Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 353

ตอนที่ 353

บทที่ 353 เขาคืออดีตสามีของเธอ

เวินจิ้งหายใจเข้าลึกๆ หยิบกระเป๋าแล้วรีบออกไปอย่างรวดเร็ว

กลับทำให้เธอรู้สึกโล่งใจแทน

ทีหลัง ….. จะไม่กลับไปอีก

ไม่ต้องเป็นห่วง ไม่ต้องเป็นกังวลอีกต่อไป

ในห้องผู้ป่วย มู่วี่สิงคิดอะไรเกี่ยวกับงานที่ไหนกัน

เมื่อเห็นเกาเชียนจะออกไป เขาหันไปถามอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “เมื่อกี้ฉันรุนแรงไปเหรอ”

เวินจิ้งเพิ่งมองไปที่สายตาของเขา และก็ถูกเขาทำให้ตกใจกลัวร้องไห้ออกมา

แต่ตอนที่อยู่ต่อหน้าเธอ เขามักจะซ่อนอารมณ์ของเขาเอาไว้เสมอ

เกาเชียนได้ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แต่เขาไม่กล้าพูดออกไปว่าเจ้านายเป็นคนรุนแรง ……มันเป็นคำถามที่สร้างความแตกหัก!

“คุณมู่ คุณไม่ได้รุนแรงครับ” เกาเชียนพูดพลางทำหน้าจริงจัง

“ความจริงเหรอ” มู่วี่สิงหรี่ตาแคบ

“จริง จริงครับ!”

เหงื่อที่อยู่บนใบหน้าของเกาเชียนก็ไหลออกมา……

………..

เมื่อกลับถึงหอพัก หลิงเหยาหันไปมองเวินจิ้งในทันที

“ไม่ค้างคืนเหรอ”

“แน่นอน” เวินจิ้งได้ปรับสภาพอารมณ์แล้ว

“ไม่เหมือนเธอเลยนะ” หลิงเหยามองดูเวินจิ้ง

เวินจิ้งถูกเธอมองมาอย่างไม่สบายตัว…….

“มู่วี่สิงเป็นอะไรเหรอ” หลิงเหยาถาม

“กระดูกหัก”

“หนักมากอ่ะ” หลิงเหยาคิดว่ามู่วี่สิงแกล้งเกิดเรื่อง เพื่อให้เวินจิ้งไปหา

“อืม น่าจะต้องรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลสักพักหนึ่ง”

“งั้นเธอก็ต้องไปเยี่ยมเขาทุกวันใช่ไหม”

“ฉัน …..” เวินจิ้งเม้มริมฝีปาก “ฉันไม่ไปแล้วล่ะ”

“เธอทิ้งได้เหรอไง”

“มีอะไรจะต้องทิ้งล่ะ เขาก็ไม่ใช่คนของฉัน”

“เขาคือสามีเก่าเธอไงล่ะ”

เวินจิ้ง : ………

“ตอนนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับฉันแล้ว”

“แล้วเมื่อกี้เธอไปทำไม”

“ฉันตามเพื่อนร่วมชั้นของพวกเราไปเยี่ยมคนป่วย ถึงอย่างไรเขาก็เป็นศาสตราจารย์ของสาขาพวกเรา” เวินจิ้งดูอย่างดูดี

หลิงเหยาส่ายหัวอย่างหมดหนทาง หญิงสาวผู้นี้ปากแข็ง…….

“ใช่ใช่ใช่ เขาเป็นศาสตราจารย์ของเธอ งั้นเธอก็ควรไปดูแลเขา”

“ฉันจะไม่ได้ดูแลเขา!”

“เดี๋ยวอีกไม่กี่วันเธอก็จะกลับไปแน่นอน”

แต่ก็สงสารพี่ชายของเธอ ยากที่จะชอบผู้หญิงคนนี้ได้ ผู้ที่ใจมีใครอื่นอยู่ก่อนแล้ว

หลิงเหยาไม่กล้าบอกเรื่องนี้กับหลิงอี้ ไม่อย่างนั้นเขาจะหึงหวงขึ้นมาได้ สามารถจะทำอะไรขึ้นมาก็ทำได้

อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ก็จะไปถึงหูหลิงอี้เองโดยธรรมชาติ

ความสัมพันธ์ของเขาและมู่วี่สิงไม่ได้คุ้นเคยกัน ทั้งสองตระกูลก็ไม่ได้มีความร่วมมือกัน แต่อยู่ในวงเดียวกัน ก็ยังคงมีข่าวกันอยู่

ยิ่งไปกว่านั้นช่วงนี้ความวุ่นวายของบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปก็เกิดขึ้นบ่อยครั้ง แม้ว่าคนนอกจะไม่ทราบ แต่จะมีกลุ่มใหญ่บางกลุ่มได้ยินข่าวลือมา

มู่วี่สิงเข้าโรงพยาบาลในครั้งนี้ เกรงว่าเหตุนั้นไม่ธรรมดา

“ช่วยฉันดูเวินจิ้ง” หลิงอี้กำชับน้องสาว

หลิงเหยาได้ส่งสัญลักษณ์แสดงออกถึงความเห็นอกเห็นใจกับเขา: ไม่สามารถจริงๆ

หลิงอี้ : ไม่ต้องการลายเซ็นของ Biers แล้ว

หลิงเหยา : ……… เห็นด้วย!

………

วันรุ่งขึ้นเป็นวันเสาร์ ห้องทดลองของบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปยังคงซ่อมแซมอยู่ การวิจัยและพัฒนายายังคงอยู่ที่ห้องทดลองของมหาวิทยาลัยหลินไห่

อย่างไรก็ตาม เห็นได้ชัดว่าเวินจิ้งถูกปล่อยให้โดดเดี่ยว

นักศึกษาอีกสองคนนั้นล้วนแต่สามารถเข้าร่วมในการวิจัยและพัฒนาได้ แต่เวินจิ้งยังคงถูกจัดให้ทำบันทึกรายงาน

ยิ่งกว่านั้นเพื่อนร่วมงานหลายคนก็ไม่ให้ความร่วมมือ และเรื่องสำคัญหลายเรื่องก็ไม่ได้มาบอกกันเธอ

ดังนั้นการทำงานของเธอจึงยากที่จะดำเนินต่อ

เธอหวังว่าจะเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการวิจัยและพัฒนามากขึ้น

ขณะกำลังเหม่อ รายงานที่อยู่ในมือก็หล่นลงกับพื้น และหล่นไปกระทบบนหลังเท้าของผู้รับผิดชอบ

อีกฝ่ายก็อุทานขึ้น พูดด้วยเสียงโกรธ “เวินจิ้ง เธอทำอะไร!”

“ขอโทษค่ะ” เวินจิ้งพูดอย่างเย็นชา

“ฉันเห็นว่าเธอจงใจ ถ้าไม่อยากอยู่ที่นี่ก็ไปซะ ทีมเราขาดเธอแค่คนเดียวก็ไม่เป็นไร”

สูดลมหายใจลึก และมองไปที่ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้า พลางกัดริมฝีปากอย่างเฉยเมย “ทีมก่อตั้งขึ้นจากการร่วมกันของบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปและมหาวิทยาลัยหลินไห่ ในเมื่อฉันเป็นคนที่มหาวิทยาลัยแนะนำมา ก็เลยมาเป็นสมาชิกของทีมนี้ นอกจากฉันทำอะไรผิด มหาวิทยาลัยจะเป็นคนให้ฉันออกจากกลุ่ม ไม่อย่างนั้น ฉันก็มีความจำเป็นต้องมาทุกวันเสาร์”

“ได้ งั้นฉันจะคอยดูว่าเธอจะอยู่ที่นี่ได้นานสักแค่ไหน”

พูดจบ ก็ยื่นขวดสารละลายขวดหนึ่งให้เวินจิ้ง “เอาไปวิเคราะห์และแยกส่วนประกอบ”

ที่นี่ตำแหน่งผู้รับผิดชอบใหญ่ที่สุด ดังนั้นทุกคนต่างจำเป็นต้องฟังคำสั่งของเธอ

“ได้” ใบหน้าเวินจิ้งไม่ได้แสดงอาการใดๆ

แต่ภายในใจลึกๆ ยังคงไม่ได้รับความเป็นธรรม

เมื่อเดินไปด้านข้าง เธอสวมถุงมือ เพื่อนร่วมงานหลานคนที่อยู่รอบๆมองมายังเธอ และพูดจาหักหน้า

“เวินจิ้ง เธอต้องระวังหน่อยนะ อย่าทำให้เกิดเรื่องอะไรขึ้นอีก”

“ใช่ ต่อให้ฟ้องคุณมู่ ก็คงไม่มีความหมายอะไรแล้ว”

“โธ่ พวกเธอว่าจะเกิดเรื่องอะไรล่ะ ถึงยังไงเขากันคุณมู่ก็ดูจะมีอะไรที่มากกว่านั้น …..”

“เธอคิดว่าจะมีใครจะสามารถไต่ขึ้นไปหาคุณมู่ได้ ก็แค่นักศึกษาคนหนึ่ง คุณมู่คงไม่ชายตามองหรอก กล้าใส่ร้าย Amy พวกเราต้องให้ความเป็นธรรมกับเธอ

“จริงด้วย……”

“……….”

เวินจิ้งทำหูทวนลมกับเสียงรอบข้าง หลังจากเขียนรายงานการวิเคราะห์เสร็จสิ้น เพื่อนร่วมงานที่อยู่ห้องทดลองต่างก็ออกไปกินข้าว เหลือแต่เธอและเพื่อนร่วมงานอีกคนหนึ่งที่ยังอยู่

เวินจิ้งไม่คุ้นเคยกับเขา แม้ว่าจะทำวิจัยร่วมกันทุกสัปดาห์ แต่ก็จำได้แค่ชื่อเขาเท่านั้น

เวินเหอเดินเข้ามา “ต้องการให้ช่วยอะไรไหม”

เวินจิ้งส่ายหัว “ฉันใกล้จะเสร็จแล้ว”

“ต้องไปกินข้าวไหม เร็วหน่อย”

เวินจิ้งมองดูเวลา แม้ว่าจะหิวแล้ว แต่เธอก็อารมณ์ไม่ดี และก็ไม่รู้สึกอยากกินอะไร

“พวกเขาไม่ค่อยพอใจเธอ ผมคิดว่าคุณน่าจะยากที่จะทำงานอยู่ที่นี่ต่อไป” เวินเหอพูดความจริง

การวิจัยและพัฒนาต้องมีความร่วมมีกัน ตอนนี้เขาและเพื่อนร่วมชั้นอีกคนหนึ่งก็เข้ามาร่วมด้วยแล้ว แต่เวินจิ้งถูกกีดกัน จึงหมดหนทางที่จะได้มีส่วนร่วมในการวิจัยและพัฒนาที่สำคัญนี้ได้

สำหรับเธอแล้ว นี่เป็นเรื่องที่เสียเวลามาก

เวินจิ้งก็รู้อยู่แล้ว แต่เธอต้องการจะเรียนต่อที่นี่จริงๆ

เธอไม่เคยอยากจะล้มเลิกกลางคัน

“ถ้าผมจะช่วยล่ะ” เวินจิ้งเงยหน้า สายตาที่แสดงออกถึงสีหน้าที่ดื้อรั้น

เวินเหอหยุดไปครู่หนึ่ง สักพักก็ยิ้มขึ้นทันที “ท่าทางแบบนี้ไม่เลว ถึงแม้ว่าคนของบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปจะไม่ต้องรับคุณ พวกเราต่างก็เป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยหลินไห่ด้วยกัน พวกเราจะยืนอยู่ข้างคุณแน่นอน”

เวินจิ้งได้ยินแล้วก็รู้สึกซาบซึ้งและอบอุ่นไม่น้อย “ขอบคุณนะ”

“ไปกันเถอะ ไปกินข้าวด้วยกัน ผมจะคุยกับคุณเกี่ยวกับความคืบหน้าของการวิจัยและพัฒนา”

เวินจิ้งต้องเขียนรายงาน แต่คนของบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปไม่ได้บอกเรื่องอะไรกับเธอเลย เวินเหอรับรู้ถึงความยากลำบากของเธอ

ในตอนบ่ายทั้งสองคนกลับไปยังห้องทดลอง งานของเวินจิ้งที่ได้รับความช่วยเหลือจากเวินเหอ เรื่องทุกอย่างจัดการอย่างราบรื่นไปมากแล้ว

แต่ผู้ที่รับผิดชอบสั่งเธอมากมายเหลือเกิน เธอจึงยุ่งตลอดจนถึงตอนเย็น

จนกระทั่งโทรศัพท์ของหลิงเหยาก็โทรมา

“เธอยังไม่กลับเหรอ”

“ฉันยังยุ่งอยู่เลย” เวินจิ้งขมวดคิ้ว

“ตอนนี้มันเย็นมากแล้วไม่ใช่เหรอ คนอื่นเขาคงเลิกงานกันหมดแล้ว”

“อืม ฉันก็เกือบแล้วล่ะ”

“โอเคโอเค เดี๋ยวฉันไปหาเธอ”

เพิ่งจะวางสายโทรศัพท์ ไม่นานนักโทรศัพท์ของเวินจิ้งก็ดังขึ้น เป็นสายโทรเข้าของมู่วี่สิง

ครู่หนึ่ง เสียงดังอยู่สักพัก เธอจึงกดรับโทรศัพท์

“ไม่อะไรเหรอ”

“ผมจะเปลี่ยนคนคุมทีมวิจัยและพัฒนา” น้ำเสียงของมู่วี่สิงดังมาอย่างหนักแน่น

เวินจิ้งขมวดคิ้ว “หมายความว่าไง”

“แค่บอกให้คุณรู้”

เกาเชียนได้รายงานกับเขาแล้ว ในเรื่องที่เวินจิ้งถูกเพ่งเล็ง ในส่วนของคนที่อยู่เบื้องหลัง บริษัทไม่เคยที่ปล่อยไว้

ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเวินจิ้ง

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท