Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 369

ตอนที่ 369

บทที่ 369 เขาเป็นคนอุ้มเธอกลับมา (9)

“ทำไม คิดจะให้มู่เหิงไปส่งหรือไง” มู่วี่สิงกล่าวด้วยเสียงเย็นชา

น้ำเสียงของเขาทำให้เวินจิ้งตกใจกลัว มันช่างน่ากลัวเสียเหลือเกิน

คิดอยากจะดึงมือของตัวเองกลับมา แต่กลับถูกเขาคว้าเอาไว้อย่างแน่นหนา

เธอขมวดคิ้ว และหยุดเดิน

“ฉันกำลังเรียกรถอยู่ต่างหาก” เธอเอ่ยปากอธิบาย

ทันใดนั้น เธอก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงหันหลังกลับไปมองรถยนต์สีดำคันหรูที่เคลื่อนตัวออกไปไกลแล้วคันนั้น

เธอเคยเห็นรถยนต์คันนี้มาก่อน มีรายงานข่าวว่า ฉินเฟยเคยขึ้นรถยนต์คันนี้

ในตอนนั้นเอง เธอยังนึกว่ารถยนต์คันนั้นเป็นของมู่วี่สิงด้วย

แต่เมื่อมองดูให้ดี กลับเป็นมู่เหิงอย่างนั้นเหรอ

“อย่าติดต่อกับมู่เหิง” มู่วี่สิงหรี่ตาลง สีหน้าหม่นหมองเป็นอย่างมาก

ทันใดนั้น ออร่าความเยือกเย็นของเขาทำให้เวินจิ้งไม่กล้าออกเสียงใด ๆ

เพียงแต่ว่าเมื่อมองดูสีหน้าของมู่วี่สิงนั้น กลับนุ่มนวลขึ้นมาก

อย่างน้อยก็สามารถยืนยันได้อย่างหนึ่งว่า มู่วี่สิงไม่เคยเข้าข้างฉินเฟย

“ฉันเปล่าเสียหน่อย” เธอเอ่ยปาก

“คอยอยู่ข้าง ๆ ผมไว้” เมื่อพูดจบ เขาก็ให้เวินจิ้งขึ้นรถไป

เมื่อได้ยินคำพูดของมู่วี่สิง เวินจิ้งก็ชะงักไปครู่หนึ่ง

และไม่เข้าใจในสิ่งที่มู่วี่สิงต้องการจะสื่อ

จึงไม่ยอมขึ้นรถ

“คุณนายมู่” คำกระซิบอันแสนคุ้นเคยที่ดังขึ้นที่ข้างใบหู ทำให้ทั่วทั้งสรรพางค์กายของเวินจิ้งอ่อนแรงไปหมด

เมื่อเงยหน้าขึ้น ก็สบเข้ากับสายตาอันลึกซึ้งของมู่วี่สิง จูบอันเร่าร้อนของเขาประทับลงมาในทันที

มันประทับติดแน่น จนทำให้เธอแทบจะหายใจหอบ

เธออยู่ภายในอ้อมแขนของเขา และอ่อนแรงไปทั้งตัวจนแทบยืนไม่อยู่

เธอทำได้แต่เพียงแอบอิง และตะเกียกตะกายผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเธอเท่านั้น

“คุณ….จะมากเกินไปแล้วนะ” เวินจิ้งตำหนิเขา

มู่วี่สิงอุ้มเธอขึ้นรถเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และช่วยคาดเข็มขัดนิรภัยให้กับเธอ

เวินจิ้งเหนื่อยเหลือเกิน การผ่าตัดดำเนินไปทั้งสิ้นห้าชั่วโมงถ้วน ตอนนี้สภาพของเธอคือสามารถผล็อยหลับไปได้ในทันที เมื่อเธอหลับตา

“พักผ่อนให้สบายเถอะ” ปลายนิ้วอันเรียวยาวลูบไล้ที่ระหว่างคิ้วของหญิงสาว น้ำเสียงของเขาอ่อนโยนเหลือเกิน

เวินจิ้งลืมตาอยู่ แต่ทว่าไม่สามารถต้านทานบรรยากาศอันแสนสบายเอาไว้ได้ จึงผล็อยหลับไปในที่สุด

เมื่อตื่นขึ้นมา ฟ้าก็สว่างเสียแล้ว

อย่างที่คิดไว้……

ไม่ปรากฏร่างของมู่วี่สิงอยู่ที่ข้างกายของเธอ หรือว่าเธอจะอยู่ที่…..หอพักกัน

เวินจิ้งหันไปมองดูโดยรอบ เธอกลับมาได้อย่างไรกัน

ในตอนนั้น ก็มีเสียงดังขึ้นที่หน้าประตู เมื่อหลิงเหยาเห็นว่าเธอตื่นขึ้นมาแล้ว จึงเดินไปหาและยิ้มอย่างกรุ้มกริ่มเป็นอย่างมาก……

“แหม ๆ นึกว่ายังอยู่กับมู่วี่สิงหรือจ๊ะ”

เวินจิ้งเงียบ

“มู่วี่สิงมาส่งฉันเหรอ”

“เขาเป็นคนอุ้มเธอกลับมาน่ะ”

น้ำเสียงของหลิงเหยาเน้นย้ำไปที่คำว่า “กอด” อย่างหนัก

เวินจิ้งเงียบ

เธอเกาศีรษะของเธอ และลุกออกจากเตียง

“การผ่าตัดเมื่อคืนดึกมาก เขาเลยมาส่งฉัน……”

“ฉันรู้ ไม่ต้องอธิบายหรอกน่า ฉันเข้าใจแล้ว”

เมื่อได้ยินน้ำเสียงหลิงเหยาเข้า เวินจิ้งก็รู้แล้วว่าเธอจะต้องคิดไม่ดีอย่างแน่นอน……

เธอเองก็บอกไม่ถูก…..

แต่ทว่า ทำไมมู่วี่สิงถึงไม่ปลุกเธอกันเล่า!

เมื่อมองดูเวลา ตอนนี้ใกล้เที่ยงแล้ว

เธอรีบล้างหน้าบ้วนปาก และไปยังห้องทดลองในทันที วันนี้เป็นวันเสาร์ ต้องเข้าร่วมการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ยาของบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป……..

เมื่อมาถึงยังห้องทดลอง แต่ภายในกลับไม่มีคนอยู่สักคนเดียว เวินจิ้งจึงชะงักไปครู่หนึ่ง ประตูกลับล็อกอยู่อย่างแน่นหนา

นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

เธอกดเปิดโทรศัพท์ ตัดสินใจถามเพื่อนร่วมชั้นที่ต้องเข้าร่วมการวิจัยและพัฒนาครั้งนี้ด้วย แต่กลับพบว่ามีประกาศแจ้งเตือนเข้ามาเมื่อคืนวานนี้ เนื่องจากยังไม่มีการจัดวางบุคลากรให้เรียบร้อย การวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ยาของหลินด๊าในปัจจุบันจึงต้องถูกระงับเป็นการชั่วคราว

เนื่องจากการผ่าตัดดำเนินต่อไปจนถึงเวลาดึกมาก ถึงจะเสร็จสิ้นลง เธอจึงพลาดข้อความนั้นไป

ยิ่งไปกว่านั้น ตอนบ่ายวันนี้ เธอจะต้องเดินทางไปที่โรงพยาบาล เพื่อจัดการกับเอกสารหลังการผ่าตัดด้วย

…….

ที่ตระกูลมู่

เมื่อเห็นว่าส้งวี่มาที่นี่ ทันใดนั้น สีหน้าของมู่ซือซือก็เคร่งเครียดขึ้นมาทันที

ขณะที่กำลังจะปิดประตู แต่ทว่าส้งวี่กลับเข้ามาภายในห้องได้เสียก่อน

รูปร่างอันสูงใหญ่โน้มตัวเข้ามาใกล้ มู่ซือซือจ้องมองไปที่เขา

“คุณมาทำอะไรที่นี่”

“ซือซือ อย่าไล่ผมเลย ให้ผมอยู่เป็นเพื่อนคุณนะ”

“ฉันไม่ต้องการ! ส้งวี่ คุณกลับไปได้แล้ว!”

เมื่อเห็นว่าส้งวี่กำลังโน้มตัวเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อย ๆ หนามทั่วทั้งตัวของมู่ซือซือแทบจะตั้งตระหง่านขึ้นมา และคว้าหมอนที่อยู่ข้างตัวขึ้นมา และฟาดไปที่เขา

ส้งวี่รับเอาไว้ได้อย่างแน่นิ่งไม่ไหวติง

“ซือซือ ใจเย็นหน่อย ผมก็แค่อยากช่วยคุณเท่านั้น” ส้งวี่ขมวดคิ้ว และไม่เข้าไปใกล้เธออีก

“พี่ชายฉันจะต้องช่วยฉันได้แน่ อย่างร้ายที่สุดก็แค่เข้าคุก ฉันทำใจไว้แล้วน่า” มู่ซือซือกล่าวอย่างกระวนกระวาย

เมื่อได้ยินดังนั้น ความเย็นชาในแววตาของส้งวี่ก็แผ่ซ่านออกมาอย่างรุนแรง

เขาเดินมาหา และกอดมู่ซือซือเอาไว้แน่น “คุณจะไม่ต้องเข้าคุก ไม่มีทางแน่นอน”

ผ่านไปครู่ใหญ่ อารมณ์ของมู่ซือซือถึงจะผ่อนคลายลงเล็กน้อย

เธอสูดจมูกของเธอ และเงยหน้าขึ้นมามองส้งวี่ “ฉันอยากไปหาเขา”

เขาที่ว่านั้น ส้งวี่รู้โดยธรรมชาติในทันทีว่าคือฉีเซิน

“ไม่ได้”

“ฉันไม่ทำอะไรเขาหรอก”

“ตอนนี้คุณต้องพักผ่อน ไม่ต้องคิดอะไรแล้ว เข้าใจไหม” ส้งวี่โอ๋หญิงสาวด้วยเสียงเข้ม

“ฉันเข้าใจแล้ว”

“ตอนเที่ยงอยากกินอะไรล่ะ” ส้งวี่ถามอย่างอดทน

“ร้านซาลาเปาทอดที่อยู่ทางเหนือของเมือง แต่ว่ามันอยู่ไกลมากเลยนะ” มู่ซือซือถอนหายใจ น้ำเสียงไม่อาจซ่อนความผิดหวังเอาไว้ได้

ส้งวี่ปลอบโยนเธอด้วยความเอ็นดู “คุณนั่งรออยู่ที่นี่แล้วกัน ผมจะไปซื้อมาให้”

“คุณโกหกฉันอีกแล้ว” เห็นได้ชัดว่าน้ำเสียงของมู่ซือซือไม่เชื่อใจเขาเลยแม้แต่น้อย

“ผมจะกล้าโกหกคุณได้ยังไงกัน รอผมอยู่ที่นี่นะ”

เมื่อพูดจบ เขาก็รีบออกไปอย่างรวดเร็ว

มู่ซือซือยืนอยู่ที่ระเบียง และมองดูส้งวี่ขับรถออกไป เธอกัดริมฝีปากอย่างรุนแรง

ผ่านไปครู่ใหญ่ เธอเปลี่ยนเสื้อผ้าและเดินทางออกไป

เมื่อเวินจิ้งมาถึงยังโรงพยาบาล มีรถแท็กซี่คันหนึ่งจอดอยู่ที่ข้างหน้าเธอ และคนที่ลงจากรถนั้นกลับไม่ใช่คนอื่นคนไกล แต่เป็นมู่ซือซือนั่นเอง

เธอมาที่นี่ได้อย่างไร

และเห็นได้ชัดว่ามู่ซือซือเองก็เห็นเวินจิ้งแล้ว แต่เธอกลับไม่สนใจเวินจิ้ง และเดินตรงไปที่แผนกผู้ป่วยในทันที

เวินจิ้งนึกขึ้นมาได้ว่า ฉีเซินยังคงนอนรักษาตัวอยู่ที่นี่!

หรือว่ามู่ซือซือจะมาหาฉีเซินกัน

ด้วยความกังวลว่าเธอจะมาก่อเรื่องเข้า จึงรีบรายงานมู่วี่สิงในทันที จากนั้นจึงเดินตามเข้าไป

ห้องผู้ป่วยของฉีเซินเป็นห้องเดี่ยว เมื่อมู่ซือซือขึ้นไปยังชั้นบน จะมีพยาบาลคอยห้ามเธอเอาไว้

แต่ทว่าเธอกลับใช้แรงอย่างมากผลักพยาบาลคนนั้นออกไป และบุกเข้าไปในห้องผู้ป่วยของฉีเซินทันที

ห้องผู้ป่วยของฉีเซินมีบอดี้การ์ดคอยคุ้มกันอยู่ เมื่อเห็นมู่ซือซือเข้า จึงรีบหยุดเธอเอาไว้ในทันที

ฉีเซินนั่งอยู่บนเตียง และมองดูมู่ซือซือที่กำลังโกรธเคือง ด้วยแววตาที่แสนเย็นชา

เขากำชับบอดี้การ์ดว่า “ให้เธอเข้ามา”

มู่ซือซือเย้ยหยัน และมองดูฉีเซินที่กำลังบาดเจ็บสาหัสตั้งแต่หัวจรดเท้า เขาช่างเล่นละครได้สมบทบาทเสียจริง!

เธอลงมือทำร้ายเขาหนักเสียขนาดนั้นที่ไหนกัน แต่ทว่าตอนนี้ฉีเซินกลับบาดเจ็บไปทั่วทั้งร่างกาย!

เพื่อให้เธอต้องรับโทษ เขาถึงกับลงทุนยอมทำถึงขนาดนี้เชียว!

“หรือว่าคุณมู่จะมาเยี่ยมไข้ผมเหรอครับ” ฉีเซินกล่าวติดตลก

“ฉันมาดูว่าคุณตายแล้วหรือยังต่างหาก!” มู่ซือซือกล่าวอย่างโกรธจัด

“คุณตีผมเบาเกินไปหน่อยนะ”

คำพูดนี้ยั่วให้มู่ซือซือโกรธจนควันออกหูอย่างไม่ต้องสงสัย มือของเธอเงื้อขึ้นมา นัยน์ตามองเห็นเกือบจะบีบคอของฉีเซิน

แต่ทว่าเขากลับรวดเร็ว และคว้าข้อมือของมู่ซือซือเอาไว้ได้ทัน

ในตอนนั้นเอง ที่มู่วี่สิงก็ผลักประตูเข้ามาพอดี

เขารีบสาวเท้าก้าวเข้ามาอย่างรวดเร็ว เพื่อดึงตัวมู่ซือซือออกไป

“คุณฉีครับ ขอโทษที่รบกวนด้วย” มู่วี่สิงมีสีหน้าเย็นชา พร้อมกับลากมู่ซือซือออกไปจากห้อง

แต่ทว่ามู่ซือซือยอมเสียที่ไหนกัน เธอดิ้นรนขัดขืนอย่างสุดกำลัง และไม่ยอมออกไปอย่างเด็ดขาด

“พี่ ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้!”

“เลิกก่อเรื่องได้แล้ว มู่ซือซือ!”

ขณะที่กำลังมองดูทั้งสองคนออกไปจากห้อง ฉีเซินไม่มีทางปล่อยโอกาสนี้ให้หลุดรอดไปอีกแน่นอน จึงกล่าวด้วยเสียงดังว่า “โทรแจ้งตำรวจให้ฉันที มีคนจงใจขู่ฆ่าฉัน!”

เมื่อได้ยินดังนั้น บอดี้การ์ดที่คอยคุ้มกันอยู่เสมอไม่กล้าที่จะเพิกเฉยไปได้ ขณะที่กำลังจะเตรียมตัวโทรแจ้งตำรวจนั้น มู่วี่สิงใช้มือข้างเดียวของเขาคว้าโทรศัพท์มือถือของชายคนนั้นเอาไว้ และปาไปที่กำแพงอย่างเหี้ยมโหด

“นาย…….” แววตาของมู่วี่สิงเต็มไปด้วยความมุ่งร้าย มันน่ากลัวจนไม่กล้าที่จะพูดอะไรออกมาได้

“โทรแจ้งตำรวจเดี๋ยวนี้! มันยืนงงอะไรกันอยู่เล่า!” เสียงของฉีเซินดังขึ้นมาเหมือนเช่นเดิม

มู่วี่สิงหยุดชะงักไป สายตามองดูฉีเซินอย่างเยือกเย็น “ฉีเซิน นี่ไม่ใช่การขู่ฆ่าหรอก แต่มันคือการเอาคืน!”

การเอาคืน…….

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท