่องที่ต้องระวังฉันบอกคุณหนูมู่ไปหมดแล้ว การผ่าตัดครั้งนี้อาจยุ่งยากนิดหน่อย”
“อื้มผมเข้าใจ ไม่ต้องกังวล” มู่วี่สิงยกมุมริมฝีปากขึ้น
นี่เป็นครั้งแรกที่เวินจิ้งได้เข้าไปห้องผ่าตัดเขาจะไปรู้ได้อย่างไร….. เธอตื่นเต้น
“ฉันขอตัวก่อน” เธอต้องการจะไปเตรียมตัว
มู่วี่สิงหรี่ตาลงมองไปยังเบื้องหลังของเวินจิ้งที่กำลังเดินไป
…….
การผ่าตัดของมู่ซือซือใช้เวลากว่าสี่ชั่วโมง เวินจิ้งสามารถเข้าดูการผ่าตัดของไป๋สือได้ ทำให้เวินจิ้งรู้สึกตื่นเต้นและตกใจ
ด้านนอก มู่วี่สิงและไป๋สือกำลังพูดคุยเรื่องเกี่ยวกับร่างกายของมู่ซือซือ
เวินจิ้งเตรียมการให้มู่ซือซือย้ายไปนอนที่ห้องผู้ป่วยธรรมดา ไม่นานเขาก็ฟื้นขึ้นมา
“คุณหนูมู่ การผ่าตัดราบรื่นดี สบายใจได้” เวินจิ้งพูดออกไป
นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้เข้าร่วมการผ่าตัด มันเป็นเรื่องที่วิเศษ ที่คงจำไปตลอดชีวิต
มู่ซือซือกระพริบตา ยาชาเริ่มหมดฤทธิ์ เธอค่อยๆรู้สึกเจ็บดเล็กน้อย
“พี่ชายฉันหละ” เธอมองไปรอบๆ มีแต่ความว่างเปล่า มีเพียงแต่เวินจิ้งและพยาบาลอีกคนที่เป็นผู้ช่วยฉีดยา
“เขากำลังปรึกษากับคุณหมอเรื่องของเธอ อีกไม่นานก็กลับมาแล้ว” เวินจิ้งจัดการเรื่องทุกอย่างเสร็จ แล้วก็หันหลังกลับออกไป
มู่ซือซือเรียกเธอไว้ แล้วถามเธออีกครั้ง “เวินจิ้งที่เธอเรียนประสาทวิทย าก็เพราะพี่ชายฉันใช่ไหม”
ได้ยินดังนั้น เวินจิ้งก็หยุดลง
สีหน้าของเธอตกลง “เธอคิดมาไปแล้ว”
“แต่ก็เพราะเหตุผลนี้” มู่ซือซือมองไปที่เธอ และไม่เชื่อคำพูดของเธอ
ด้านนอก ได้ยินคำพูดของเวินจิ้ง มู่วี่สิงได้หยุดเดิน เขาค่อยๆขมวดคิ้วแน่น
เวินจิ้งเดินออกมาก็อยู่ภายใต้สายตาของเขา
เขาเข้ามาตั้งแต่เมื่อไร
“ผมไปส่งคุณกลับมหาวิทยาลัย” เขาพูด
“ไม่เป็นไร ฉันกลับรถโดยสารสะดวกกว่า” เวินจิ้งถอดหน้ากากอนามัยออกแล้วเดินออกไป
“ผมไม่วางใจ” มู่วี่สิงอดไม่ได้ที่จะพูดอแกไปพลางดึงข้อมือของเธอไว้
“มู่วี่สิงไม่ต้องรบกวนคุณหรอก!” เวินจิ้งเริ่มโกรธ
เธอไม่ต้องการที่จะไปยุ่งเกี่ยวกับมู่วี่สองซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ตอนนี้เธอคิดแต่เพียง….. ไปให้ไกลจากเขาสักหน่อย
แต่ดูเหมือนว่า หลังจากหย่ากันแล้ว พวกเขาสองคนมักจะต้องเจอหน้ากันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
แม้ว่าหนานเฉิงจะใหญ่มาก แต่กลับรู้สึกว่าเล็กมากเหลือเกิน
ได้ยินแบบนั้น มู่วี่สิ่งนิ่งไปครู่หนึ่ง หายใจลึกๆ แล้วเขาก็ค่อยๆปล่อยมือเธอ
เวินจิ้งแทบอยากจะวิ่งหนีไป
แต่บรรยากาศตอนนี้ แทบจะไม่สามารถหลุดพ้นจากกลิ่นอายของมู่วี่สิงได้
เมื่อกลับถึงหอพัก หลิงเหยากำลังวางแผนที่จะไปเยี่ยมมู่ซือซือ
เวินจิ้งบอกเขาว่าการผ่าตัดของมู่ซือซือราบรื่นดี หลิงเหยาก็สบายใจอย่างมาก
“อิจฉาเธอจริงๆ เพิ่งจะได้เข้าเรียนก็ได้เข้าดูการผ่าตัดของศาสตราจารย์ไป๋แล้ว นี่มันเป็นความใฝ่ฝันของนักศึกษาทั้งมหาวิทยาลัยเลยนะ” แววตาของหลิงเหยาเผยให้เห็นความอิจฉาที่มี
ไป๋สือไม่เพียงแต่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านประสาทวิทยา เขายังเป็นคนที่มีชื่อเสียงของวงการแพทย์อีกด้วย
ตอนนี้เขาไม่ค่อยจะได้ลงมือผ่าตัดแล้ว โดยทั่วไปเขามักจะใช้เวลาไปกับงานวิจัย เว้นแต่ว่าโรงพยาบาลขาดแคลนบุคลากร หรือไม่ก็มีการผ่าตัดใหญ่ซึ่งเขาจะมาเป็นหัวหน้าทีมผ่าตัด
และเขาก็ไม่ค่อยจะรับนักศึกษาปริญญาโท ดังนั้นจึงมีรักศึกษาไม่มากที่จะได้ตามเขาเข้าไปห้องผ่าตัด
“ฉันก็เพิ่งจะได้รับแจ้งชั่วคราว แต่ฉันก็รู้สึกว่าโชคดีมาก” เวินจิ้งยิ้มอย่างภูมิใจ
หลังจากได้เข้าร่วมสังเกตการณ์ในห้องผ่าตัด เธอรู้สึกว่าได้เรียนรู้อะไรมากกว่าภาคทฤษฎี
“น่าเสียดายที่มู่วี่สิงไม่ได้เป็นหมอแล้ว ในสาขาประสาทวิทยา เขาเป็นคนเดียวที่มีชื่เสียงเทียบกับศาสตราจารย์ไป๋ได้” หลิงเหยาถอนหายใจ
การที่มู่วี่สิงออกไป มันเป็นความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ของวงการแพทย์เลยทีเดียว
อีกไม่กี่วันต่อมา ไป๋สือต้องเดินทางไปประชุมที่ต่างประเทศ เวินจิ้งกำลังติดตามอาการของมู่ซือซืออยู่ที่โรงพยาบาล
นั่นหมายความว่า…..เธอก็จะไม่สามารถหลบหน้ามู่วี่สิงได้อีกเช่นเคย
ผู้ช่วยแพทย์ได้เปลี่ยนยาให้กับมู่ซือซือ โดยมีเวินจิ้งคอยเขียนรายงานอยู่ด้านข้าง
เวลานี้ มู่ซือซือวางโทรศัพท์ลง แล้วผลักพยาบาลออกไปเพื่อจะลงจากเตียง
“ฉันอยากออกจากโรงพยาบาล!” เธอพูดด้วยความโกรธ
“น้องมู่ อาการของเธอตอนนี้ยังออกจากโรงพยาบาลไม่ได้นะ” พยาบาลหลายคนกำลังวุ่นอยู่กับการขัดขวางเธอ
“ฉันออกไปแค่แป๊ปเดียว……ไม่นานก็กลับมา!”
“น้องมู่ เรื่องอะไรก็ไม่สำคัญเท่าร่างกายนะ เธอพักผ่อนดีๆเถอะ” เวินจิ้งเดินเข้ามาโดยมีพยาบาลพาเธอกลับไปที่เตียง
มู่ซือซือใช้มือผลักเวินจิ้งให้กลับไปด้วยความเย็นชา และดิ้นรนลุกลงจากเตียงอีกครั้ง
“เรื่องนี้สำคัญกว่าร่างกายฉัน ฉันจะรีบกลับมาจริงๆ…………….” เธอพูดอย่างกระวนกระวาย
เมื่อมองเห็นมู่ซือซือที่กำลังจะนำรถเข็นเข้ามา เวินจิ้งก็รีบผลักรถเข็นออกไป
ในตอนนี้ มู่ซือซือไม่สามารถที่จะออกไปด้วยตนเองได้