Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 325

ตอนที่ 325

ตอนที่ 325 อยู่ห่างๆจากเขาหน่อย

มู่วี่สิงหันมามองเธอ ใบหน้าที่เคร่งเครียดของเขา อ่อนโยนลงเล็กน้อย เขาหันตัวมากอดเธอ

“ขอบคุณนะ”

เวินจิ้งยิ้ม ผลักเขาออกไป “ฉันก็แค่ช่วยคน”

………..

เมื่อกลับมาถึงมหาวิทยาลัยก็เป็นเวลาค่ำแล้ว หลิงเหยารู้เรื่องที่มู่ซือซือเข้าโรงพยาบาลแล้ว จึงถามอย่างกังวล “เธอถูกมู่เฟิงทำให้กำเริบหรือเปล่า”

เวินจิ้งขมวดคิ้ว จะว่าไป…. เหตุผลนั้นก็เกี่ยวอยู่เหมือนกัน

“หลังจากที่เขากับมู่เฟิงทะเลาะกัน ก็ไปลื่นล้มที่ห้องน้ำ”

“มู่เฟิงทำอะไรอีกหละ” หลิงเหยากังวลมาก

ตอนนี้อาการของมู่ซือซือ ยังเอาแน่เอานอนไม่ได้ เธอไม่อยากให้เกิดเรื่องอะไรกับเขาอีก

“เรื่องของตระกูลมู่ ฉันก็ไม่ค่อยรู้อะไรชัดเจน”

“ฉันจะไปเยี่ยมซือซือ” หลิงเหยาตอนนี้เริ่มจะนั่งไม่ติด

เวินจิ้งมองดูเวลา “พรุ่งนี้ค่อยไปเถอะ ไปโรงพยาบาลตอนนี้ก็ดึกแล้ว”

“อื้ม”

เวลานี้ โทรศัพท์ของหลิงเหยาก็ได้ดังขึ้น เป็นสายจากมู่ซือซือโทรมา

“เหยาเหยา มีฉันคนเดียวในโรงพยาบาล….” มู่ซือซือพูดพลางร้องไห้

ถ้าพูดถึงโรงพยาบาลแล้ว เธอไม่ชอบเอามากๆ

“เดี๋ยวฉันไปอยู่เป็นเพื่อนนะ แล้วมู่วี่สิงหละ”

“มีงานที่บริษัท พี่เลยต้องไปจัดการ เธอไม่ต้องมาแล้วหละ ฉันได้คุยกับเธอก็ได้แล้ว” มู่ซือซือพูดด้วยเสียงเบาๆต่ำๆ

“เธอกับส้งวี่เป็นยังไงบ้าง ปกติเขาอยู่ข้างเธอตามติดทุกก้าวไม่เคยห่างเลยไม่ใช่เหรอ” หลิงเหยานึกขึ้นมาได้

แต่มู่ซือซือกลับมาหนานเฉิงตั้งนานแล้ว เธอก็ไม่ได้เจอกับส้งวี่เลย

“อย่าไปพูดถึงเขาเลย ตอนนี้ฉันไม่อยากได้ยินชื่อของส้งวี่…..”

“………”

วันถัดมา ที่โรงพยาบาลในเครือของมหาวิทยาลัยหลินไห่

ไป๋สือเป็นศัลยแพทย์หลักของโรงพยาบาล เวินจิ้งถูกส่งให้ไปช่วยงานเขา

คิดไม่ถึงว่าจะต้องมาผ่าตัดมู่ซือซือ

ขาของเธอได้รับบาดเจ็บที่เนื้อเยื่อกระทบเส้นประสาทจำเป็นต้องได้รับการผ่าตัดรักษาร่วมกันจากแพทย์ศัลยกรรมกระดูกและแพทย์ทางระบบประสาท

เวินจิ้งเดินเข้ามาในห้องผู้ป่วยเมื่อมู่ซือซือเห็นเธอก็ขมวดคิ้วแน่น

“ทำไมถึงเป็นเธอ” สีหน้าเธอแสดงออกชัดเจนถึงความไม่พอใจ

“ฉันเป็นนักเรียนของศาสตราจารย์ไป๋” เวินจิ้งพูดอย่างเฉยเมย

“อ้อ! ฉันนึกออกแล้ว เธอก็เป็นนักเรียนของมหาวิทยาลัยหลินไห่ แล้วก็เรียนสาขาประสาทวิทยา อย่างนั้นเธอก็อยู่สาขาเดียวกับพี่ชายฉันสิ” มู่ซือซือได้สติขึ้นมา

“ฉันกับพี่ชายเธอไม่ได้เป็นอะไรกัน” เวินจิ้งขมวดคิ้ว

“เหอะเธอตั้งใจจะสอบเข้าสาขาประสาทวิทยา ก็เพื่อจะได้ใกล้ชิดพี่ชายฉัน ฉันดูก็รู้แล้ว” มู่ซือซือมองออกได้ทันที

เวินจิ้งไม่ได้แสดงออกอะไร ยิ่งถ้าเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับมู่ซือซือ เธอยิ่งไม่สนใจ

“รอให้ผ่าตัดเสร็จก่อน ฉันมีเรื่องสำคัญจะคุยกับเธอ”

ค่อนข้างค่ำแล้วมู่วี่สิงก็มาถึง

เวินจิ้งไปยังห้องผู้ป่วยเธอหันไปมองเขา

มู่วี่สิงได้หยุดลง

“คุณมู่”

“วันนี้อาจารย์ไป๋เป็นคนผ่าตัดหรือเปล่า” เขาขมวดคิ้ว

เวินจิ้งพยักหน้า “เรื่องที่ต้องระวังฉันบอกคุณหนูมู่ไปหมดแล้ว การผ่าตัดครั้งนี้อาจยุ่งยากนิดหน่อย”

“อื้มผมเข้าใจ ไม่ต้องกังวล” มู่วี่สิงยกมุมริมฝีปากขึ้น

นี่เป็นครั้งแรกที่เวินจิ้งได้เข้าไปห้องผ่าตัดเขาจะไปรู้ได้อย่างไร….. เธอตื่นเต้น

“ฉันขอตัวก่อน” เธอต้องการจะไปเตรียมตัว

มู่วี่สิงหรี่ตาลงมองไปยังเบื้องหลังของเวินจิ้งที่กำลังเดินไป

…….

การผ่าตัดของมู่ซือซือใช้เวลากว่าสี่ชั่วโมง เวินจิ้งสามารถเข้าดูการผ่าตัดของไป๋สือได้ ทำให้เวินจิ้งรู้สึกตื่นเต้นและตกใจ

ด้านนอก มู่วี่สิงและไป๋สือกำลังพูดคุยเรื่องเกี่ยวกับร่างกายของมู่ซือซือ

เวินจิ้งเตรียมการให้มู่ซือซือย้ายไปนอนที่ห้องผู้ป่วยธรรมดา ไม่นานเขาก็ฟื้นขึ้นมา

“คุณหนูมู่ การผ่าตัดราบรื่นดี สบายใจได้” เวินจิ้งพูดออกไป

นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้เข้าร่วมการผ่าตัด มันเป็นเรื่องที่วิเศษ ที่คงจำไปตลอดชีวิต

มู่ซือซือกระพริบตา ยาชาเริ่มหมดฤทธิ์ เธอค่อยๆรู้สึกเจ็บดเล็กน้อย

“พี่ชายฉันหละ” เธอมองไปรอบๆ มีแต่ความว่างเปล่า มีเพียงแต่เวินจิ้งและพยาบาลอีกคนที่เป็นผู้ช่วยฉีดยา

“เขากำลังปรึกษากับคุณหมอเรื่องของเธอ อีกไม่นานก็กลับมาแล้ว” เวินจิ้งจัดการเรื่องทุกอย่างเสร็จ แล้วก็หันหลังกลับออกไป

มู่ซือซือเรียกเธอไว้ แล้วถามเธออีกครั้ง “เวินจิ้งที่เธอเรียนประสาทวิทย าก็เพราะพี่ชายฉันใช่ไหม”

ได้ยินดังนั้น เวินจิ้งก็หยุดลง

สีหน้าของเธอตกลง “เธอคิดมาไปแล้ว”

“แต่ก็เพราะเหตุผลนี้” มู่ซือซือมองไปที่เธอ และไม่เชื่อคำพูดของเธอ

ด้านนอก ได้ยินคำพูดของเวินจิ้ง มู่วี่สิงได้หยุดเดิน เขาค่อยๆขมวดคิ้วแน่น

เวินจิ้งเดินออกมาก็อยู่ภายใต้สายตาของเขา

เขาเข้ามาตั้งแต่เมื่อไร

“ผมไปส่งคุณกลับมหาวิทยาลัย” เขาพูด

“ไม่เป็นไร ฉันกลับรถโดยสารสะดวกกว่า” เวินจิ้งถอดหน้ากากอนามัยออกแล้วเดินออกไป

“ผมไม่วางใจ” มู่วี่สิงอดไม่ได้ที่จะพูดอแกไปพลางดึงข้อมือของเธอไว้

“มู่วี่สิงไม่ต้องรบกวนคุณหรอก!” เวินจิ้งเริ่มโกรธ

เธอไม่ต้องการที่จะไปยุ่งเกี่ยวกับมู่วี่สองซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ตอนนี้เธอคิดแต่เพียง….. ไปให้ไกลจากเขาสักหน่อย

แต่ดูเหมือนว่า หลังจากหย่ากันแล้ว พวกเขาสองคนมักจะต้องเจอหน้ากันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

แม้ว่าหนานเฉิงจะใหญ่มาก แต่กลับรู้สึกว่าเล็กมากเหลือเกิน

ได้ยินแบบนั้น มู่วี่สิ่งนิ่งไปครู่หนึ่ง หายใจลึกๆ แล้วเขาก็ค่อยๆปล่อยมือเธอ

เวินจิ้งแทบอยากจะวิ่งหนีไป

แต่บรรยากาศตอนนี้ แทบจะไม่สามารถหลุดพ้นจากกลิ่นอายของมู่วี่สิงได้

เมื่อกลับถึงหอพัก หลิงเหยากำลังวางแผนที่จะไปเยี่ยมมู่ซือซือ

เวินจิ้งบอกเขาว่าการผ่าตัดของมู่ซือซือราบรื่นดี หลิงเหยาก็สบายใจอย่างมาก

“อิจฉาเธอจริงๆ เพิ่งจะได้เข้าเรียนก็ได้เข้าดูการผ่าตัดของศาสตราจารย์ไป๋แล้ว นี่มันเป็นความใฝ่ฝันของนักศึกษาทั้งมหาวิทยาลัยเลยนะ” แววตาของหลิงเหยาเผยให้เห็นความอิจฉาที่มี

ไป๋สือไม่เพียงแต่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านประสาทวิทยา เขายังเป็นคนที่มีชื่อเสียงของวงการแพทย์อีกด้วย

ตอนนี้เขาไม่ค่อยจะได้ลงมือผ่าตัดแล้ว โดยทั่วไปเขามักจะใช้เวลาไปกับงานวิจัย เว้นแต่ว่าโรงพยาบาลขาดแคลนบุคลากร หรือไม่ก็มีการผ่าตัดใหญ่ซึ่งเขาจะมาเป็นหัวหน้าทีมผ่าตัด

และเขาก็ไม่ค่อยจะรับนักศึกษาปริญญาโท ดังนั้นจึงมีรักศึกษาไม่มากที่จะได้ตามเขาเข้าไปห้องผ่าตัด

“ฉันก็เพิ่งจะได้รับแจ้งชั่วคราว แต่ฉันก็รู้สึกว่าโชคดีมาก” เวินจิ้งยิ้มอย่างภูมิใจ

หลังจากได้เข้าร่วมสังเกตการณ์ในห้องผ่าตัด เธอรู้สึกว่าได้เรียนรู้อะไรมากกว่าภาคทฤษฎี

“น่าเสียดายที่มู่วี่สิงไม่ได้เป็นหมอแล้ว ในสาขาประสาทวิทยา เขาเป็นคนเดียวที่มีชื่เสียงเทียบกับศาสตราจารย์ไป๋ได้” หลิงเหยาถอนหายใจ

การที่มู่วี่สิงออกไป มันเป็นความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ของวงการแพทย์เลยทีเดียว

อีกไม่กี่วันต่อมา ไป๋สือต้องเดินทางไปประชุมที่ต่างประเทศ เวินจิ้งกำลังติดตามอาการของมู่ซือซืออยู่ที่โรงพยาบาล

นั่นหมายความว่า…..เธอก็จะไม่สามารถหลบหน้ามู่วี่สิงได้อีกเช่นเคย

ผู้ช่วยแพทย์ได้เปลี่ยนยาให้กับมู่ซือซือ โดยมีเวินจิ้งคอยเขียนรายงานอยู่ด้านข้าง

เวลานี้ มู่ซือซือวางโทรศัพท์ลง แล้วผลักพยาบาลออกไปเพื่อจะลงจากเตียง

“ฉันอยากออกจากโรงพยาบาล!” เธอพูดด้วยความโกรธ

“น้องมู่ อาการของเธอตอนนี้ยังออกจากโรงพยาบาลไม่ได้นะ” พยาบาลหลายคนกำลังวุ่นอยู่กับการขัดขวางเธอ

“ฉันออกไปแค่แป๊ปเดียว……ไม่นานก็กลับมา!”

“น้องมู่ เรื่องอะไรก็ไม่สำคัญเท่าร่างกายนะ เธอพักผ่อนดีๆเถอะ” เวินจิ้งเดินเข้ามาโดยมีพยาบาลพาเธอกลับไปที่เตียง

มู่ซือซือใช้มือผลักเวินจิ้งให้กลับไปด้วยความเย็นชา และดิ้นรนลุกลงจากเตียงอีกครั้ง

“เรื่องนี้สำคัญกว่าร่างกายฉัน ฉันจะรีบกลับมาจริงๆ…………….” เธอพูดอย่างกระวนกระวาย

เมื่อมองเห็นมู่ซือซือที่กำลังจะนำรถเข็นเข้ามา เวินจิ้งก็รีบผลักรถเข็นออกไป

ในตอนนี้ มู่ซือซือไม่สามารถที่จะออกไปด้วยตนเองได้

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท