Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 363

ตอนที่ 363

บทที่ 363 คุณขัดขืนผมไม่ได้หรอก (3)

พลบค่ำ เวินจิ้งต้องกลับโรงเรียนแล้ว เมื่อเห็นว่าใกล้ถึงเวลา เธอจึงเก็บข้าวของของเธอ

“ถ้าคุณอยากได้อะไร ก็กดกริ่งเรียกพยาบาลได้ทุกเมื่อนะ” เวินจิ้งกำชับ

มู่วี่สิงตอบรับด้วยเสียง แต่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามอง

ในตอนนี้ ท่าทางอันแสนเย็นชาของมู่วี่สิง ทำให้เวินจิ้งรู้สึกผิดหวังขึ้นมาเล็กน้อย

เวินจิ้งกลับยังคงอยู่ตรงนั้น และไม่ยอมกลับไป

ด้ามจับประตูไม่สามารถบิดเพื่อเปิดได้

เธอขมวดคิ้ว และหันหลังกลับมา

มู่วี่สิงนิ่งขรึมมาโดยตลอด

“ด้ามจับเปิดไม่ออก”

มู่วี่สิงจึงกดกริ่งเรียกพยาบาล หลังจากรออยู่สักพัก ทุกอย่างกลับนิ่งสนิทเหมือนเช่นเดิม

แม้แต่โทรศัพท์มือถือ ก็ยังไม่มีสัญญาณเสียด้วยซ้ำ

“มีใครอยู่ข้างนอกไหมคะ …… ช่วยเปิดประตูที……”

มักจะมีบอดี้การ์ดคอยยืนคุ้มกันอยู่ที่ด้านนอกประตูเสมอ แต่ในตอนนี้ กลับไม่มีเสียงใด ๆ ตอบรับกลับมาแม้แต่น้อย

สีหน้าของเวินจิ้งซีดเผือดในทันที เอียงคอหันไปมองมู่วี่สิง “คุณรีบสั่งให้คนมาที่นี่เดี๋ยวนี้เลย”

“ในเมื่อถูกขังแล้ว ก็อยู่ที่นี่เสียเถอะ”

เวินจิ้งเงียบ

“คุณคงไม่ได้เจตนาหรอกใช่ไหม” เวินจิ้งถลึงตามองชายหนุ่ม

“ในหัวใจของคุณ ผมเป็นคนชั่วร้ายเจ้าเล่ห์ขนาดนี้เลยเหรอ” น้ำเสียงของมู่วี่สิงเยือกเย็นขึ้นมาเล็กน้อย

เวินจิ้งเม้มปาก คงจะไม่ใช่โดยธรรมชาติแหละน่า

คำพูดเมื่อสักครู่นี้ คงเพราะโกรธจัดมากถึงได้พูดออกมาแบบนั้น

เธอหันหลังกลับมา “คุณไม่กังวลบ้างเหรอ ตอนนี้พวกเรากำลังถูกขังอยู่ที่นี่นะ”

“เดิมทีผมต้องนอนโรงพยาบาลอยู่แล้วนี่”

ถูกต้อง สำหรับมู่วี่สิงแล้ว เรื่องนี้ไม่มีผลกระทบต่อเขา

“ฉันต้องกลับโรงเรียน” เวินจิ้งกล่าวด้วยเสียงเข้ม

“คุณไม่ต้องเข้าร่วมการวิจัยและพัฒนาพรุ่งนี้”

“แต่ฉันยังมีธุระอื่นอีก” เวินจิ้งหลบสายตาของมู่วี่สิง

เมื่อคิดไปว่าคืนนี้ พวกเธอทั้งสองคนต้องอาศัยอยู่ที่นี่ด้วยกัน ไม่ได้ ไม่ได้เด็ดขาด!

มู่วี่สิงมองดูท่าทางขัดขืนของเธอที่ปรากฏออกมา ดวงตาสีดำขลับจึงมืดหม่นลงเล็กน้อย

“มู่วี่สิง คุณต้องเปิดประตูได้สิใช่ไหม…….” เวินจิ้งมองดูเขาอย่างคาดหวัง

“พวกเราติดกับดักแล้ว คุณไม่รู้บ้างเหรอ หืม” มู่วี่สิงขมวดคิ้ว

บอดี้การ์ดไม่อยู่ สัญญาณโทรศัพท์หายไป แม้แต่กริ่งเรียกของโรงพยาบาล ก็ยังไม่ได้รับการตอบสนอง

เห็นได้ชัดว่ามีคนเจตนาทำให้มันเป็นเช่นนี้

แต่เมื่อดูจากลักษณะนิสัยของมู่วี่สิงแล้ว เขาจะปล่อยให้ตัวเองถูกจัดการแบบนี้ได้อย่างไร

“ฉันรู้ ฉันถึงได้กำลังคิดหาวิธีอยู่”

“เชื่อฟังผม แล้วมาอยู่ข้าง ๆ ผมเถอะ เมื่อถึงเวลาแล้ว จะมีคนปล่อยพวกเราออกไปเอง”

เวินจิ้งเงียบ

นี่ไม่ใช่คำตอบที่เธออยากได้ยิน!

เธอถลึงตามองมู่วี่สิงด้วยความโกรธจัด เธอยังคงตบประตูเหมือนเช่นเดิม แต่ด้านนอกกลับไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ ตอบสนองกลับมา

และบริเวณระเบียงก็ถูกปิดตายเอาไว้ เธอจึงไม่มีทางออกไปข้างนอกได้

ส่วนมู่วี่สิงนั้น ยังคงนั่งอ่านเอกสารต่อไปอย่างมั่นคงไม่ไหวติงแต่อย่างใด……

เมื่อเห็นเวินจิ้งเดินวนไปวนมาอย่างกระวนกระวายใจ รอยยิ้มในแววตาของเขาก็ส่องประกายขึ้น และกล่าวออกมาว่า “มาอยู่ข้าง ๆ ผมสิ”

“ฉันต้องออกไปนะ มู่วี่สิง!”

“พรุ่งนี้ถึงจะออกไปได้”

“ทำไมถึงต้องเป็นพรุ่งนี้” เวินจิ้งมองดูเขา

“คืนนี้ออกไปไม่ได้แล้ว”

เวินจิ้งเงียบ

เธอแทบไม่อยากจะเชื่อมู่วี่สิงเลย!

“คุณตั้งใจนี่นา!”

“ถ้าผมอยากให้คุณอยู่ที่นี่ต่อ ไม่จำเป็นต้องทำอะไรชั่วร้ายขนาดนี้หรอก เวินจิ้ง คุณขัดขืนผมไม่ได้ใช่ไหมล่ะ” แขนทั้งสองข้างถูกรวบเอาไว้แน่น มู่วี่สิงคว้าตัวเธอเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดอย่างฉับพลัน

หัวใจของเวินจิ้งเต้นรัวเร็วไม่เป็นจังหวะ และจ้องมองชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าโดยไม่กะพริบตาเลยแม้แต่น้อย

ใบหน้าอันหล่อเหลาที่เคลื่อนเข้ามาใกล้ชิดของเขา ช่างมีเสน่ห์ชวนให้หลงใหลเสียเหลือเกิน

“ฉัน……”

“ตอนนี้ข้างนอกมีแต่คนของมู่เหิง เมื่อผ่านเช้าของวันพรุ่งนี้ไปได้แล้ว ประตูบานนี้ถึงจะเปิดออก” มู่วี่สิงกล่าวด้วยเสียงเข้ม

“เขาคิดจะทำอะไรกัน” เวินจิ้งรู้สึกอกสั่นขวัญแขวน

เห็นได้ชัดว่ามู่วี่สิงรู้ดีอยู่เต็มอก แต่ทำไมถึงไม่ยอมจัดการลงมือล่วงหน้ากัน

หรือว่านี่จะเป็นแผนซ้อนแผนกัน

“เดี๋ยวพรุ่งนี้คุณก็รู้ ตอนนี้ผมมั่นใจว่าไม่มีทางไหนที่ออกไปได้”

เวินจิ้งนิ่งเงียบลง ท่าทางของมู่วี่สิงไม่เหมือนกำลังโกหก เขาเองไม่จำเป็นต้องโกหกด้วย

“พรุ่งนี้เป็นวันอะไร”

“การประชุมผู้ถือหุ้นสำคัญของบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปจะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้ เมื่อผ่านการประชุมผู้ถือหุ้นสำคัญนั่นไปได้แล้ว คุณถึงจะออกไปจากที่นี่ได้” น้ำเสียงของมู่วี่สิงนิ่งเรียบและแน่วแน่

แต่ทว่าเวินจิ้งกลับจับบางอย่างจากน้ำเสียงนั้นได้

“คุณไม่ไปเข้าร่วมการประชุมผู้ถือหุ้นเหรอคะ”

“ผมไปไม่ได้”

“มู่เหิงต้องการกักขังคุณ เพราะไม่ต้องการให้คุณไปเข้าร่วมการประชุมนั่น เขาต้องการยึดอำนาจใช่ไหม” เวินจิ้งกำลังวิเคราะห์สถานการณ์

“ฉลาดไม่เบานี่” มู่วี่สิงยิ้ม

“แน่นอน แล้วคุณตัดสินใจว่าจะทำยังไงคะ”

“ผมจะนั่งดู”

“ดังนั้น คุณเลยเจตนายอมให้มู่เหิงกักขังคุณไว้ที่นี่สินะ”

มู่วี่สิงไม่ตอบกลับไป แต่ทว่าในสายตาของเวินจิ้งแล้ว เห็นได้ชัดว่าเป็นการยอมรับโดยปริยาย

ดังนั้น เธอจำต้องอยู่ที่นี่ในคืนนี้จริง ๆ …….

แต่ที่นี่กลับมีเตียงแค่หลังเดียวเท่านั้น……

แต่ทว่ายังคงมีโซฟาหนึ่งตัว

“ฉันจะไปนอนที่โซฟาแล้วกัน” เวินจิ้งต้องการผลักมู่วี่สิงออกไป

แต่ทว่าเขากลับอุ้มเธอไปบนเตียงอย่างค่อนข้างแข็งกร้าว ทันใดนั้น พวกเขาทั้งสองคนเกือบจะแนบชิดติดกัน

เมื่อเสียง “แปะ” ดังขึ้น มู่วี่สิงก็ปิดไฟเสีย

บรรยากาศโดยรอบอบอวลไปด้วยความอ่อนโยนละมุนละไม

เวินจิ้งได้ยินเสียงหัวใจเต้นที่ดังรัวเร็วไม่เป็นจังหวะของตัวเองอย่างชัดเจน

“มู่วี่สิง……”

“ราตรีสวัสดิ์ครับ คุณนายมู่” น้ำเสียงที่ชวนให้คนหลงใหลของเขาดังขึ้นที่ข้างใบหูของเธอ และกำลังมอมเมาเธอ

คำเรียกที่คุ้นเคย แต่ทว่าความสัมพันธ์เช่นนั้นกลับไม่หวนกลับมาเป็นดังเช่นเดิมอีกต่อไป

ในไม่ช้า ดูเหมือนว่ามู่วี่สิงจะผล็อยหลับไปแล้ว เสียงลมหายใจของเขานั้นอ่อนโยนมากทีเดียว

แต่เธอจะนอนหลับลงได้ยังไงกัน ในเมื่อเจ้าหมาป่าร้ายยักษ์อย่างมู่วี่สิงกำลังอยู่ที่ข้างกายเธอ แม้แต่ดวงตาเธอยังไม่กล้าหลับเลยแม้แต่นิดเดียว

คนที่เคยมีสัมพันธ์ลึกซึ้งด้วยเมื่อครั้งหนึ่ง ต้องมาแบ่งปันหมอนและเตียงร่วมกันอีกครั้ง ถึงแม้ว่าเวินจิ้งจะรู้สึกขัดแย้ง แต่ในความเป็นจริงแล้ว ความรู้สึกที่ปรากฏขึ้นมามากกว่านั้นคือความพึ่งพิง

เธอยังคงพึ่งพิงมู่วี่สิงเหมือนดังเช่นวันวาน

ความรู้สึกนี้ได้หยั่งรากลึกและแผ่กิ่งก้านสาขาตั้งแต่นานวันแล้ว

เมื่อเงยหน้าขึ้น สายตาของเธอมืดสนิทอย่างมาก แต่ทว่าเธอยังคงมองเห็นภาพร่างอันหล่อเหลาและลึกซึ้งของมู่วี่สิงได้อย่างชัดเจนเหมือนเช่นเดิม

ในตอนนี้เขากำลังหลับตาอยู่ แต่ทว่าออร่าทั่วทั้งกายของเขายังคงแผ่ซ่านความสง่างามและความเยือกเย็นออกมาเหมือนเช่นเดิม ทำให้เธอรู้สึกได้ถึงระยะห่างอันแสนไกลโพ้น

แต่ทว่าในตอนนี้ ผู้ชายคนนี้กำลังอยู่ที่ข้างกายของเธอ

เมื่อพลิกตัวแล้ว เวินจิ้งยังคงนอนไม่หลับต่อไปเป็นเวลานาน ทันใดนั้น มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาที่ข้างหูของเธอ

“อย่าขยับตัวสิ อยู่นิ่ง ๆ หน่อย” เสียงของมู่วี่สิงร้อนผ่าวขึ้นเล็กน้อย

ทำให้ภายในหูของเวินจิ้ง รู้สึกจั๊กจี้ยังไงชอบกล

หัวใจของเธอเต้นหนักมากขึ้นกว่าเดิม

“คุณยังไม่นอนอีกเหรอ” เธอกระซิบถามอย่างแผ่วเบา

“คุณพลิกตัวไปมาแบบนี้ ผมจะนอนหลับลงได้เหรอ” ตราบใดที่เวินจิ้งเพียงพลิกตัวหนึ่งครั้ง ก็จะมองเห็นถึงสายตาในตอนนี้ของมู่วี่สิง ที่เปี่ยมไปด้วยความอันตรายเป็นอย่างมาก

“งั้นคุณก็เลิกกอดฉันได้แล้ว” เวินจิ้งรักษาระยะห่างระหว่างตัวเธอกับมู่วี่สิงเล็กน้อย

แต่ทว่าทันใดนั้น เธอลืมไปว่าตัวเองกำลังนอนอยู่ที่ขอบเตียง และเมื่อสายตาเห็นว่าเธอกำลังจะกลิ้งตกลงจากเตียง มู่วี่สิงจึงกอดเธอเอาไว้แน่น

“เวินจิ้ง!” มู่วี่สิงโกรธเล็กน้อย

เวินจิ้งไม่กล้าขยับเขยื้อนตัวในทันที เธอรับรู้ได้อย่างชัดเจนว่ามู่วี่สิงกำลังมีอารมณ์รุนแรง

เขาในตอนนี้….ยากที่จะรับมือได้

เวินจิ้งหลับตาลง และบังคับตัวเองให้นอนหลับให้ได้……..

ร่างกายค่อย ๆ รู้สึกผ่อนคลายลง เธอเอนหลังเข้ามาพิงในอ้อมแขนของมู่วี่สิง เสียงลมหายใจของชายหนุ่มหนักมากขึ้นเรื่อย ๆ

เช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อเวินจิ้งตื่นขึ้นมา ก็เป็นเวลาสายเสียแล้ว

เมื่อลืมตาตื่นขึ้น เธอรีบลุกนั่งในทันที และมองดูเวลา

เก้าโมงเช้าแล้ว!

ส่วนมู่วี่สิงตื่นตั้งแต่เช้าแล้ว เขาเอนตัวพิงหัวเตียง แขนยาวของเขากำลังโอบกอดเธออย่างแนบชิด

เวินจิ้งก้มศีรษะลงโดยไม่รู้ตัว เมื่อเห็นเวลาเสื้อผ้ายังคงอยู่บนร่างกาย ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งใจออกมา

เมื่อเอียงคอไป ก็ต้องปะทะเข้ากับสายตาอันลึกซึ้งของมู่วี่สิงอย่างฉับพลัน

“คุณ……คุณตื่นแล้ว”

“อืม เมื่อวานนอนหลับสบายไหม” เขาถาม

“เอ๋” เวินจิ้งขมวดคิ้ว ดูเหมือนว่าจะหลับสนิทอยู่นะ

ถึงแม้ว่าตอนแรกจะยังนอนหลับไม่ค่อยสนิท แต่ต่อมาก็ค่อย ๆ รู้สึกสบายใจมากขึ้น

ดูเหมือนว่าหลังจากที่เธอกับมู่วี่สิงได้หย่ากัน เมื่อคืนนี้ถือเป็นคืนที่เธอสามารถนอนหลับสนิทมากที่สุดทีเดียว

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท